ส้ม-น้ำเงิน-แดง เห็นพ้อง 3 ข้อสรุป เดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
‘ไอติม’ เผย 3 พรรค ‘ส้ม-น้ำเงิน-แดง’ เห็นพ้อง 3 ข้อสรุป เดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ภายในสัปดาห์หน้า ให้เสนอโมเดลร่าง เข้า กมธ.การพัฒนาการเมือง ก่อน เชื่อ เสร็จทันภายใน 4 เดือน ที่ตกลงใน MOA ปลาย ม.ค.69 ยุบสภา-เลือกตั้ง
วันที่ 11 ก.ย. 2568 ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือร่วมกัน ระหว่าง 3 ตัวแทนพรรคการเมือง ทั้งพรรคประชาชน , พรรคเพื่อไทย ซึ่งมีนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว และนายจาตุรนต์ ฉายแสง , พรรคภูมิใจไทย คือนายภราดร ปริศนานันทกุล
และยังมีการหารือกับคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ได้แก่ นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร และนายเทวฤทธิ์ มณีฉาย รวมถึงภาคประชาชน รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และสำนักกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
นายพริษฐ์ กล่าวว่า หัวข้อหลักคือ การหารือถึงแนวทางต่อไปในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ภายหลังที่มีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญออกมา ซึ่งหลายฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่า คำวินิจฉัยนั้น มีปัญหาอยู่จริง ทั้งในเชิงกระบวนการที่อาจมีการตอบคำถามที่ไม่ได้ถามไปโดยตรง หรือเนื้อหาคำวินิจฉัยที่ดูมีความพยายามปิดประตูต่อการมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งขัดกับหลักการประชาธิปไตย และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เคยวินิจฉัยไว้เอง
ดังนั้น จึงมีการพูดคุยกันว่า เมื่อคำวินิจฉัยเป็นเช่นนี้แล้ว เราจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร โดยมี 3 ข้อสรุป คือ
1.ทั้ง 3 พรรค เห็นตรงกันว่า สามารถเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยทำประชามติ 2 รอบ ด้วยการเริ่มต้นให้รัฐสภา พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 เกี่ยวกับกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเมื่อผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา 3 วาระแล้ว ก็จัดทำประชามติรอบแรก
สำหรับคำถามประชามติ คำถามที่ 1 คือเห็นควรให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และ 2.เห็นด้วยกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 เกี่ยวกับกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่รัฐสภาเห็นชอบมาหรือไม่ และเมื่อมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว จะนำมาสู่การทำประชามติในรอบที่ 2 เพื่อถามว่าประชาชนเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ซึ่งจะสอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวานนี้
2.เราเห็นว่ากระบวนการดังกล่าว สามารถเดินหน้า เพื่อให้มีการจัดทำประชามติรอบแรก ทันกับการเลือกตั้งภายในกรอบเวลา MOA หรือคือการยุบสภาภายใน 4 เดือน หลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
นายพริษฐ์ ยกตัวอย่างว่า สมมุติว่า มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในช่วงปลายเดือนกันยายน จะหมายความว่า ต้องมีการยุบสภาภายในปลายเดือนมกราคม ซึ่งทุกพรรคเห็นตรงกันว่า เราสามารถเดินหน้ายื่นและพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15 ได้เลย และเมื่อผ่านวาระ 1 ไป แล้วคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จ สามารถส่งกลับมาได้ในวาระที่ 2 ช่วงเดือนธันวาคม จะทำให้เราสามารถให้ความเห็นชอบในวาระที่ 3 ได้ภายในปลายเดือนธันวาคม ซึ่งทำให้เรามีเวลาในเดือนมกราคม ที่จะสามารถเคาะวันการจัดทำประชามติ เพื่อเกิดขึ้นพร้อมกับเมื่อมีการยุบสภาภายในไม่เกินปลายเดือนมกราคม ซึ่งตามกรอบระยะเวลา 4 เดือน จะสามารถจัดทำประชามติรอบแรก พร้อมกับการเลือกตั้งได้
3.แต่ละพรรคจะไปหารือกันภายใน เพื่อทบทวน หรือจัดทำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 15/1 ขึ้นมา ให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวานนี้ ซึ่งคงเป็นข้อถกเถียงภายในแต่ละพรรคว่า จะถูกตีความว่าอย่างไร จะส่งผลกระทบต่อข้อเสนอในการมี สสร.อย่างไร และแต่ละพรรคจะเสนอกลไกจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างไร ให้มีความยึดโยงกับประชาชน และให้ประชาชนมีส่วนร่วม โดยตั้งเป้าว่า ในสัปดาห์หน้า จะให้ทั้ง 3 พรรค มานำเสนอแนวคิด หรือร่างตัวเอง ในกรรมาธิการต่อไป
ทั้งนี้ กกต.ยังมีการยืนยันว่า สามารถดำเนินงานตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดได้
นายพริษฐ์ ยืนยันว่า ร่างของพรรคประชาชนเสร็จทันสัปดาห์หน้า และจากที่พูดคุยกับตัวแทนพรรคเพื่อไทย ก็เห็นว่าสามารถทำให้ทันภายในสัปดาห์หน้าได้ แต่ในส่วนพรรคภูมิใจไทย นายภราดร ได้ออกจากห้องไปก่อน ที่จะมีข้อสรุปหัวข้อนี้ อย่างไรก็ตาม ตนได้รับคำยืนยันจากนายภราดรว่า จะมีการจัดทำโดยเร็ว จึงหวังว่า สัปดาห์หน้าจะเห็นร่างของทั้ง 3 พรรค เพื่อยื่นเข้าสู่ระเบียบวาระ และเปิดการพิจารณาวาระที่ 1 โดยเร็ว
ส่วนเนื้อหาในร่างของพรรคประชาชน ก็ต้องมีการหารือกันภายในช่วง 2-3 วันข้างหน้า ซึ่งต้องออกแบบให้ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อยังคงเจตนารมณ์ให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางตรง และมีกลไกที่ยึดโยงกับประชาชนโดยตรง
สำหรับข้อกังวลที่อาจจะไปติดในชั้น สว. นั้น เป็นหน้าที่ของทุกพรรค ในการพูดคุยทำความเข้าใจ โน้มน้าวให้ สว.เห็นชอบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว เพราะแน่นอนว่า การจะผ่านวาระหนึ่งไปได้ ต้องอาศัยเสียง 1 ใน 3 ของ สว.ด้วย
เมื่อถามว่า หากสัปดาห์หน้า พรรคภูมิใจไทยไม่พร้อม จะทำให้ไทม์ไลน์ถูกยื้อหรือไม่ นายพริษฐ์ มองว่า หากวาระหนึ่งถูกเลื่อนออกไป ก็ไม่ได้มีความหมายอะไร แค่คณะกรรมาธิการจะได้เวลาน้อยลงจากเดิม 2 เดือนเต็ม อย่างไรก็ตาม คงมีการคุยตกผลึกกันก่อนเข้าวาระหนึ่ง
เมื่อถามว่า หากรอคำวินิจฉัยฉบับเต็ม จะทันกับการแก้ร่างเพื่อเสนอใหม่หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ต้องขอเรียกร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญว่า ยิ่งประเด็นนี้มีความสำคัญ ยิ่งมีการถกเถียง หรือยังมีประเด็นที่ถูกมองว่า เป็นการตอบเกินคำถามนั้น อยากให้ศาลรัฐธรรมนูญเร่งออกคำวินิจฉัยกลาง และคำวินิจฉัยส่วนบุคคลของทั้ง 9 ตุลาการมาโดยเร็ว โดยมติคณะกรรมาธิการล่าสุด ก็มีการทำหนังสือ เพื่อขอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญฉบับเต็มเช่นเดียวกัน ทางที่ดีที่สุด ขอให้เปิดต่อสาธารณะโดยเร็ว
ส่วนได้มีการหารือส่วนตัวกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายพริษฐ์ เปิดเผยว่า ได้มีการพูดคุยกันทันที ตั้งแต่เมื่อวานนี้หลังมีคำวินิจฉัยออกมา ซึ่งได้คุยกับทั้งพรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย ว่าตีความความคำวินิจฉัยไว้อย่างไร และมีการมองแนวทางเดินหน้าอย่างไรต่อไป ดังนั้น วันนี้จึงถือเป็นการได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการในที่ประชุมคณะกรรมาธิการ
เมื่อถามว่า ถือเป็นสัญญาใจใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ ระบุว่า เป็นสัญญาประชาคมที่ถูกบันทึกไว้ในกรรมาธิการ