แม่ทัพภาค 2 บรรยาย ม.เกษตร ขอนิสิตยึด “ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์” เป็นที่ตั้ง
UPDATE: แม่ทัพภาค 2 ขึ้นเวทีสนทนาพิเศษ ม.เกษตรฯ ประกาศชัด “ไม่เล่นการเมือง” บอก ”การเมืองไม่ถนัด ถนัดแต่เรื่องปกป้องแผ่นดิน“ ชี้ แม้เกษียณตำแหน่ง แต่ไม่เกษียณจากการเป็นคนไทย ขอ ทุกคนยึด 3 เสาหลักเป็นที่ตั้ง ส่วนรักษาแผ่นดินขอให้เป็นหน้าที่ “ทหาร” ลั่น ”ใครรุกอธิปไตยไม่ได้“ ยัน ลูกหลานแนวหน้าทำดีที่สุดแล้ว ยึดแผ่นดินคืนได้ในห้วงเวลาจำกัด โดยการรบอัจฉริยะ แบบ “C4ISR”
วันนี้ (25 ส.ค. 68) เวลา 14:30 น. ที่ห้องประชุมสุธรรม อารีกุล อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ขึ้นกล่าวสนทนาพิเศษ ในหัวข้อ “เรื่องจริงจากชายแดน” แก่บุคลากร และนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดย มีคณาจารย์ นิสิตนักศึกษา และประชาชนเข้าร่วมรับฟัง โดยภายในงานมีมินิคอนเสิร์ตจากวง “เกษตรศาสตร์วินด์” ที่บรรเลงเพลง และขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ความฝันอันสูงสุด และบทเพลงรักชาติรักแผ่นดิน
พล.ท.บุญสิน ได้เริ่มต้นด้วยการกล่าวทักทาย ว่า ก่อนที่ตนจะพูดอะไรกับทุกคนในวันนี้ อยากให้พวกเราได้ร้องเพลง เป็นเพลงที่บางคนร้องเบา บางคนก็ไม่อยากจะร้อง บางคนไม่มีที่ร้องด้วยซ้ำเพราะไม่มีแผ่นดินที่จะให้ร้อง วันนี้พวกเรามีแผ่นดิน จะร้องแบบเขินอายทำไม เราไม่ร้องวันนี้ วันหนึ่งถ้าเราไม่มีที่ร้อง เพลงนี้เราจะไม่ได้ร้องอีกเลย พร้อมให้ทุกคนในห้องประชุมร่วมกันร้องเพลงชาติ กับวงดนตรีของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
จากนั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวต่อว่า ทุกวันนี้ไปไหน จอดรถที่ไหนก็อิ่มท้อง เพราะชาวบ้านทักจะเอาของกินมาให้ บางครั้งก็เอาฝรั่งมาให้ 4-5 ลูก ซึ่งนี่คือคนไทย วันนี้แม่ทัพมาที่นี่ไม่ได้มาทอล์คโชว์ แต่อยากจะมาเล่าความในใจให้กับทุกคนได้ฟัง ก่อนจะถามในห้องประชุมแห่งนี้ว่าใครเกษียณปีนี้ พร้อมจะบอกว่า ไม่ต้องอาย ตนก็เกษียณปีนี้ อาจจะเกษียณจากความเป็นแม่ทัพ แต่ไม่เกษียณจากความเป็นคนไทย ตัวเองจะอยู่กับคนไทยจนกว่าตัวเองจะสิ้นลม
”ผมเกษียณจากตำแหน่งแม่ทัพ แต่ผมยังไม่เกษียณจากความเป็นคนไทย ผมจะอยู่กับพี่น้องคนไทยจนกว่าจะสิ้นลม ผมไม่เล่นการเมือง ผมจะอยู่ตรงไหนก็ได้ที่ไม่มีผลประโยชน์สำหรับตัวเอง คำพูดวันนี้ผมจะสื่อไปถึงหลายๆ ท่านที่จะชักชวนผมให้ไปเล่นการเมือง ขอบคุณแต่การเมืองผมไม่ค่อยถนัด แต่ผมถนัดเรื่องปกป้องแผ่นดิน เพื่อประเทศชาติ อยากทำเพื่อส่วนรวม แบบไม่มีผลประโยชน์ของตัวเอง“ พล.ท.บุญสิน กล่าว
พล.ท.บุญสิน กล่าวอีกว่า วันนี้จึงอยากมาแลกเปลี่ยนกับทุกคนที่อยู่ในห้องประชุม หากอยากจะถามหรือสงสัยอะไร สามารถถามได้ แต่ก่อนที่จะเปิดให้ถาม
อยากให้ทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ดูแถบสีธงชาติที่อยู่ที่แขนซ้ายของตัวเอง ก่อนจะขอให้รักษา 3 สีนี้ให้ดี เพราะบรรพบุรุษ และพระมหากษัตริย์ไทยในอดีตได้สูญเสียเลือดเนื้อเพื่อรักษาไว้กว่าจะได้มาซึ่งความเป็นชาติ และแผ่นดินที่ให้ลูกหลานอยู่ ต้องต่อสู้มาด้วยความยากลำบาก ซึ่งมาถึงยุคปัจจุบันไม่อยากให้ใครทะเลาะกัน ให้ทุกคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ขอให้ทุกคนเสียสละเพื่อส่วนรวม
แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ในเฟสบุ๊กของตนไม่ค่อยได้เข้าไปอ่าน แต่เห็นมีบางคน เข้ามาด่า และตำหนิแม่ทัพ ตัวเองก็ถามกลับไปว่าเป็นคนไทยหรือไม่ ถ้าเป็นคนไทยตัวเองจะไม่ตอบโต้ แต่หากเป็นคนต่างชาติก็ยินดีที่จะตอบโต้ แต่ต้องบอกว่ามันไม่มีประโยชน์
ส่วนเรื่อง
ศาสนา เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจไม่ว่าใครนับถือศาสนาอะไร ทั้งศาสนาพุทธ, คริสต์, อิสลาม, ฮินดู และพราหมณ์ล้วนแล้วสอนให้ทุกคนเป็นคนดี ก่อนจะเล่าย้อนสมัยตนเคยไปทำงานที่ภาคใต้ 3 ปี ก็ได้น้อมนำพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ไปใช้ ซึ่งตอนที่อยู่ที่นั่นก็ช่วยกันกับพี่น้องชาวมุสลิมเวลาว่างจากการปฎิบัติ แต่พอถึงเวลาจบภารกิจที่ภาคใต้พี่น้องชาวมุสลิมก็ไม่อยากให้ตนกลับส่วนกลาง ก่อนจะพูดติดตลกว่า “บางคนมีต่อรองบอกจะหาเมียให้ 4 คน แถมสวนยางพาราอีก 1 แปลง แต่ตนก็ต้องกลับตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา”
พล.ท.บุญสิน กล่าวเพิ่มเติมว่า หากพูดถึงเรื่องศาสนา
อยากให้อาจารย์ เน้นย้ำเรื่องศาสนาให้กับนักศึกษาทุกคน ครั้งก่อนที่ได้ไปผู้ที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้พูดไว้ว่า “หากใครไม่มีหลักศาสนา ในจิตใจจะไม่เกรงกลัวบาป จะทำอะไรคิดแต่ผลประโยชน์ตัวเอง เอาเปรียบคนอื่น“
ส่วน
สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งท่านทรงเป็นกลาง เป็นหลักชัยให้กับประเทศชาติ พระองค์ไม่ยุ่งเรื่องการเมือง มีแต่ดูแลเป็นเสาหลักให้กับประเทศชาติ ทรงเป็นองค์กองทัพไทย ทุกคนที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ทำงานรับใช้ใกล้ชิดพระมหากษัตริย์ ต้องเป็นคนที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง หากย้อนกลับไปในอดีต ทั้งสมัยสมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระเจ้าตากสินทรงเสียสละ และมีความเด็ดเดี่ยวที่จะไล่ศัตรูออกไปจากแผ่นดินไทย รวมไพร่พลที่มีอยู่น้อยนิดนิดเดียวหัวเมืองต่างๆ ให้รวมเป็นหนึ่งเดียว นี่คือบุญคุณของพระมหากษัตริย์
อีกทั้ง
เมื่อมาในยุคปัจจุบันในหลวงรัชกาลที่เก้าก็ได้ทรงพัฒนาทุกอย่าง ปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 10 พระองค์ทรงเป็นหลักชัยให้กับประเทศชาติ ดังนั้นทั้งหมด ที่กล่าวมาทั้งสามสถาบันหลักอยากให้ทุกคนช่วยกันรักษาไว้ ส่วนทหารทำหน้าที่รักษาแผ่นดินที่บรรพบุรุษเราเหลือไว้ ย้อนไปในอดีตไม่รู้ว่าแผ่นดินมีเท่าไหร่แต่ปัจจุบันเหลืออยู่เท่านี้ก็ต้องรักษาไว้
พล.ท.บุญสิน ย้ำว่า ตนในฐานะแม่ทัพภาค 2 รับผิดชอบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะต้องดูแลแผ่นดินนี้ในยุคที่ตนเป็นแม่ทัพอยู่ให้ดีที่สุด หากรุกล้ำอธิปไตยในห้วงตัวเองปฎิบัติหน้าที่อยู่นั้น ไม่ได้ และไม่ว่าคุณจะเป็นใคร จะมีเล่ห์เหลี่ยม เหลี่ยมจัดแค่ไหนก็ไม่ได้ โดยช่วงวันที่ 24 - 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตนที่เคยพูดตั้งแต่ครั้งแรก ว่า ”พร้อม และมีความจำเป็นต้องมีการปะทะ ต้องปิดประสาทตาเมือนธม ถ้าไม่ปิดชาวบ้าน 2 ประเทศจะมาฆ่ากันที่นี่
ทั้งนี้ สิ่งที่ทำดีที่สุดแล้วในกรอบเวลาที่มีอยู่ สามารถเอาแผ่นดินคืนมาได้เท่าเวลาที่มีอยู่ เท่ากับที่ต้องแลกกับพี่น้องทหารที่เสียสละชีวิต พร้อมถามว่า ทุกคนรู้หรือไม่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับครอบครัวพวกเขาบ้าง อย่างน้องทหารที่ขาขาด ดมยาสลบไป และฟื้นขึ้นมา ตื่นขึ้นมาพูดคำเดียวว่า ”พวกเรายึดได้ไหมพี่“ นี่คือสิ่งมันเกิดขึ้นจริง ตัวเองอยากจะเล่าให้ฟังว่าทั้งหมดเจ็บจริง - เสียชีวิตจริง
ทั้งนี้ พล.ท.บุญสิน กล่าวในช่วงท้ายว่า มีคนอยากรู้ว่าห้วงเวลานั้นแม่ทัพอยู่ตรงไหน ตนอยู่ในจุดที่ต้องคอยช่วยน้องๆ ทุกคนในระยะ 1000 กิโลเมตร ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องบัญชาการด้วยระบบการรบ แบบ C4ISR (ซีโฟร์ไอเอสอาร์) หรือ (แนวคิดการรบแบบอัจฉริยะที่เน้นการใช้ข้อมูล และเทคโนโลยีเพื่อควบคุม และประสานงานในสนามรบอย่างมีประสิทธิภาพ) ซึ่งตอนนั้นก็อยู่ในระยะยิงของข้าศึก และต้องเอาแผ่นดินคืนในห้วงเวลาที่จำกัด ซึ่งได้มาเท่านี้ทวงคืนได้ในห้วงเวลาที่จำกัด จึงอยากบอกให้ทุกคนฟังว่า “ลูกหลานที่อยู่แนวหน้าทำดีที่สุดแล้ว มันไม่ได้ง่าย ไม่ได้เดินไปแล้วเอาธงปักได้เลย ทางฝั่งนั้นก็มีปืน มีปืนใหญ่ มีจรวด” วันนี้ตัวเองต้องขอสดุดีวิญญาณของน้องๆ ทุกคน ที่พลีชีพเพื่อชาติ และที่บาดเจ็บอีกหลายนาว รวมถึงประชาชนที่สูญเสียในห้วงเวลาดังกล่าวด้วย
#TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #แม่ทัพภาคที่2