https://youtu.be/hc4Vm6TzwA8?si=2xelgkjLZI_VZy2L

เอไอแย่งงานและการวัดผลการทำงานเข็มข้นขึ้น คนกลายเป็นต้นทุนมูลค่าสูงที่ใช้เอไอแทนได้ องค์กรต้องการคนทำงานที่มีประสบการณ์

นั่นหมายความว่า เด็กจบใหม่นอกจากจะมาเจอตําแหน่งงานที่ลดลงแล้ว ยังต้องมาแข่งกับบรรดารุ่นพี่ที่จบมาก่อนแต่อาจจะโดน disruption เลยปรับตัวเรียนรู้ใหม่แล้วมาสมัครงานใหม่อีกจำนวนมาก

เงินเฟ้อก็หนักขึ้นมากมาย แต่คนไม่กล้าใช้จ่าย กลายเป็นเฟ้อในฝืด ซึ่งถือเป็นสภาวะที่หนักมากและเมื่อก่อนจะเกิดขึ้นชั่วคราวไม่กี่เดือน แต่ต่อไปอาจจะต้องทนกับภาวะนี้เป็นปีหรือหลายปี

ส่วนตัวผมว่า ไม่แน่ต่อไปอาจจะมีกลุ่มคล้ายๆ พี่ชายแห่งเขาเหลียงซาน คือไม่เอาแม่งละงาน เมีย ความกดดันอะไร มาปลูกผักเลี้ยงสัตว์ เป็นชายโสดพึ่งพากันอยู่บนเขาดีกว่า

ผมก็ค่อนข้างเชื่อแบบนั้นนะ แต่น่าจะยังอีกไกล

อ่าน Homo Deus แล้วอื้ออ มันอาจจะเป็นแบบนั้น ฮ่าๆๆๆ

อีกหน่อยคงเหลือ
1 คนรวย
2 คนที่เก่งมากๆ
3 คนจน
ชนชั้นกลาง ทำงานเสียภาษี เริ่มไม่มีลูก

แต่โลกคงหาทางกลับเข้าสมดุล ซึ่งเราน่าจะกลับดาวกันไปแล้ว

ได้ยินมานาน ดีไหมครับจะได้ลองซื้อมาดู

มันต้องมีวันระบบการเงินล่มกันหมดพังกันทั้งโลก รีเซตใหม่ ไม่ก็สงครามใหญ่มาก่อน 5555

เห็นว่าปี 2050 ประชากรโลกจะลดลงมาก เพราะความกดดันในการใช้ชีวิตนี้แหละ

อ่านยากนิดนึง แต่ผมก็คิดว่าดี

ในหนังสือสื่อว่า ที่เราๆใช้ชีวิตอยู่อาจจะไม่ใช่ Free will แบบที่เราคิดก็ได้ อาจจะเป็น algorithm บางอย่างก็ได้ ในร่างกาย ในหัวของเรา

และ AI น่าจะ Game changer ซึ่งมันทำให้ความเหลื่อมล้ำสูงขึ้น --> แรงๆหน่อย คือ เหลือแค่ชนชั้นแค่ 2 ชนชั้น คือคนที่คุม AI และ กลุ่มคนส่วนใหญ่ที่เรียกว่า ชนชั้นไร้ค่า (เพราะมีเทคโนโลยี และ อื่นๆทำแทนแล้ว)

หรือ เทคโนโลยีที่สามารถทำให้ life expectancy เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าได้ คนจะเป็นยังไง อายุเฉลี่ย 75 กลายเป็น 150 นี่ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมากมายแล้ว

อ่านแล้วมันจะฟุ้งๆหน่อย Sci-fi หน่อย ฮ่าๆๆๆ แต่อ่านๆไปละก็อื้อ อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้นะ ฮ่าๆๆๆ

ผมเบื่อ content แบบนี้เอาจริงๆ ถ้ามองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์นะทุกยุคทุกปีทุกสมัยมันก็มีกระแสแบบนี้มาตลอด

“คนรุ่นใหม่แย่แล้ว” “โลกจะไท่เหมือนเดิทอีดต่อไป” “สังคมจะเสื่อมลง” “โลกจะแตก” “เศรษฐกิจจะล่มสลาย”

เป็นเวลาร้อยกว่าปีแล้วแต่มนุษย์ก็ยังหาทางออกเดินหน้าต่อไปได้เรื่อยไ ผมเชื่อในการปรับตัวของมนุษย์ที่จะอยู่รอด ไม่ว่าโลกจะเป็นยังไงเราก็ยังมีชีวิตต่อไปได้เสมอ

ซี๊ดเลย ผมล่ะชอบจริงๆหนังสืออ่านยากแล้วมีความเป็นโลกยาเม็ดแดงเนี้ย

เท่าที่ฟัง

- เรื่อง multi-task อันนี้ปกติของคนยุคนี้
- เรื่องต้องมีผลงานพิสูจน์อันนี้จริงจากปสก.ตัวเอง ถ้าไม่มีคุณก็แค่คนธรรมดาคนนึง เสียงไม่มีน้ำหนัก
- คนเจน Y เก่งกว่า ก็เป็นไปได้เพราะมีประสบการณ์ของสองยุค และยังเรียนรู้เพิ่มได้อีก (อวยเจนตัวเอง)

สรุปเท่าที่ฟังก็เรื่องปกตินั่นแหละแค่จั่วหัวมาว่าเด็กยุคใหม่

ที่พูดมาอันนี้ เข้าไปฟังแล้วมาเม้นเหรอเปล่าครับ

\
ฟังแล้วสิ ทำไมหรอครับ???