[RE: เดี๊ยวนี้คณะสถาปัต ของรั้ว ศิลปากร ไม่ดังแล้วเหรอฮะ]
เอาจริงๆ ดังไม่ดังไม่น่าเกี่ยว เพราะสุดท้ายแล้วสถาปัตยกรรมศาสตร์ทุกมหาลัยมันจะมีคนเก่งและคนทั่วๆ ไป ในฐานะที่ผมจบสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่นะ จากประสบการณ์หลังจากจบมาแล้วมองเพื่อนร่วมรุ่น รุ่นพี่ รุ่นน้องที่เรียบจบมาทำงานผมบอกเลย
1. คนที่เก่งที่สุดของรุ่นมักจะไม่ทำงานสถาปัตยกรรม แต่จะเบนสายไปทางงานฝีมือ ทำธุรกิจของตัวเองที่ไม่เกี่ยวกับสายงานสถาปัตยกรรมโดยตรง
.
2. คนระดับกลางๆ ตอนเรียนมีโอกาสสูงกว่าที่จะออกมาทำบริษัทของตัวเอง หรือยังทำงานในสายงานนี้ต่อ แต่ส่วนใหญ่จะทำงานสายนี้กันประมาณ 5-10 ปีนับจากเรียนจบ จากนั้นจะเริ่มมองหาเส้นทางใหม่ๆ
.
3. คนระดับกลางบางกลุ่มที่เน้นคะแนนวิชาการตอนเรียนดี ส่วนวิชาทางสถาปัตยกรรมไม่ถึงขั้นเด่นมาก จะเดินทางในสาย ป.โท-ป.เอก เพื่อเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยมากกว่าจะออกมาทำงานบริษัท
.
4. มีน้อยมากที่จะมีสถาปนิกซักคนที่ทำงานในสายวิชานี้ไปยัน 50-60 ปี(ไม่นับพวกที่บรรจุข้าราชการ หรืออยู่ต่อเพื่อรับงานเซ็นต์แบบ) ผมบอกเลยรุ่นนึงมีไม่ถึง 3-5 คนหรอกที่จะอยู่กับสายงานนี้โดยตรงไปจนอายุเกษียณ
.
5. สถาปนิกที่คุณเจอทั่วไป ที่มารับงานให้คุณส่วนใหญ่ 70-80% จะเป็นเด็กที่จบใหม่หรือเพิ่งจบได้ไม่เกิน 10 ปี ยกเว้นกรณีว่าคนนั้นเป็นเจ้าของหรือหุ้นส่วนในบริษัทสถาปนิก ที่อาจจะมาคุยแทนเด็กๆ แต่งานที่ทำออกมาส่วนใหญ่ก็เด็กในออฟฟิตทำ แต่คนแก่มาพรีเซนต์ หรือคอยไกด์คร่าวๆ จากแบบที่เด็กทำอีกทีอยู่ดี
.
6. คนระดับกลาง-ล่าง บางส่วนจะตกผลึกได้ว่างานที่ดีที่สุดสำหรับการจะอยู่ในสายงานนี้ต่อไปคือ ดราฟต์แมน(คนเขียนแบบ) หรือพวกทำ 3D รูปทัศนียภาพต่างๆ ในรูปแบบของ outsource ไม่ขึ้นตรงต่อบริษัท เพราะมันเป็นงานที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับลูกค้า มีเวลาเริ่มต้น-จบงานแน่นอน รับเงินเต็มก้อนทันทีหลังจบงานไม่มีงวด งานง่ายไม่ปวดหัว ไม่ต้องคิด แค่ทำไปตามแบบที่ส่งมาให้หรือถูกบรีฟมา สามารถเลือกได้ว่ารับหรือไม่รับงานไหน
.
ลืมตอบไป คนเก่งที่เจอในวงการ ก็จบมาไม่ซ้ำมหาลัยกันนะ มีมาจากทุกมหาลัยแหละ แล้วแต่ว่าจะเก่งทางด้านไหนเป็นพิเศษแค่นั้นเลย ยังไม่เคยเจอแบบเทพ all around ไม่มี ต่อให้เป็น great architect ระดับโลกก็ไม่มีใครที่เก่ง all around ไม่มีเช่นกัน
อำนาจ ความเชื่อ ความรัก คือ 3 สิ่งที่ตรรกะมนุษย์ไม่สามารถอธิบายได้ ดังนั้นอย่าถามว่าทำไมกับเรื่องพวกนี้