คหสต เรื่องการเมืองไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาความผันผวนทางการเมืองไทยทำให้ได้คำถามแรงๆ จากมิตรสหายต่างชาติหลายท่าน ถามว่า “ตกลงเธอเชียร์เพื่อไทยใช่มั้ย” อันนี้ตอบยากนะ ถามว่าเลือกตั้งรอบหน้าเลือกใคร ก็ตอบได้ว่าเพื่อไทย 2 ใบแน่นอน แต่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคและไม่เคยคิดจะเป็น และก็ไม่ได้เห็นด้วยกับทุกนโยบายของพรรค และก็ไม่ได้มีปัญหากับการที่พรรคอื่นจะได้เป็นรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยจะเป็นฝ่ายค้าน ตราบเท่าที่สิ่งนั้นเกิดขึ้นตามกฎกติกาแบบประชาธิปไตยที่ตกลงกันไว้ก่อนแล้ว

เราว่าจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจนยิ่งกว่าการเชียร์พรรคเพื่อไทยหรือไม่ของเราคือจุดยืนไม่เลือกพรรคส้มมากกว่า ไม่ซื้อมาตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่ และเปลี่ยนชื่อมากี่หนก็ไม่เคยซื้อเลย เราบอกเพื่อนชาวต่างชาติว่าเราคิดว่า “นักการเมือง” ก็เป็นอาชีพหนึ่ง ต้องทำมาหากินจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าเทอมลูก เหมือนทุกอาชีพ การเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยก็คือ transaction อย่างหนึ่งที่ประชาชนลงคะแนนเสียงเลือกนักการเมืองให้เข้าไปเป็นตัวแทนของตัวเองขับเคลื่อนนโยบายและกฎหมายต่ายๆ ของตัวเองในสภา ดังนั้น

(1) ถ้ามีใครมาหาเสียงว่าให้เลือกเพราะเขาเป็นคนดี เราจะไม่เลือก เพราะวัตถุประสงค์ของการเลือกของเราคือเพื่อให้เขาไปขับเคลื่อนนโยบายที่เราอยากได้ในสภา (ซึ่งจะทำได้ก็ต้องเป็นรัฐบาล) เราไม่ได้เลือกเขาเพื่อให้เขาเป็นคนดี อันนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา และ

(2) เราจะไม่เลือกคนที่บอกว่าไม่เป็นรัฐบาลก็ได้ หรือตั้งใจจะเป็นฝ่ายค้านเพื่อรักษาความชอบธรรม ฯลฯ เพราะเหตุผลที่สอดคล้องกับข้อ (1)

การเมืองคนดีนี่แหละเป็นอุปสรรคต่อการเข้าสู่ความเป็นประชาธิปไตย (democratization) ของประเทศนี้แต่ไหนแต่ไรมาแล้ว คือการเอาความชอบธรรมที่ไม่ได้เป็นข้อกฎหมายมาเป็นข้ออ้างในการดำเนินการบางอย่างที่ขัดกับกฎกติกาหรือหลักการประชาธิปไตย ตั้งแต่พรรคประชาธิปัตย์ boycott การเลือกตั้งรอบนู้น มาถึงพรรคประชาชนจะโหวตคุณอนุทินเป็นนายกฯ แต่จะไม่ร่วมรัฐบาลรอบนี้ก็ไม่ต่างกัน

ภูมิใจไทยขับเคลื่อนตามแนวทางของเขายังเป็นสิ่งที่ยอมรับนับถือได้มากกว่า เพราะอย่างน้อยยังเล่นอยู่ในกติกาที่ทุกคนตกลงร่วมกันตั้งแต่ลงสนามเลือกตั้งครั้งแรก ถามว่ารู้มั้ยว่ากติกามันมีปัญหา รู้ค่ะ รู้ดีมาตลอด แต่ไม่มีรัฐธรรมนูญไหนในโลกจะ perfect เราก็ต้องพยามยามแก้มันตามกฎกติกาที่มีอยู่ไปเรื่อยๆ แต่เราจะไม่มีวันก้าวหน้าไปไหนเลยถ้าเราแหกกฎตลอดเวลา และเลือกตามอำเภอใจที่จะเคารพเฉพาะกฎที่ถูกใจเราโดยเฉพาะหลังจากที่ตกลงกับคนอื่นๆ แล้วว่าจะลงเล่นตามกฎที่ไม่ perfect นี้แต่แรก

สรุปคือ ฝรั่งถามว่าเชียร์พรรคเพื่อไทยมั้ยอาจจะยังตอบได้ไม่เต็มปากเท่ากับตอบว่า ไม่เอาพรรคส้มค่ะ

ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา แต่คลิปต้นเดือนกันยาที่จะออกสุดสัปดาห์นี้จะมีเรื่องความร้อนแรงในความสัมพันธ์ อินเดีย - จีน - รัสเซีย ท่ามกลางวิกฤตภาษีทรัมป์และการประชุมสุดยอด SCO (องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้) ที่เพิ่งผ่านพ้นไปค่ะ


….

ไม่เอาส้ม เลยเลือกเพื่อไทย วอททท

เลิกกับคำผกายังนิฮะ

หลงกี จนตีกับที่บ้าน

มีอยู่จริง

เข้าใจถ่องแท้เลยว่าทำไมถึงอยู่กับแขก คำพกาได้

ขึ้นมาในหัวเลย​ "คำพูดมากมาย​ ความหมาย​เกลียดส้ม"

ตรรกะไรวะเนี่ย ถถถ

คนแบบนี้ก็เหมาะกับพรรคแบบนี้แหล่ะ

แปลกดีที่คอการเมืองคิดว่าทั้งประเทศมีแค่ 3 พรรค

จริงๆ ก็ยังมีพรรคเล็กให้เลือกอีกเยอะแยะ

555 ชอบพรรคเลวๆ ว่างั้น
อย่ามาทำตัวเป็นคนดี

พรรคแมงสาป อ่ะนะ หรือ ไอ้พรรค สส คนเดียว ที่เพิ่งฟ้องภูมิธรรม ข้อหา 112


ข้อ 1. เห็นด้วยอยู่นะ เราเลือกคนไปทำงาน ไม่ใช่เลือกคนดี

เจ็บมาเยอะ กับคำว่า ผมเป็นคนดีย์



ข้อ 2. ไม่เห็นด้วยเท่าไหร่
พรรคส้ม มันก็อยากเป็นรัฐบาลแหล่ะ แต่เสียงมันไม่พอ ตัวเลือก นายก ก็ไม่มี
ต้องไปด่าไอ้มีชัยที่เขียนกติกาเพี้ยนๆ แบบนี้

จ้ะ ก้เหมาะแล้ว เลือกพท. อย่ามาแอ้บ

ว่ากันตามตรงผมเห็นด้วยกับท่อนที่ว่านักการเมืองก็เป็นอาชีพหนึ่งนะครับ

คือเราไม่ควรมองหาคนดีเข้ามาบริหารประเทศ แต่เพราะความดีของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่เราควรมองหาคนที่ยึดถือผลประโยชน์ของทั้งส่วนรวมและส่วนตัวเข้ามาบริหารประเทศ

เพื่อให้คนในประเทศได้ประโยชน์และตัวเขาเองก็ได้ประโยชน์ไปด้วย สิ่งนี้เป็นสิ่งที่หวังได้มากกว่ากับคำว่าประชาธิปไตย

ดังนั้นการ lobby ถึงเกิดขึ้นได้ในบางประเทศเพราะเขาชัดเจนเลยว่านักการเมืองขึ้นมามีอำนาจย่อมต้องเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์แต่นักการเมืองที่โดนล็อบบี้ก็ต้องประกาศชัดเจนว่าเขาขึ้นมาด้วยนโยบายอะไรและจะทำอะไรตอนเลือกตั้ง

ประชาชนก็จะเลือกได้อย่างสบายใจถ้านักการเมืองคนนี้ไม่ทำอย่างที่ว่าสมัยหน้าก็ไม่มีการเลือก จึงทำให้บ้านเมืองไปข้างหน้าได้เพราะเป็นส่วนผสมระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม

อย่างไรก็ตามบรรทัดอื่นๆของที่เขียนมา ค่อนข้างจะเป็นอคติส่วนตัว การเลือกที่จะไม่เป็นรัฐบาลเพื่อรักษาความชอบธรรมก็อยู่ตามกฎบัญญัติที่ทางฝั่งพรรคส้มเลือกได้

จึงไม่เห็นจะมีเหตุผลให้อคติหรือไม่ชอบ ซ้ำร้ายถ้ามองว่าการเมืองคืออาชีพเราเห็นผลการปฏิบัติงานของสีแดงแล้วยิ่งไม่มีเหตุผลให้เรายังต้องอยากเลือกสีแดงอีกในขณะที่สีส้มยังไม่เคยลองและมีการนำเสนอนโยบายใหม่ๆ

ดังนั้นถ้าจะให้สรุปก็คือพยายามโยงเรื่องที่ดูมีตรรกะเข้ากับความไม่มีตรรกะซึ่งจริงๆก็แค่อคตินะครับจากที่เห็น

คือผมเห็นด้วยกับทั้ง 2 ข้อนะ ทั้งที่ว่านักการเมืองเป็นอาชีพ นักการเมืองต้องเป็นรัฐบาลเพื่อดำเนินนโยบาย ดังนั้นนักการเมืองที่ตั้งใจจะเป็นฝ่ายค้านมันไม่ควรเลือก
แต่ไอ้ส้มมันไม่ได้ตั้งใจจะเป็นฝ่ายค้านแต่แรกไง มันจะเป็นแกนนำรัฐบาลแล้วแต่โดนเตะออกมา จะมาบอกว่าไม่เลือกเพราะตั้งใจเป็นฝ่ายค้านบ่ได้
เอาจริงๆอ่านโซเชียลแก ตั้งแต่หลังเลือกตั้งล่าสุด บางทีผมก็สงสัยว่านางแบกเอาไอดีแกมาเล่นหรือเปล่า
สำนวนเหมือนกันเลย ตรรกะก็คล้ายๆกัน มั่วไทม์ไลน์เหมือนกันอีก ทั้งที่พอเป็นประวัติศาสตร์จีนร่วมสมัยนี่แกแม่นเป๊ะ
เรื่องจีน แกยังโอเคอยู่นะ ผมยังฟังแกอยู่เดือนละ 2 คลิป แต่เรื่องการเมืองในประเทศก็ละไว้ในฐานที่เข้าใจ

ทั้งแขกและวาสนาไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ 555

ทั้งหมดที่เขียนมาจะจริงก็ต่อเมื่อกติกามันปกติแบบชาวโลก ส่วนสภาพจริงก็เห็นๆกันอยู่ เอาตั้งแต่แรกเลย ก้าวไกลก็ลงเลือกตั้งก็หวังจะตั้งรบ.นี่ละ แถมชนะด้วย ที่จริงต้องได้เป็นรัฐบาลเป็นชาติแล้ว แต่ก็โดนอภินิหารเล่นงาน อุ๊งอิ๊งโดนเด้ง ก็มาจากอภินิหารอีก ถึงเกิดสภาพอิรุงตุงนังแบบตอนนี้ ทุกอย่างมันไม่ make sense มาตั้งแต่ต้น ไอ้กติกาห่วยๆทีอยากให้แก้เค้าก็จะเข้าไปแก้นี่ละ ไม่งั้นมันก็แข่งขันกันไม่ได้ ถึงชนะก็โดนสั่งให้แพ้ ตลกยิ่งกว่าที่บอกว่าภจท.ยังดีกว่าเพราะเล่นตามกติกา