เพราะคาร์บที่หมอบอกให้ตัดจะเป็นคาร์บแปรรูปหรือเชิงเดี่ยวซะส่วนมาก
นอกจากจะแนะนำเพื่อลดน้ำหนักแล้ว ตัดของพวกนี้ไปจะทำให้สูขภาพดีขึ้นในระยะยาวด้วยครับ
(เท่าที่เคยคุยกับหมอ หมอไม่เคยพูดให้ตัดคาร์บเชิงซ้อนเลยสักครั้งพวกข้าวกล้อง ธัญพืช)
การมีสุขภาพที่ดีที่หมอแนะนำนอกจากกินให้ครบสารอาหาร ออกกำลังมันก็ต้องทำให้ครบทุกแบบด้วย
คาดิโอ เวทเทรนนิ่ง โค้ชส่วนมากก็แนะนำอยู่แค่นี้
แต่หมอที่คุยกับผมให้เพิ่มฝึกการทรงตัวกับ stretching ด้วยให้ครบเหมือนกินอาหาร

ไม่รู้ ผมแค่ทำกับข้าวเอง กินข้าว 4 กษัตริย์ ลด ultra processed food

ตอนนี้แฮปปี้มาก อาหารธรรมชาติ วัตถุดิบธรรมชาติ มันไม่ได้มี addictive factor ที่ทำให้เราติดในรสอาหารขนาดนั้น มันอร่อยของมันเอง

แต่ผมกินเนื้อวัวนะ มีความเชื่อส่วนตัวว่ามันโตช้า อาจจะมีสารเร่งโตน้อยกว่า

ส่วนบังบอย ก็ยอมรับว่าฟังแล้วทำให้มีความมั่นใจในการกินข้าวมากขึ้น เพราะทำให้อิ่ม

เชื่อผมเถอะ ถ้าออกกำลังกาย ติดตามข่าวสารวงการนี้ อย่าไปปักใจเชื่อสูตรใครมากครับ
มันเปลี่ยนตลอด พวกบอกไม่หมดมันเยอะ ผมลองมาทุกสูตรอะ
5ปีที่แล้วความเชื่อนี้ถูก ตอนนี้ผิดก็มีเยอะ ตามช่องฝรั่ง พวกเทพกว่านี้ ดีกรีแชมป์ ยังเถียงกัน ตีกันไม่จบเลยครับ
ไอพวกกินๆ ซ้อมเถื่อนๆ ใช้ยาทั้งนั้น
ผมก็เคยใช้ มันดีจริงครับ ซุปเปอแมนเลย ออกกำลังได้หนัก พักน้อยแบบคนละเรื่อง
กินได้ตามใจปากพอสมควร
ถ้าคุณไม่ใช้ตัวช่วย ผมแนะนำเลือกทางสายกลางเอาไว้ดีกว่า

ทุกการลดความอ้วน มันอยู่ภายใต้คอนเซป calorie deficit

สารอาหารแต่ละอย่าง โปรตีน คาร์บ แฟต กินให้ถึงขั้นต่ำที่ร่างกายต้องการก็พอ

จากแคลอรี่ 100% สมมติขั้นต่ำร่างกายต้องการโปรตีน คาร์บ แฟต อย่างละ 20,20,20

อีก40%ที่เหลือจะกินสารอาหารอะไรก็แล้วแต่ความชอบ เพราะมันจะทำได้ตลอดไม่ฝืน

มีเยอะแยะที่เวทด้วยกัน โปรแกรมเดียวกัน แต่คนนึงไฮคาร์บ คนนึงไฮแฟต

เห็นด้วยที่กินโลวคาร์บ ไฮแฟตสะดวกกว่า ซื้อกับข้าวทั่วไปกินได้เลย แค่ลดปริมาณคาร์บลงก็ลดความอ้วนได้แล้ว
แต่บางคนลองแล้วไม่ใช่ทาง(เช่นผม) เพราะรู้สึกไม่อยู่ท้อง

ฉะนั้นถ้ายังอยากไฮคาร์บกินข้าวเยอะๆ แต่ยังลดความอ้วนได้ ก็ต้องลดแคลอรี่จากอาหารลง
การซื้อกินก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ ต้องทำอาหารเอง ใช่เครื่องปรุงแคลต่ำ เนื้อสัตว์มันน้อย และชั่งตวงน้ำมัน
ซึ่งข้อดีของการกินแบบนี้คือมันกินได้ปริมาณเยอะอยู่ท้องแต่แคลยังติดลบ ไม่อยากของหวาน ไม่โหย

ใครสะดวกแบบไหนก็ทำแบบนั้น
ผมฟังทุกคนทุกสายแล้วลองกับตัวเองดูว่าแบบไหนอะตัวผมสามารถทำได้ในระยะยาวแล้วมันก็มาจบที่ไฮคาร์บกินข้าวเยอะ

จะกินอะไรไฮอะไรโลวก็เลือกทางที่ตัวเองชอบและไม่ต้องฝืน
บางคนชอบกินขนมของหวาน เขาแทบจะไม่กินคาร์บจากอาหารหลัก กันโควค้าแคลไม่ลงกับขนมหมด ก็เห็นลดกันได้หลายสิบโล

ผมเพิ่งจะลองกินไฮคาร์บฯครั้งแรกจากอ่านเพจบังบอยนี่แหละ แต่ทำหลวมๆนะเช่นจากข้าวมื้อละ 180-200 กรัม ตอนนี้เพิ่มเป็น300กรัม กรณีที่กินที่บ้าน

แต่เนื่องจากวันๆผมกินมื้อหลักแค่วันละ 2 มื้อจริงๆ เลยไปเพิ่มเป็นข้าวโอ้ตแทนมื้อขนมไรงี้แทน ให้กินข้าวเป็นโลฯไม่ไหวจริงๆกับ2มื้อ (ไม่สะดวกหิ้วไปกินข้าวนอก)

รวมถึงอาหารที่ผมทำเองมันเปลี่ยนวัตถุดิบไปเรื่อย บางครั้งก็หมูสะโพก หลายครั้งก็หมูบดเนื้อบดซึ่งมันก็มีไขมันติดมาบ้าง นานๆทีอกไก่ เลยคำนวนแคลฯจากตรงนี้ลำบากหน่อย

ที่มาลองทำเพราะผมทำมาเกือบทุกแบบแล้ว และตัวผมมันลดจริงแต่ไม่กระชับ เป็นคนเคยอ้วนแล้วลดลงมาผิดๆตั้งแต่เกือบ20ปีก่อน รอบนี้กู้กลับมาจากพีคสุดในชีวิตก็แฮปปี้ดีทุกอย่างแต่มันเป็นไปอย่างช้าๆเพราะไม่เคยต้องกินอดๆอยากๆเพราะเน้นกินให้ถึง TDEE แต่น่าจะไม่ถึงหรอกทุกวันนี้

ว่าจะลองดู2-3เดือน แล้วว่ากันอีกทีว่าเวิร์คไหม

ผมพัฒนาการสร้างกล้าม ลดไขมัน เพราะตามช่องตาบังบอยด้วยนี่ละ

ผมเป็นคนชอบกินแป้งมาก มีความสุขที่ได้กินแป้ง ไปญป กินข้าวหน้าเนื้อ
อยู่ไทยบ้านเรากินโตเกียว กินข้าวต้มมัด ขนมไทย ข้าวเหนียวมะม่วงอร่อยดี

ผมเลยคิดว่าวิธีไฮคาร์บเหมาะกับตัวผม ค่าเลือดปกติ มีกล้ามระดับนึง กินอาหารที่ชอบได้ตลอดชีวิต

ซึ่งจริงๆวิธีนี่มัน basic ปกติมากนะ WHO ยังแนะนำการกิน C45% P25% F30%

คนออกกำลังกายก็อัดแป้งตามที่ท่านว่าใครไม่ออกกำลังกายก็ไม่ต้องกินข้าวเป็นโลสิ กินเพื่ออ

ส่วนวิธีคีโต มีช่วงนึงผมชอบไปอ่านคอนเทนส์ของหมอจิรรุจน์บ่อยมากบางอย่างก็ยังเอามาเป็นความรู้ในปัจจุบันอยู่

แต่สำหรับผมพอดูแล้วผมไม่สามารถทานอาหารแบบนั้นได้ตลอดแน่ๆมันแค่ไม่อร่อยแหละ เลยไม่อยากทาน และสำหรับคนเริ่มสร้างกล้ามผมยังไม่เห็นคนที่เริ่มทำคีโตแล้วสร้างกล้ามได้ เห็นแต่คนสร้างกล้ามไปแล้วมาทำคีโตอันนี้ปกติ เค้ารีดไขมัน รีดน้ำออกให้แห้ง นักกีฬาร่างกายภายในเค้าพังกว่าที่เราเห็นเยอะนะ มันทำเพื่อแข่งขัน (ใครสายสร้างกล้ามทำคีโตละกล้ามขึ้นแนะนำได้เลย)

ผมว่าเราเลือกวิธีที่เราชอบและดูปลายทางด้วยว่าเราต้องใช้ชีวิตยังไงไฮคาร์บไม่ได้วิธีที่ดีที่สุดแต่มันเหมาะกับผมที่สุด

ศึกษาแล้วก็เอาไปทำให้มันเห็นผลลัพธ์ เด่วก็เปลี่ยนความเชื่อเราไปเอง

จริงๆแอบเห็นใจตาบอยอยู่นะ พ่อค้ายาที่ว่า เค้าไม่เคยสอนให้ลูกเทรน หรือทำคอนเทนส์เกี่ยวกับการใช้ยาเลยนะ ความรู้แกแจกฟรีไม่คิดตังค์ คนเป็นลูกเทรนก็ได้ความรู้เหมือนหน้าช่องที่แกสอน *ไม่ต้องใช้ยาก็ลดได้*

คืออยากผอมจนแห้ง มันก็ต้อง if อะ ผมบอกเลย คาร์บกินเยอะก็ไม่ได้

หรือถ้าอยากผอมลง แล้วมีกล้ามเนื้อ มีแรงเล่นด้วย คาร์บไม่ต้องไปลด ลดแล้วเอาแรงที่ไหนไปเวท

คือเป้าหมายคนเราไม่เหมือนกัน ผมก็ไม่รู้เค้าจะเถียงกันไปทำไม บางคนอยากผอม อยากทำ if ลดแป้ง เพราะไม่ชอบตัวเองตัวโตๆ ก็เลือกอีกแบบ

บางคนอยากให้ตัวเองกล้ามใหญ่ ตัวใหญ่ แป้งอะ กินไปเหอะ ยิ่งกินยิ่งมีแรงเล่น ผมเคยตัดแป้งไปยกเหล็ก หน้าจะมืดเอา ไม่รู้เค้าเล่นกันไปได้ยังไง


สุดท้าย อย่าคิดว่าลดน้ำหนักคือไปเช็คที่ตราช่าง มันไม่ใช่เลย คุณต้องดูมวลร่างกายของคุณ ผอมแต่กล้ามเนื้อไม่มี อันนี้อันตราย

ไม่ว่าจะ คีโต / IF / low carb / high carb มันต้องอยู่ใน calorie deficit ถึงจะเห็นผล
ทำIF แต่ซัดวันละ5000-6000แคล ไม่ออกกำลัง IFสิบชาติก็ไม่ผอม

สายกินคาร์บเยอะ มันก็แตกออกมาจาก calorie deficit แต่สายนี้ต้องออกกำลังกายให้ถึง เพื่อเอาออกให้หมด
ถ้าทำแล้วออกกำลังกายต่ำ นั่งเฉยๆ แต่ดันยัดคาร์บหนักๆทุกวัน นอกจากน้ำหนักขึ้นมันเสี่ยงเบาหวานมากกว่าสายอื่น

ส่วนการแนะให้ลดคาร์บ มันเป็นวิธีการเข้าใจง่ายกับคนปกติ มันใช้ได้ทุกคน เพราะไม่ใช่ทุกคนที่ออกกำลัง
และวิธีนี้ลดปริมาณน้ำตาลในเลือกไปในตัว คนไม่ออกกำลังก็จะได้ไม่เสี่ยง

สำหรับผมไม่มีวิธีไหนแย่ ชอบแบบไหนไปทางนั้น แต่ต้องอยู่ในหลัก calorie deficit
บางวิธียุ่งยากซับซ้อน บางวิธีง่ายแบบถอดสมอง เลือกเอาที่เข้ากับการใช้ชีวิต ทำไปเถอะ

หมอถ้าให้ความรู้แบบรวมๆ ไม่ใช่ตรวจแนะนำเฉพาะเป็นรายคน ก็ไม่แปลกที่จะแนะนำลดคาร์บนะครับ

เพราะมันเซฟกับแทบทุกคน ไม่อันตราย และทำง่ายเห็นผลชัดเจนที่สุดแล้ว

ลองนึกภาพมนุษย์ออฟฟิศนั่งทำงานงกๆทั้งวัน หลายๆคนเลิกงานดึกไม่เหลือแรง/เวลาไปเล่นเวท ก็ต้องลดแป้งนี่แหละช่วยได้โดยไม่กระทบชีวิตประจำวัน

ถ้าคิดว่าอัดคาร์บอะไรก็ได้เหมือนกันหมด ท่านลองเปลี่ยนจากข้าวโอ๊ตกับข้าวขาว มาเป็นข้าวเหนียวกับแป้งพิซซ่าหนานุ่มดู จะได้รู้ว่าให้ผลเหมือนกันไหม

แดกข้าวเยอะ อ้วนชิพหาย ไม่งั้นผมไม่แดกแป้งเฉพาะมื้อเที่ยงหรอก มื้อเย็นโปรตีนผักผลไม้ล้วนๆ