ขนาดยังไม่ได้ย้ายมา

ก็ล่อซะแล้ว

ใจเย็นๆ ย้ายมาค่อยแขวะก็ได้

อันนี้องุ่นเปรี้ยวหรืออะไรครับ อิกอไม่มาเพราะกลาสเนอไม่การันตีตัวจริง(ก็ที่บอกว่าไม่ใช่สเปคก่อนนี้)เลยเลือกย้ายไปเวสแฮม ส่วนบอกว่ากลาสเนอไม่มีผลลองไปอ่านดูก้อปมาให้อ่านแล้วหลายๆแหล่งข่าวทั้งสายวงในลิเวอพูล โรมาโน่ สำนักข่าวใหญ่ก็ลงแนวๆนี้ถ้าอยากเชื่อว่าGossipก็ตามสบายเลยพ่อ

***เนื้อข่าว***
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ มาร์ค เกอี ได้แจ้งความประสงค์อย่างชัดเจนต่อ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ ว่าเขาต้องการย้ายไปร่วมทีมลิเวอร์พูล แต่ ณ เวลานั้น การเจรจายังคงไร้ซึ่งความคืบหน้า

ขณะเดียวกัน คริสตัล พาเลซ ก็กำลังเดินเกมอย่างเร่งรีบเพื่อเสริมทัพในแนวรับ นำไปสู่การเจรจาคว้าตัว อิกอร์ ฮูลิโอ ปราการหลังของไบรท์ตัน ซึ่งแม้ทั้งสองสโมสรจะบรรลุข้อตกลงยืมตัวได้ และนักเตะเดินทางมาถึงสนามซ้อมแล้ว แต่เขาก็ไม่ถูกมองว่าเป็นตัวแทนโดยตรงของเกอี

เช่นเดียวกับ เจย์ดี ก็องโวต์ ดาวรุ่งวัย 19 ปีจากตูลูส ที่แม้จะปิดดีลสำเร็จ แต่ก็ยังไม่ใช่คำตอบ

มีรายงานว่าพาเลซกำลังพิจารณา สตราฮินย่า พาฟโลวิช ทีมชาติเซอร์เบียวัย 24 ปี ซึ่งมีโปรไฟล์ใกล้เคียงกับเกอีมากกว่า แต่การเจรจานิ่งสนิท

แล้วเรื่องราวก็มาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เมื่อเวลาล่วงเลยบ่าย 3 โมงไปเล็กน้อย พลันก็มีข่าวใหญ่สะเทือนออกมาว่าเกอีได้รับอนุญาตให้ไปตรวจร่างกายกับลิเวอร์พูล หลังสโมสรยอมรับข้อเสนอ 35 ล้านปอนด์

การตรวจร่างกายเสร็จสิ้นลงอย่างรวดเร็วในลอนดอน โดยที่เกอียืนรอฟังข่าวดีว่าพาเลซจะอนุมัติการย้ายทีมครั้งประวัติศาสตร์นี้หรือไม่

ทว่า ที่ทำการของพาเลซ บรรยากาศกลับตึงเครียดขึ้นทุกขณะ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ ได้ย้ำจุดยืนกับประธานสโมสร สตีฟ พาริช อย่างแข็งกร้าว ว่าเขาคัดค้านข้อตกลงนี้อย่างถึงที่สุด

และเมื่อพิจารณาถึงสถานะสัญญาของกุนซือชาวออสเตรียที่จะหมดลงหลังจบฤดูกาล การเดิมพันอนาคตของเขาเพื่อขัดขวางการขายกัปตันทีมโดยไม่หาตัวแทนจึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้าม กลาสเนอร์ถึงกับต้องต่อสายตรงถึงเกอี เพื่ออธิบายเหตุผลที่เขาต้องขวางทางการย้ายทีมครั้งนี้

และแล้วดราม่า (ที่ไม่เกี่ยวข้องกัน) ก็เกิดขึ้นราว 4 โมงครึ่ง เมื่อการย้ายตัวของ อิกอร์ สู่พาเลซกลับล่มลงอย่างกะทันหัน โดยนักเตะเปลี่ยนใจย้ายไปร่วมทีมเวสต์แฮมแทน นี่คือโดมิโนตัวสำคัญที่ล้มลงผิดทิศทาง

แต่เมื่อเส้นตายเวลา 1 ทุ่มผ่านพ้นไป ลิเวอร์พูลยังไม่ยอมแพ้ พวกเขายื่น Deal Sheet กับพรีเมียร์ลีก เพื่อต่อลมหายใจของดีลนี้และรอคอยไฟเขียวสุดท้ายจากพาเลซ

ท้ายที่สุดแล้ว จุดยืนอันแข็งกร้าวของกลาสเนอร์ที่ว่า "ไม่มีตัวแทน ก็ไม่มีการขาย" ก็เป็นฝ่ายกำชัย

สตีฟ พาริช ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสั่งล้มดีลนี้ลงในนาทีสุดท้าย

แต่เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านั้น...

ในช่วงค่ำคืนเดียวกัน คลิปวิดีโอที่อ้างว่าเป็นคลิปอำลาจากเกอีถึงแฟนบอลพาเลซ ซึ่งถูกบันทึกไว้ล่วงหน้าได้แพร่กระจายว่อนโซเชียลมีเดีย ทิ้งปมปริศนาไว้ว่าทุกอย่างเกือบจะเกิดขึ้นจริงมากแค่ไหน แต่ไม่มีสื่อไหนยืนยันได้ว่าเป็นของจริงหรือไม่

แล้วเรื่องนี้ส่งผลต่อลิเวอร์พูล อย่างไร?

ว่ากันว่าความรู้สึกของผู้บริหารระดับสูงของลิเวอร์พูลคือความประหลาดใจระคนผิดหวัง มากกว่าจะเป็นความโกรธเกรี้ยว

พวกเขาทราบดีว่ากลาสเนอร์ ต้องการรั้งตัวเกอีไว้สุดชีวิต และมองว่าการกลับลำในนาทีสุดท้ายคือการที่ สตีฟ พาริช ยอมอ่อนข้อเพื่อรักษาความสัมพันธ์กับผู้จัดการทีมคนสำคัญของเขา

กระนั้น ความเป็นไปได้ที่เกอีจะลงเอยที่แอนฟิลด์ยังคงสูงลิ่ว ไม่ว่าจะเป็นในเดือนมกราคมด้วยราคาที่ถูกลง หรือในฐานะผู้เล่นฟรีเอเย่นต์ในซัมเมอร์หน้า แม้จะต้องเผชิญคู่แข่งที่มากขึ้นก็ตาม

สโมสรจากต่างแดนจะสามารถเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับเขาได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2026

ในระหว่างนี้ ลิเวอร์พูลยืนยันว่าพวกเขาพอใจกับ 4 เซ็นเตอร์แบ็คที่มีอยู่ และความไม่แน่นอนในดีลของเกอีนี้เอง คือเหตุผลที่พวกเขาปฏิเสธที่จะปล่อยตัว โจ โกเมซ ออกไป

แล้วเรื่องนี้ส่งผลต่อพาเลซอย่างไร?

สำหรับพาเลซ มันคือการเดิมพันครั้งใหญ่ พวกเขากำลังเสี่ยงที่จะเสียทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลไปแบบฟรีๆ ในซัมเมอร์หน้า ในทางบัญชี มันคือความเสียหาย แต่ในทางฟุตบอล กลาสเนอร์เชื่อมั่นว่า การมีกัปตันทีมอยู่กับทีมต่อไป จะสร้างมูลค่าให้สโมสรมากกว่าเม็ดเงินที่เสียไป

แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ได้เผยให้เห็น "รอยร้าว" ที่ชัดเจน ระหว่างกลาสเนอร์และ สตีฟ พาริช พร้อมกับขีดเส้นใต้ถึงอิทธิพลอันมหาศาลของผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร

แล้วเรื่องนี้ส่งผลต่อเกอีอย่างไร?

คงไม่น่าแปลกใจหากหัวใจของเกอีจะรู้สึกผิดหวัง ที่ความฝันในการย้ายสู่ลิเวอร์พูลต้องพังทลายลงในวินาทีสุดท้าย อย่างไรก็ตาม แม้จะสับสนและเจ็บปวด เขายังคงรักษาความเป็นมืออาชีพได้อย่างน่าชื่นชม

แต่เมื่อพายุอารมณ์สงบลง เกอีจะตระหนักได้ว่าเขาสามารถปลอบใจตัวเองได้ ด้วยความจริงที่ว่าหากไม่มีอาการบาดเจ็บรุนแรง มูลค่าของเขาจะไม่ลดน้อยลงเลย เขามีเวทียุโรปให้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และมีฟุตบอลโลกรออยู่ข้างหน้า

เพียงแค่รักษาระดับการเล่นของตัวเองไว้ แล้วเกอีจะสามารถเลือกสโมสรชั้นนำได้ตามใจปรารถนาในซัมเมอร์หน้า

ตอนนี้ มาร์ค เกอี คือผู้กุมชะตาอนาคตของตนเองอย่างแท้จริง และเป็นฝ่ายถือไพ่เหนือกว่าทุกใบ

เครดิต The Athletic

มีคน งอแง

ก็เรียกว่าเป็นคนที่ไม่เห็นแก่คนอื่น

เห็นแก่ตัวเองเป็นหลัก ก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอกมั้ง แค่โดนชาวบ้านด่า

ส่วนตัวผมก็อิจฉาคนที่หนังหน้าหนาไม่แคร์โลกอยู่เหมือนกัน

ด่าเลย ๆ

สู้เทนฮากไม่ได้อะคนแบบนี้
เทนฮากไปไหน ลูกน้องไปด้วย ทำงานด้วยใจ
แต่ก็โดนด่าอยู่ดี

ป่านนี้เกฮีไปเคาะประตูบ้านประทานแล้ว

เกฮีบอกถ้ากราสเนอร์ไปแมนยู กูจะลาออกกกกก