นั่งคิดเล่นๆ จากยุคมืดเกือบถูกปรับตกชั้น ตัดภาพมาที่ปัจจุบันกลายเป็นทีมระดับท็อปๆในลีก ใครคือคนสำคัญที่สุดที่ทำให้ทีมพัฒนามาได้ไกลขนาดนี้
1. FSG
2. JK
3. Michael Edword และทีมงานหลังบ้าน

ถ้าไม่มี FSG อาจถูกปรับล้มละลายไปแล้ว
ถ้าไม่มี JK จิตวิญญาน รากฐาน แชมป์ UCL, EPLในรอบหลายปีอาจจะไม่ได้
ถ้าไม่มี Michael Edword เราอาจไม่ได้เห็นโม, ฟาน ไดค์,อลิซอน จนมาถึง เวียสต์ อิซัค

แต่สุดท้ายฟุตบอลมันไม่มีคำว่าถ้า เพราะฉะนั้นต้องกอบโกยความสำเร็จตอนนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

1+2+3

+4 นักเตะ ต้องยอมรับนะว่าสปิริตโดยรวมดีกว่าสมัยก่อนมาก

เฟนเวย์ สปอร์ตส กรุ๊ป

พื้นฐานการบริหารต้องดี ผลงานในสนามก็ต้องดีด้วย

ถ้าพื้นฐานหลังบ้านดี แต่ผลงานในสนามห่วย ก็จะเหมือนติดหล่มไม่เติบโต

แต่ถ้าผลงานดี หลังบ้านห่วย ก็จินตนาการได้ว่าทีมจะขาดความต่อเนื่อง ไม่มีการต่อยอด แบบทีมเล็กๆที่ขึ้นมาแล้วอยู่บนพรีเมียร์ลีกไม่ไหว

สำหรับลิเวอร์พูล บวก(หลังบ้านดี) บวก(ผู้จัดการทีมผลงานดี) = ผลลัพท์ทวีพูล

แน่นอนบางคนอาจตั้งข้อสังเกตว่า ตัวที่คล็อปจิ้มเลือกมาอาจไม่ดีเท่า FSG เลือกให้ แล้วหากเป็นคนอื่นมาคุมจะเป็นยังไง

แต่อย่าลืม FSG มีผลงานเลือกมาให้สมัย BR แต่โค้ชผลงานไม่ดี ทุกอย่างก็พังลง

สล็อต คือบทเรียนจากยุค BR ของ FSG

FSG
เงินเท่านั้นที่ทำได้
พอซื้อของแพงอย่างอลิสัน ฟานไดค์ แล้วมันเวิคมากๆๆๆๆ ก็ติดใจอย่างเห็นได้ชัด

นี่ถ้าอีกี้ อีซัค เวิส เสกแชมป์ได้จริง รอบต่อไปแกก็ทุ่มอีก
เพราะแกรู้ละ ว่ากินเบียร์บนรถแห่มันฟินแค่ไหน

มันก็ทุกส่วนแหละ FSG มันก็มีแนวทางของมัน JK ก็สามารถยกระดับผลงานในสนามได้อย่างสุดยอด ทีมงานและสตาฟก็ทำงานกันได้ยอดเยี่ยม

ไม่มีหรอกสำคัญที่สุดอ่ะ ทุกคนล้วนเข้ามาแล้วต้องปรับตัว เลยทำให้สโมสรมาได้ไกล

1. FSG ถ้ามันไม่เรียนรู้ มันดื้อ มันไม่ปรับแนวทางการบริหาร ทีมก็ไม่มีรากฐานที่ดี ถึงมันจะงก แต่ในแง่มุมอื่นๆมันก็ทำได้ดีจริงๆนิ่

2. JK ตัวแกเองเหมือนกัน ถ้าตัวแกเองไม่ปรับตัว หันมาเหลียวทีมงาน Data ที่ รอดเจอร์ ไม่เคยสนใจ การทำงานซื้อขายร่วมกันของแกกับทีมงานก็คงไม่ได้ตัวที่ปังๆเข้าเป้าเป็นส่วนใหญ่หรอก

3. ทีมงานและสตาฟ การจะได้นักเตะที่ดี เข้ากับทีมได้ มันต้องใช้ข้อมูลมหาศาลครับ มันต้องทำงานร่วมกันหลายๆส่วนเพื่อข้อมูลนั้น ความยากของข้อมูลมันไม่ใช่การวิเคราะห์ข้อมูลนะ Data Collection / Data Preparation ยากมากและใช้เวลาเยอะ รวมถึงทีมงานส่วนอื่นๆด้วย ยังไงก็มีส่วนพอสมควร

ดังนั้นผมยกให้สำคัญสุดไม่ได้จริงๆแฮะ ทุกฝ่ายล้วนเคยผิดพลาด แต่สุดท้ายก็พัฒนาขึ้นได้หมดนั่นแหละ ถึงแนวทางจะขัดต่อจิตใจแฟนบอล และ มันไม่ได้ถูกไปซะหมด แต่ผมว่าก็เข้าใจได้ในหลายๆมุมอ่ะนะ

Steven Gerrard ถ้าไม่มีแบกทีมไว้วันนั้นที่ตกต่ำคงไม่กลับมาได้ขนาดนี้หรอก แตกต่างจากทีมอื่นพอสมควรเลย แต่ถ้าเอาปัจจุบันคือ ทุกสิ่งรวมกันตั้งแต่กระดุมเม็ดแรกคือFSGกับทีมหลังบ้าน ทีมหลังบ้านแน่นก็เลือกนักเตะกับโค๊ชดีๆได้ตลอดนั้นหละ

คำถามนี้ต่อให้ FSG จะขี้เหนียวหรือจะขายทีมออกไปยังไง ผมก็ต้องให้เครดิต FSG นะ

สมมติตอนนี้ไม่ทุ่มไม่อะไร ผมจะด่าจะแช่งยังไง ก็ต้องให้เครดิตอ่ะ เพราะถือว่าเขาลงทุน ปูรากฐานมาเลยก็ว่าได้

ก็ต้องยอมรับว่า FSG เลือกคนได้ถูกแบบ JK ผมว่า JK มีส่วนโคตรเยอะ แกเข้ามาเปลี่ยนหลายๆอย่าง สปิริตในทีม สปิริตกองเชียร์ วัฒนธรรม-ศาสนา บลาๆๆ การปกครองลูกน้อง มันทำให้สะท้อนไปถึงในสนาม มันตอบโจทย์กับยุคสร้างทีมทุกอย่างเลย นอกจากผลงานทีดีผมว่าวิธีการเล่นนี่แหละทำให้ทีมมีมูลค่าที่สูงขึ้นกองเชียร์เพิ่มขึ้น ส่วนคณะบริหารก็ต้องให้เครดิตหลังบ้านที่รับลูกกันได้ดีหมดเลย

- FSG เข้ามาเปลี่ยนระบบบริหารใหม่ หงส์เคยตามหลังแมนฯยูฯสมัยเซอร์คุมแบบสุดกู่ ตั้งแต่ยุคตระกูลมัวร์ จนมาถึงยุค 2 ปลิง

ก็ต้องยอมรับว่าคอนเซปป์หลังบ้านหงส์ ณ ปัจจุบันก็มาจากการบ้า data ของตาลุงเฮนรี่ล้วนๆ (money ball ที่แฟนๆเคยบ่น)

- Edwards เรียกว่าเติบโตมากับหงส์เลย ถึงจะมาจากทีมอื่น แต่ก็มาแบบระดับสตาฟฟ์แล้วมาโตเป็น DOF เต็มตัวที่หงส์เนี่ยล่ะ

วันนี้ผมยังคิดเล่นๆเลยว่า ขอบคุณเอ็ดในวันที่ออกจากทีมเพราะไม่ลงรอยกับคลอปป์ (ไม่มีใครผิดใครถูก แค่อีโก้ของทั้ง 2 ฝ่าย)

แล้วแกไม่คิดจะไปโชว์ฝีมือทีมอื่น ไปโชว์ของ พิสูจน์อีโก้ตัวเองให้ต้นสังกัดเก่า หรือคู่กรณีโดยตรงคือคลอปป์เห็นว่าใครกันแน่ที่คิดถูก

พอในวันที่คลอปป์อำลาทีม แกก็ยอมกลับมาสานงานต่อที่สโมสรเดิม (ถึงเฮียแว่นจะต้องง้ออยู่หลายที) กลายเป็นว่าไร้รอยต่อเลย

ลองถ้าวันที่แกออก แล้วแกไปปั้นสโมสรอื่นในอังกฤษต่อ หลังจากนั้นไม่นานคลอปป์ลาทีมอีก..หงส์น่าจะ ชห.หลายเด้งเหมือนกัน

- คลอปป์ สมควรมีรูปปั้นหรือมีชื่ออยู่บนซักอัฒจรรย์ในแอนฟิลด์ เป็น ผจก.ที่พลิกจากยุคมืดให้หงส์บินสูงที่แท้จริง

ของบางอย่างก็หาคำตอบไม่ได้ ยกตัวอย่างแมนฯยูฯ หลังยุคเซอร์ก็ลองมาทุกอย่างแล้ว ทั้งลงเงิน ทั้งเปลี่ยนแนวทางบริหาร

แต่จิตวิญญาณของนักเตะกลับไม่เหมือนเดิม บทจะเล่นดีก็ชนะได้ทุกทีม แล้วนัดต่อมาก็ห่วยลงดื้อๆ ซึ่งหงส์ก็เคยเป็นมาก่อน

แล้วคลอปป์ก็เข้ามาเปลี่ยนทุกอย่าง สลอทตอนสัมฯเรียกสิ่งนี้ว่าวัฒนธรรมสโมสร บางคนก็อาจนิยามว่า winning mentality

โดยสรุปมันคือทุกฝ่ายรวมๆกันนั่นแหละฮะ ขาดส่วนใดส่วนนึง ระบบมันก็ไม่สมบูรณ์ ทั้งเจ้าของ ทีมงาน และ ผจก.ทีมที่เปลี่ยนวิกฤต

ผมว่ามันรวมๆกันครับ

การที่ 1 จิ้ม 2 และกล่อมให้มาและ 2 ปรับตัวทำงานร่วมกับ 3 ได้นี่แหละ คือจุดเริ่มต้น ของการเติบโต

ผมเชื่อว่าขาดอะไรไปซัีกอย่างเราจะไม่สมบูรณ์

ถ้าไม่มี JK เราอาจจะไม่ได้เห็นภาพรวมของสปิริตของทีม การมองเห็นเป้าหมายเหมือนกันระหว่างแฟนบอลและทีม และวิธีการเล่นที่ทำให้ลิเวอร์พูลเปลี่ยนไปเป็นลิเวอร์ที่แตกต่างไปจากช่วงอื่นๆเลย
ถ้าไม่มี FSG เราอาจจะไมไ่ด้มาถึงจุดที่เราได้ JK มาบริหารเลยก็ได้ ในขณะที่ทีมกำลังแตกสลาย ณ เวลานั้น
ถ้าไม่มี Edword เราอาจจะเห็นการซื้อตัวที่เป็นเป้าหมายของ JK โดยขาดการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน จนอาจเป็ฯดีลที่ผิดพลา่ดมากกว่านี้ก็ได้

JK คือ ส่วนสำคัญที่สุดอยู่แล้ว ง่ายๆหลายไฟสโมสรมีทุกข้อ แต่แค่ไม่มีคนทำทีมอย่าง JK ครับ

ทุกส่วนทุกฝ่ายของสโมสรครับ FSG หลังจากลองผิดลองถูกอยู่หลายอย่างจนเลือกคนได้ถูกต้องอย่างEdwardและKlopp

Klopp ที่เข้ามาสร้างบรรยากาศและวัฒนธรรมองค์กร สร้างนักเตะรวมถึงการเลือกลูกทีมให้ใจลูกทีม จนทุกคนคือหนึ่งเดียวกัน

ให้ fsg ละกัน

เพราะเป็นกลุ่มทุนที่มารื้อหลังบ้านทั้งหมด จ้างโฮแกน จ้างเอ็ด จ้างคล็อป จ้างสล็อท

รวมไปถึงผลักดันเอ็ดขึ้นตำแหน่งเกือบๆสูงสุด

หมดนี่จะเกิดไม่ได้ถ้า fsg ไม่มีนโยบาย money ball บ้าข้อมูล

ส่วนเอ็ด คล็อป ฮิวจ สล็อท เทพแค่ไหน พวกเค้าก็เป็นลูกจ้างของ fsg อยู่ดี

ระบบการทำงานมันเหมือนกับบริษัทอะครับ คนที่กล้าลงทุน กล้าโยนเงินล้านให้พวกนี้ไปถลุงเล่น ยังไงก็ได้เครดิตก่อนแหละ

fsg >> jk >> ed ทีมได้ตัวคล็อปป์มาง่าย เพราะวัฒนธรรมและการบริหารทีมที่เจ้าตัวคิดว่าเข้ากับเค้าได้ แนะการเริ่มต้นจากติดลบ แทบจะล้มละลาย สร้างจนทีมกลับมายืนอยู่ในอันดับต้นๆของโลก ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะทำได้แน่นอนครับ