[RE: เบอร์นาบิว 365 วัน: โมเดลสนามบอลที่เปลี่ยนโลกฟุตบอล]
wanit000 พิมพ์ว่า:
เรื่องนี้ ยิ่งชัดเลยว่า กฎแฟรเพล มันกดทีมเล็กแบบสุดๆ จริงๆ ทีมใหญ่แบบมาดริลก้อใช้ช่องโหว่เรื่องความดัง ออกมาทำธุรกิจหากินนอกวงการฟุตบอล ทีมเล็กๆ ทำตามไม่ได้ครับ แล้ว จะใช้เงิน ก้อโดนกฎการเงินเล่นงาน แมร่งโคตรไม่เเฟร์เหมือนชื่อเลย กฎนี้มันออกมาทำให้ทีมเล็กๆ ลืมตาอ้าปากยากอ่ะ เพราะโลกกีฟา จริงๆ ก้อเหมือนธุรกิจ บริษัทเล็กๆ อยากโตใว ก้อต้องเสี่ยงกู้มหาศาล แต่ถ้าพลาดก้อล้ม ถ้าไม่พลาดก้อกลายเป็นยักษ์ ฟุตบอลก้อเหมือนกัน ตอนแรกๆ ออกมาเพื่อกันไม่ให้เล็กๆ เป็นเหมือน Leed ที่กู้จนล้มละลาย สถาณการ์ณตอนนี้กับ ตอนนั้นมันไม่เหมือนกันแล้ว ตอนนี้ทีมเล็กๆ มีโอกาสแข่งขันมากขึ้นเนื่องจากรายได้ทางลิขสิทธ์ที่เพิ่มจากเดิมมาก ในสมัยก่อน เพียงแต่มันยังไม่พอ มันยังขาดทางด้านเงินลงทุนอีกหลายส่วน ซึ่งเงินส่วนนี้ มันกู้จากเจ้าของ หรือ ธนาคารได้ แต่มันจะเกิน FFP แล้วพอโดนกฎ FFP จนจ่ายค่าเหนื่อยนักเตะตามที่เค้าต้องการไม่ได้ นักเตะก้อย้ายสิครับ สุดท้ายเสียนักเตะให้ทีมใหญ่
ขนาดมีกฎนี้ทีมอย่างบอร์กโดยังล้มละลาย ลียงก็ร่อแร่
โดยตัวกฎ ผมว่ามันดีตรงที่ มองว่าสโมสรเป็นของชุมชน ไม่ใช่บริษัท บริษัทล้ม คนเดือดร้อนคือพนักงาน แต่สโมสรล้ม มีผลกับพนักงาน แฟนบอล และลีก จึงมีกฎไว้ควบคุมรายรับ รายจ่าย ไม่ให้หนี้เกินตัว
แต่กฎนี้มียกเว้นคือ รายจ่ายเพื่ออะคาเดมี่ กับ โครงสร้างพื้นฐานของสโมสรจะไม่นับรวม แปลว่าเจ้าของรวยสามารถอัดฉีดตรงนี้ได้ สร้างเด็กเก่งๆได้ อีก 4-5 ปีจะมีดาวรุ่งดีๆขึ้นชุดใหญ่ แบบเชลซี กับ แมนซิตี้ทำกัน
โดนปกติธุรกิจฟุตบอลหรือกีฬาอื่น เช่น nba เป็นธุรกิจที่ไม่มีกำไร มีแต่ขาดทุนกับเสมอตัว การจะไปกู้ธนาคารเพื่อมาลงทุนซื้อนักเตะ คงทำไม่ได้ ส่วนให้เจ้าของอัดฉีดตรงๆ แบบสมัยฟิออเรนติน่า ปาร์ม่า ก็ล้มละลายไปทั้งคู่
เจ้าของรวยมหาศาลใช้เงินไม่มีวันหมดแบบ ทุนอาหรับก็มี เจ้าของที่ล้มแล้วสโมสรล้มตามก็มี กฎ FFP คงออกมาป้องกันแบบหลัง