BEV ชิ้นส่วนที่แพงที่สุดในรถคือแบตเตอรี่

อายุเฉลี่ยนแบเตอรี่รถยนต์จริงๆอยู่ที่ 300,000 กม. และ 15 ปี
แต่เข้าใจได้ว่าประกันคงไม่คุ้มครองชั่วโครตอยู่แล้ว

เจ้าตลาด BYD มีประกัน 8 ปี หรือ 160,000 กม ถึงอย่างใดอย่างหนึ่งถือว่าหมดการคุ้มครอง
หลังจากนี้ไปมีความเสี่ยงว่าจะเลื่อมสภาพไปเรื่อยๆ แต่ไม่ใช่ใช้งานไม่ได้เลย
ในกลุ่มรถยังมีคนที่แบตใช้งานได้ปกติหลังจาก 300,000 - 400,000 กม



จากข่าวเจ้าของรถคันหนึ่งวิ่งไป 190,000 ในระยะเวลา 3 ปี
ในแง่การใช้งานคุ้มค่าไปแล้ว (หรืยังไม่คุ้มเพราะซื้อก่อนลดราคา)
แต่ในแง่ระยะเวลาการขับขี่ยังเหลืออีก เกือบ 5 ปี


แบตเตอรี่เริ่มเสื่อม อู่บอกต้องเปลี่ยนแบตใหม่ 400,000 บาท

นาทีนี้ไปน้ำมัน หรือไฮบริดก่อนดีกว่า ถ้ายังไม่พร้อมเจอปัญหา
คือ ev ตอนนี้ มันช่วง learning อยู่ชัดๆ

ปล.เจ้านี้อะไหล่แพงโคดอยู่แล้ว ไม่รู้ถ้าเป็นแบรนด์อื่นของจะถูกลงกี่เปอร์เซ็น

วิ่ง 190,000 ใน 3 ปี ก็เฉลี่ยวิ่งวันละ 173 กม. แบบไม่พักซักวันเลยนะ

เอาจริงๆ วิ่งขนาดนี้ ถือว่าใช้งานโหดอยู่นะ เหมือนวิ่งไปพัทยาวันนี้ ขับกลับ กทม. พรุ่งนี้ ทำแบบนี้ 3 ปี

ถ้า 3 ปีวิ่งขนาดนี้ ผมว่าเจ้าของรถก็ใช้คุ้มแล้วนะ แต่ความเห็นผมก็คือ ราคาค่าแบตก็แพงเกินเหตุจริงๆ

ดูยูทูปวันก่อนรถไฟฟ้าวิ่ง4แสนโลคุณภาพแบทเหลือ50-60%วิ่งได้100โลเปลี่ยนช่วงล่างใหม่3-4หมื่น เปลี่ยนแบทใหม่3-4แสน เหมือนเพิ่มตังแสน2แสนซื้อคันใหม่ได้เลย

คุ้มไหมสรุป ปลายทางก็จ่ายแพงแตกอยู่ดี

ไหนจะเรื่องประกันที่แพงกว่า สรึปว่าคุ้มไหมแล้วไกนราคาขายต่ออีกที่ดิ่งกว่าน้ำมัน

กาชารถ ดวงดีได้แบต 400,000 กิโล ดวงซวย 160,000

แบตนี่ปัญหาหลักๆของรถ ev เลย เสื่อมตามเวลา + เสื่อมตามรอบการชาร์จ + ซีลกันน้ำเสื่อมสภาพความชื้นเข้าแบต ใหนจะเรื่องอุบัติเหตุที่เสียหายถึงแบตอีกแล้วราคาอย่างโหด

วิ่ง 190,000 ใน 3 ปี น่าจะใช้งานรถประกอบธุรกิจ

เคยพูดไว้รถ EV ความเสี่ยงอยู่ที่แบตฯ ตอนนั้นมีคนมาบอกว่ามันเปลี่ยนได้ทีละโมดูล ไม่แพงหรอก

ถ้าค่าแบตมันอยู่ 20-30 % ของราคาคนปัจจุบันของรุ่นนั้นๆ ผมมองว่าคุ้มค่านะแต่นี้ ราคารถก็ลดเอาๆ แต่ราคาอะไหล่ราคาแบตไม่ลดเลย

เอาจริงๆนะโพสนี้ก็ไม่รู้สรุปยังไงเหมือนกันเพราะอยู่ๆโพสหายไป
บางคนขับรถเป็น 10 ปียังไม่ถึง 190,000 โลเลย ส่วนผมวันละ 250-300 โลรอดูว่าแบตผมจะไปตอนใหนถ้าราคา 400000 ผมก็ไม่สู้เหมือนกันถึงยอดที่ประหยัดจากน้ำมัน Cover แล้วก็ตาม

คุ้มสำหรับคนชอบเปลี่ยนรถบ่อย

ก็เห็นบอกคุ้มแล้วๆๆ ไอ้ส่วนต่างน้ำมันราวๆ 3 บาทต่อกิโล สองแสนโลตีกลมๆก็ 6 แสนเชียวนะ

หรือถ้าคิดแค่สองบาทต่อกิโลก็ 4 แสน

ราคาแบตฯมันก็ลดลงมาตั้งสี่สิบกว่าเปอรืเซนต์ละนี่ ยังไงก็คุ้มมมมม

ปล เคสนี้น่าจะได้ดีลไปเรียบร้อยแล้ว ไม่รู้จ่ายเหลือเท่าไรจากสี่แสน

ราคาลดไป 6 แสน
แบตอีก 4 แสน

วิ่งยังไงให้คุ้ม ...

ถ้ารู้สึกว่าแพง แสดงว่าเขาไม่ได้ทำมาขายเรา

ผมไม่ได้มีเงินเหลือใช้รถไฟฟ้า ที่บ้านใช้รถน้ำมันแต่ละคัน 15 ปีขึ้นไปทุกคัน

ก็มันหมดประกันจริงเรียกร้องอะไรไม่ได้

เหมือนพวกรถยุโรปแหละ ไม่ต่างกัน BMW งี้ถ้า BSI หมดไม่ชิงขายก่อนก็ขนหน้าแข้งร่วงได้เลย

ของพวกนี้อยากได้ก็ต้องเตรียมใจก่อนซื้อแหละ

แต่รถยุโรปมันยังขายได้ไง ไอ้นี่หมดสภาพราคาแทบจะเป็น 0

ถ้าให้เลือกเองก็คงไม่ซื้อแต่แรก ส่วนหลายคนที่ไม่ซื้อก็คงคิดเหมือนกัน

เขาไม่ได้มองแค่ว่ามันถูกแล้วเป็น EV แล้วซื้อแค่นั้น

เพราะงั้นถ้าไม่ได้เตรียมใจมาก่อนแล้วหลงมาซื้อก็จะเป็นแบบนี้แหละ

ต่อไปถ้าคนซื้อไปแล้วเจอเคสแบบนี้เยอะ เดี๋ยวคนก็จะไปซื้ออย่างอื่นเองแหละ

คันเก่าปี 2003 ฟิตเครื่อง3หมื่น ทำเกียร์2หมื่น ช่วงล่างยางล้อ2หมื่น ทำแอร์อีกไม่ถึงหมื่น เพราะงี้ถึงยังรักรถน้ำมัน

ต้องเข้าใจก่อนว่ามันเสียครับ มันไม่ได้เสื่อมหรอก
เสื่อมคือ soh มันลดจนกระทบการใช้งานจนใช้ไม่ไหว
เคสนี้คือซวย แต่เหตุที่ซวย ไม่รู้ทำไม ถ้ามีโดนน้ำ ก็เคลมประกันภัยไป

แต่เคสนี้ผมว่าได้ดีลแล้ว อาจจะ goodwill ซ่อมให้ฟรี หรือให้ส่วนลด

จริงๆเคสนี้จบไม่ยาก BYD ก็เพิ่มกิโลที่ใช้ให้ลูกค้าหน่อย จาก 160k เป็นซัก 240k

แล้วถ้าเปลี่ยนก็ให้ส่วนลดอะไหล่เค้าหน่อย

ถ้านำเข้าแยกชิ้นแล้วภาษีแพง ลองคุยกับภาครัฐดูว่าเคลียร์ยังไงได้บ้าง จะมีลดภาษีอะไรให้บ้างไหม

แต่เอาเข้าจริงๆ สุดท้ายรถที่มันหมดประกันศูนย์ ก็เข้าอู่นอกไปครับ อู่นอกมีทางออกให้แหละ
ถ้าสู้ค่าแบตไม่ไหว ก็ขายซากเอาแบตทำโซล่าไป