จับไปทำหมันแล้วค่อยให้ครับ หากไม่รบกวนเพื่อนบ้าน

ผิดจ้า ทางที่ดีที่สุดคือเอามาเลี้ยงเองหรือหาบ้านให้ ต่อให้เอาไปทำหมันแล้วปล่อยกลับมันก็ผิดอยู่ดี

ผมก็ให้น่ะ ถึงจะไม่ได้ให้ประจำ แล้วแต่อารมณ์ แต่ถ้าอยากให้ผมก็ให้
และผมไม่ได้สนใจเรื่องบุญบาปอะไรเพราะผมไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่ผมให้เพราะอยากให้ เพราะสงสาร เหตุผลก็แค่นี้
มันคือการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อชีวิตเล็ก ๆ เพื่อนร่วมโลก ซึ่งตัวมันเองก็มีสิทธิ์ได้อยู่ในโลกนี้เช่นเดียวกัน

พวกมนุษย์เองต่างหากครับ ที่มาจับจองพื้นที่ สร้างเมือง ร่างโฉนดต่าง ๆ ยึดครองเอามาเป็นของพวกตัวเอง แล้วกีดกันพวกสัตว์ออกไป แม้แต่ในทางสาธารณะที่ไม่ใช่ในโฉนดตัวเองก็ยังจะหวง เพียงเพราะมันเกะกะหรือสร้างความรำคาญนิดหน่อยเท่านั้น
ทำไมชีวิตเล็ก ๆ ที่เกิดมามันไม่มีสิทธิ์ที่จะได้อยู่ในพื้นที่สาธารณะของโลกนี้หรือไง แล้วทำไมไม่คิดว่ามนุษย์เองก็สร้างความเดือดร้อนให้สัตว์อื่นมากมายเช่นกัน

ถ้าตอบว่าผิดเลยจะด่วนสรุปไปไหมครับ

คือมีจริงๆนะที่ให้เพราะสงสาร แค่เอาความรู้สึกสงสารของตัวเองมาแล้วก็เอาอาหารมาให้

แต่ไม่ได้นึกถึงผลกระทบที่ตามมาอย่างที่เม้นบนๆว่าเลย เช่นหมาเยอะขึ้น เสียงดัง กลิ่น อุบัติเหตุ

ซึ่งผมมองว่าถ้าสงสารควรเก็บไปเลี้ยงครับ

. การให้อาหารสัตว์ในที่สาธารณะเป็นครั้งคราวด้วยความเมตตา อาจถือว่าเป็นการทิ้งสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยลงบนที่ หรือทางสาธารณะ มีโทษปรับไม่เกินสองพันบาท ตามมาตรา 32 แห่ง พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 และหาก เข้าข่ายเป็นเหตุรำคาญตาม มาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ. การสาธารณสุข พ.ศ.2535 ต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 25,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ‼️

2. การนำสัตว์เลี้ยงไปทิ้งหรือไปปล่อยวัดหรือปล่อยตามที่สาธารณะ เป็นความผิดตามกฎหมาย หากฝ่าฝืนมีบทลงโทษ ตามมาตรา 23 แห่ง พ.ร.บ. ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 โทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท ‼️

???? ประกอบคำพิพากษาฎีกาที่ 1639/2565 วินิจฉัยว่า บุคคลที่ให้อาหารสุนัขจรจัดมาตลอดเป็นเวลานาน ถึงแม้จะไม่ได้เลี้ยงดูสุนัขจรจัดโดยการขัง หรือ โดยการล่ามโซ่ไว้ ให้ถือว่าบุคคลนั้นเป็นเจ้าของสุนัขจรจัดนั้น โดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่บุคคลให้อาหารสุนัขจรจัดมาหลายปี เท่ากับว่าบุคคลนั้นเป็นเจ้าของสุนัขนั้นนั้นโดยการเลี้ยงดูแล้ว ผู้เลี้ยงอาหารสุนัขจรจัดเป็นประจำ ปล่อยปละละเลย ให้สัตว์นั้น เที่ยวไปโดยลำพัง จนเกิดอันตรายแก่บุคคลอื่นจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรค 4, มาตรา 377, มาตรา 390 และมาตรา 291 ประกอบกับอาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 433 ที่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายอันเกิดจากสัตว์นั้น