รู้สึกช่วงหลัง ใครไม่ได้แชมป์ UCL หรือแชมป์ระดับชาติพวกยูโร บอลโลก

จะโดนตัดออกจากผู้ท้าชิงบัลลังดอร์ทันที ต่อให้ฟอร์มส่วนตัวจะดีขนาดไหน

ิอย่างล่าสุดพวกก็ตัด เอมบัปเป้ ยามาล ราฟินย่า ที่ฟอร์มดีๆ สถิติดีๆ ออกจากการได้บัลลังดอร์แน่นอน

(นอกจากฟอร์มส่วนตัวคุณจะยิงระเบิดเถิดเทิงระดับ 50 ลูก + ทั้งปี แบบเมสซี่ โรนัลโด้)

เพราะถ้านับย้อนไป ก่อนที่กาก้าบัลลังดอร์ที่ได้แชมป์ UCL ย้อนไปจนถึงปี 1990

นักเตะที่ได้บัลลังดอร์ทุกคน ในปีที่ได้รางวัล ไม่มีใครได้แชมป์ UCL เลยสักคนเดียว

ไม่จำเป็น

แต่ต้องยิงระเบิดระเบ้อ ไม่ก็แบกหลังแอ่น เด่นเป็นกระแสโคตรๆ

+ ทีมได้ UCL ฟอร์มเด่นแบบถัวๆ กันไป

เคสปีฟานไดจ์ได้ที่2เลยครับ

ในทีมมีตัวเฉลี่ยคะแนนเยอะไป

เห็นๆก็ซาล่าห์,มาเน่

ใช่ครับตอนนั้นยังเป็นข้อถกเถียงกันเลย

แถมเอาตรงๆ สถิติเมสซี่ปีนั้นเอาไปใส่ให้แนวรุกทุกคนในโลก

นี่น่าจะเป็นฟอร์มที่ดีที่สุดในชีวิตของคนนั้นเลยด้วยซ้ำ

แม้แต่ปีที่ริเบอรี่ได้ 3 แชมป์ สุดท้ายบัลลังดอร์ได้พี่โด้ ที่ปีนั้นไม่มีแชมป์อะไรติดมือเลย

หรือจะย้อนไปตอน สไนเดอ ที่ 3 แชมป์ปีเดียวกับ ที่สเปนได้บอลโลก แต่หวยออกเมสซี่ได้บัลลังดอร์

ปีพวกนี้เป็นที่ถกเถียงกันถึงความเหมาะสมของการได้รางวัลทุกปี

แต่อย่างที่ผมบอก ก่อนปีกาก้าเนี่ย พวกที่ได้บัลลังดอร์ (ไม่นับพวกได้แชมป์โลกแล้วกัน)

ไม่เคยได้แชมป์ UCL เลย บางปีไม่ได้แชมป์ลีค หรือแชมป์อะไรเลยด้วยซ้ำ

ก็ไม่เห็นมีประเด็นถกเถียงเรื่องความเหมาะสมของคนได้รางวัลนะ

หลังๆฟุตบอลมันพัฒนาไปทางเล่นเป็นทีม เน้นแผนมากขึ้น ไม่เลยไม่ค่อยมีคนเด่นขึ้นมาแรงๆเหมือนเมื่อก่อน

เว้นไอ้ 2 เอเลี่ยนนั้นไว้ในฐานที่เข้าใจกันนะ

มันเป็นรางวัลที่ตัดสินจากการโหวตนิ

ก่อนปี 2010 น้อยคนมากที่ได้ ucl แล้วต่อด้วยบัลลงดอร์

จนกระทั่งเกิดวลีเด็ด ผมพาทีมคว้าแชมป์ ucl ผมสมควรได้บัลลงดอร์

ไม่ได้จำเป็น ถ้านักเตะทีมที่ไม่ได้แชมป์ UCL มันดีพอ

ทีนี้ประเด็นของท่านเรื่องราฟินญ่า ยามาล ยามาลตัดออกไปก่อนเลยเพราะราฟินญ่าดูดีกว่า แต่ราฟินญ่าก็ฟอร์มไม่ได้ดีกว่าเดมเบเล่ไง พอฟอร์มส่วนตัวมันพอๆกัน ถ้วยแชมป์เลยมาเป็นตัวชี้วัด