ก่อนอื่นขอเกริ่นก่อนว่าตั้งแต่ EV เข้าไทยมาไม่มีตัวไหนที่ผมได้ไปลองขับเลย

จนมีไอ้นี้แหละด้วยราคา ชื่อชั้นแบรนด์ และออฟชันที่ให้มา หลังจากที่เทส

ผมว่าด้วยราคาที่มันเปิดมา มันทำให้เราไม่ต้องคิดเยอะเลย วัสดุไม่ก๊องแก๊งนะ

แต่มาถึงจุดลองขับผมภรรยาไปด้วย และเพิ่งมีโอกาสได้ลองขับ EV ตัว J5 นี้

รีเจนต่ำสุดเวลาปล่อยคันเร่ง ก็ทำให้ข้างล่างเวียนหัวอยู่นะ ภรรยาบอก ผมเลยไปตั้งถามในกลุ่ม

สรุปว่า รถไฟฟ้า ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้ ต้องเลี้ยงคันเร่งดีๆ แต่บางแบรนด์ก็ปิดระบบ รีเจนได้

ทีนี้มันทำให้ผมลังเลมากๆ เลยอยากถามเพื่อนๆ ในใจอยากจะเอาเข้ามาแทน CX-3 มากๆ ไม่ใช่ ไม่ดีนะ

แต่ชีวิตประจำวันทุกวันนี้ขับรถวันละ 100 โล ยังคิดไม่ตกเลยจะเอายังไงดี

ส่วนตัวที่บ้านมีรถ สำรองเหลือๆ จึงไม่กลัวเรื่องรอซ่อม อะไหล่เลย ถ้าเป็นเพื่อนๆคิดว่าไงกันครับ

หรือมีใครจองไปแล้วบ้าง ได้ของแถมอะไรบ้าง ในกลุ่มเขาว่าไม่แถมฟิล์มกัน

ไปนั่ง Tesla ของเพื่อน ตัวแพงสุดยังแทบอ้วก

ถ้าวันละ 100 กม. ผมว่าอยู่ในจุดที่คุ้ม พอจะซื้อมาใช้แล้วทิ้ง
ถ้าไม่โชคร้าย เสีย-อุบัติเหตุ 3-4 ปี คุ้มแล้ว

แต่ไอ้ ...ชื่อชั้นแบรนด์... เนี่ย
ชื่อชั้นแย่มาก นะครับ
พร้อมเท คุณภาพแย่ คุมคุณภาพแย่มาก ศูนย์น้อย และคุณภาพลูกผีลูกคน

ทำไมถึงคิดว่าชื่อชั้นแบรนด์ดีครับ เพราะเจ้าของคือเชอรี่ ที่เคยทิ้งลูกค้าในไทย และเคยจะมาทำรถยนต์แห่งชาติกับเรา(ซึ่งส่วนตัวคิดว่าเป็นโครงการแหกตากะหลอกสวมสิทธิ์ขายเหมือนที่ทำกับซักที่) รถนะดูดีตามราคาเลย แต่มันก้น่าจะถูกได้อีกแหละตามสไตล์จีน แต่ชื่อชั้นแบรนด์ดีจริงไหม อันนี้น่าสนใจ

ชื่อชั้นแบรนด์ผมให้สูสี Neta แต่ไม่ได้บอกว่ามันจะเจ๊งและเผ่นไปแบบ Neta นะครับ แต่มันมีความเสี่ยงอยู่เหมือนกัน

อย่างน้อยก็น่าจะดีกว่า NETA แต่อย่างที่ผมบอกไปน่ะครับ

ผมไม่กังวลเลย ด้วยราคารถที่มันแทบจะไม่มีกำไรอยู่แล้ว (อ้างอิงจากจิมมี่)

และถ้าดูในจีน NETA มันสตาร์ตอัพ แต่เชอรี่ มันใหญ่นะครับ

แต่ก็อย่างที่ผมว่านั้นแหละ ผมมีรถน้ำมันหลายคัน ไอ้คันนี้ผมไม่ได้คาดหวังไรเยอะ

แค่ทดแทน CX-3 จะบอกว่า เจ้า CX-3 นี้แบรนด์ญี่ปุ่นก็จริง แต่ราคาก็ฮวบเหมือนกัน

ซื้อ 8 แสน ขายตอนนี้จะได้ถึง 4 แสนไหมไม่รู้

ถ้าฟัง จิมมี่ มา ถ้าเป็นรถคันแรกผมก็ไม่แนะนำคนอื่นเหมือนกันครับ

เพราะ กำไรบางมากคันนี้และเข้า EV3.5 ซึ่งขายเท่าไหร่ต้องผลิตคืนเท่านั้น

แล้วถามว่า ถ้ายิ่งขายดี แล้วผลิตคืน แล้วถึงตอนนั้น ไอ้รถคันนี้มันจะไปขายใคร

ผมเข้าใจหมดครับ

ลองหาข้อมูลของบริษัทแม่คร่าวๆก่อนก็ได้ครับ
ถ้าเคยมีรถแล้วแสดงว่าเข้าใจว่า รถไม่ใช่แค่ขับ ถ้าเสียแล้วซ่อมไม่มีอะไหล่มัหรือรอนานปวดหัว จ่ายค่างวดทุกเดือนแต่ไม่ได้ขับ
ขนาด byd ยังติดback order ทุกเดือน

https://www.grandprix.co.th/chinese-car-brands/

ผมก็ไม่ได้เชื่อ จม มาก แต่ข้อมูลที่เขาพูดเรื่องตอนที่เคยทิ้งลูกค้ามันก็ยังคาใจ ว่า สุดท้ายแล้วจะทำอีกไหม คนซื้อต้องมาลุ้นว่าจะทิ้งมั้ยน้า มันก็เหนื่อยนะผมว่า ไหนไอ้โครงการรถจีนต้องผลิตคืน จะไปจบตรงไหน เกือบทุกแบรนด์เลยเพราะขายดีกันมากจะผลิตคืนตอนไหนเท่าไรกันนาตามท่านว่าเลย ปัญหารถพังในทุกยี่ห้อเจอช่างเก่งมีอะไหล่ก็ซ่อมได้ แต่ปัญหาทิ้งลูกค้าเกิดทีจะต้องทำไงดี

เรื่องรีเจนตอนไปทดลองขับรถไฟฟ้าครั้งแรกผมก็ตกใจ เพราะความเคยชินรถน้ำมันคือยกเท้าออกจากคันเร่งเลย แต่ทุกยี่ห้อปรับได้หมดครับไม่ต้องห่วง

ตอนแรกผมก็สนใจอยู่เหมือนกัน แต่พอไปลองดูตัวจริงแล้วห้องโดยสารไม่ได้ใหญ่อย่างที่คิด เพราะเป็นรถโครงสร้างจากรถน้ำมันเลยเสียพื้นที่ด้านหน้าไปเยอะ แบตห้อยอีก

ตอนนี้เลยจะออก AION UT พอดีจองตอนโปร 499 ไว้
แล้วตอนนี้แถมโฮมชาร์จด้วย ราคาประหยัดกว่าแสนนึง นั่งสบายกว่า ศูนย์เยอะกว่า อนาคตค่อยขยับขยาย

ถ้าอยากประหยัด (ในระดับหนึ่ง) ทำไมไม่ไปไฮบริดจ์เจ้าตลาดคับ ออปชั่นรถจีนดีกว่าผมไม่เถียง แต่ลองคิดๆดูเรื่องอะไหล่กับบริการหลังการขาย ต่อให้เป็นคันที่สามที่สี่ของบ้าน ผมเป็นเจ้าของรถก็คงหงุดหงิดไม่น้อยถ้าไปจอดรออะไหล่เฉยๆเป็นเดือนๆ เรื่องสมรรถนะ ออปชั่นนู่นนี่ของรถจีน ผมไม่เถียงนะ เผลอๆบางอย่างอาจจะดีกว่าแบรนด์ ญี่ปุ่น ยุโรป เมกาก็ได้ แต่เรื่องวัสดุศาสตร์ อันนี้ผมว่าหลายๆเจ้า ของรถ EV จากจีนทำได้แย่มากๆ แบบพวกคาน พวกโครงสร้างต่างๆ เคยดูรีวิวของคนจีนที่เอารถ EV จีนมารีวิว รถประมาณ 3-4 ปี ไอ้ตรงคานล่างกับแถวๆตัวบังคับล้อที่มันควรจะแข็งๆแม่งยุ่ยออกมาเป็นผงแป้งเลยแสส

ขับวันละ 100 โล ใช้ไปเถอะครับ อย่าไปคิดมาก

ต่อให้ลอยแพจริง ไม่มีอะไหล่ ซ่อมไม่ได้แต่แบตยังดี เอาแบตไปทำแบตโซล่าเซลล์ต่อก็ยังคุ้ม

ส่วนเรื่องเวียนหัว ตอนผมใช้ครั้งแรกๆ ก็เวียนเหมือนกัน ด้วยอัตราเร่งที่แสนพุ่งและความหน่วงตอนถอนคันเร่งรีเจน แต่พอใช้ๆ ไปคนขับก็จะชินไปเอง ยกเว้นคนนั่งโดยสารไปด้วย ที่ยังคงเวียนหัวต่อไป

ก็จริงนะ 5EV ยังไม่มีผลทดสอบ NCAP เลย เรื่องนี้ผมถือว่าสำคัญสุดเลย

ทำไมไม่ไป ไฮบริด เพราะส่วนตัวผมมี corolla cross และ อัลติส ไฮบริดแล้วครับ

ถ้าจะเปลี่ยน ก็จะเปลี่ยน CX-3 ครับ

ถ้าเรื่องรีเจน ผมว่าเทสล่าหนักสุดแล้วนะ
ยี่ห้ออื่นน่าจะปรับได้ แค่กินแบต

เรื่อง Regen เป็นเรื่องปกติ ถ้าใช้ไปเรื่อยๆ จนชิน น่าจะปรับตัวไม่ยาก
แฟนผม ตอนทดลองขับ กลับบ้านมากินยาแก้มึนเลย จะอ้วกอย่างเดียว จะไม่เอาด้วย(จะไปเอา Hybrid) ตอนนี้ขับเอง 3-4 เดือน ก็เป็นปกติแถมชอบด้วยบอกว่าขับสนุก(คันเก่า Eco Car)

Jaecoo 5 รถน่าใช้ ถ้าก้าวข้ามมาดินแดน EV อาจจะปลดล๊อคหลายๆอย่างไปได้ ผมยังจะเปลี่ยน Hybrid ผมเป็น EV เลย ติดที่ยังผ่อนอยู่ 555 ต่างคนต่างมีความต้องการใช้และความไม่ไว้ใจ ต่างกัน

คนที่ไม่กล้าข้ามก็ไม่ผิด คนที่ข้ามมาแล้วก็ไม่ผิด

ส่วนเรื่องแถมแพ หรือ พังง่าย ศึกษาข้อมูลให้ชัวร์ก่อน เพราะผมกว่าจะออก EV ก็ดูข้อมูล ปีกว่าๆ เลย แต่ เชอรี่ อดีตมันไม่หอมหวาน เลยมีแผลทำให้คนแหยงพอสมควร

เชื่อตัวเองและแฟน ดีที่สุด เพราะเงินของเราครับ กองเชียร์กองแช่ง ไม่ได้โอนมาช่วยเวลารถดีหรือรถมีปัญหา