มอร์แกน กิ๊บส์-ไวท์ เปิดเผยว่าภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ของคู่หมั้นของเขา เป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญในการตัดสินใจปฏิเสธการย้ายไป ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ และฝากอนาคตไว้กับ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์

กองกลางวัย 25 ปีรายนี้เป็นศูนย์กลางของดีลการย้ายทีมที่เซอร์ไพรส์ที่สุดดีลหนึ่งในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยที่ สเปอร์ส เชื่อว่าพวกเขาได้ใช้เงื่อนไขค่าฉีกสัญญา 60 ล้านปอนด์ของเขาในเดือนกรกฎาคม

ทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดี แต่แล้วข้อตกลงกลับล้มเหลวหลังจากที่ ฟอเรสต์ ขู่ว่าจะฟ้อง ท็อตแนม ต่อพรีเมียร์ลีก หลังพวกเขาเชื่อว่า “คลับไก่” เข้าหานักเตะของพวกเขาแบบผิดกฎ

ต่อมา ฟอเรสต์ ได้ปฏิเสธข้อเสนอจาก สเปอร์ส หลายครั้ง รวมถึงข้อเสนอซื้อตัวครั้งที่สองที่สูงกว่าค่าฉีกสัญญา 60 ล้านปอนด์ ก่อนที่ กิ๊บส์-ไวท์ จะตัดสินใจเปลี่ยนใจอย่างกะทันหันและเซ็นสัญญาฉบับใหม่เป็นระยะเวลา 3 ปีจนถึงปี 2028

สโมสรอธิบายว่าท่าทีของพวกเขาในดีลนี้เป็น "คำประกาศเจตนารมณ์" ของ เอวานเจลอส มารินาคิส เจ้าของทีมอย่างชัดเจน

ทางด้าน กิ๊บส์-ไวท์ ได้ให้สัมภาษณ์กับ talkSPORT ว่าการตัดสินใจครั้งนี้มีความหมายมากกว่าแค่เรื่องฟุตบอล หลัง บริทนีย์ เดอ วิลลิเยร์ส คู่หมั้นของเขาเพิ่งคลอดลูกคนที่สองหลังจากผ่านช่วงตั้งครรภ์มาอย่างยากลำบาก

กิ๊บส์-ไวท์ กล่าวว่า "นักฟุตบอลทุกคนมีเป้าหมายส่วนตัวและความทะเยอทะยานที่อยากจะทำให้สำเร็จ"

"เป้าหมายของผมคือการคว้าแชมป์ ลงเล่นฟุตบอลโลก ลงเล่นฟุตบอลยูโร และลงเล่นฟุตบอล แชมเปียนส์ลีก เพียงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดที่ผมสามารถทำได้"

“'แน่นอนว่าช่วงซัมเมอร์นี้ ทุกคนเห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่นอกเหนือจากนั้น มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากสำหรับผมและคู่หมั้น”

“การมีลูกคนที่สองของผม แต่มันก็มีเรื่องยุ่งยากบ้างเล็กน้อย ผมเชื่อในความเป็นมืออาชีพ ตั้งใจทำงานทุกวัน และปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามหน้าที่ ผมเชื่อมั่นว่าทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยเหตุผล”

“ผมดีใจกับการตัดสินใจของตัวเอง ยิ่งกว่ามีความสุขซะอีก ผมคิดว่าคู่หมั้นของผมมีความสุขมากกว่า เพราะเธอเองก็ไม่ต้องมาแบกรับความเครียดทั้งหมดไว้”

กิ๊บบ์ส-ไวท์ พลาดการเข้าร่วมแคมป์ปรีซีซั่นของ ฟอเรสต์ ที่ประเทศโปรตุเกส เนื่องจากต้องไปอยู่กับคนรักของเขา ซึ่งมีภาวะ "การตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูง"

น้าแองรีบๆไปคุม ฟอเรสทีเห็นแล้วหมั่นไส้

เป็นการตัดสินใจที่ยากมากทแต่พี่ก้เลือกครอบครัวก่อน
เคารพการตัดสินใจ พี่สุดยอดมากคีับ

เข้าใจได้เลย
ครอบครัวต้องมาก่อน
อีกอย่างอยู่ฟอเรสตัวเเเบกชัดเจน
บอลโลกมีลุ้นติดไป การเสริมตัวก้ดีกว่าไก่

ตอนนี้ฟอเรสต์ไม่ได้ดูเล็กกว่าสเปอร์ตรงไหนเลย

ไอเจ้าของคนนี้น่ากลัว มันเอาจริงเอาจัง แพชชั่นเยอะดี

อาจจะขึ้นมาเป็นบิ๊กทีมก่อนนิวอีกก็ได้

ถือว่ารสนิยมนายดี เราชอบ

เข้าใจได้ ภรรยาป่วยซึ่งถือเป็นเรื่องเครียดหนักอยู่แล้ว ถ้าเอาการย้ายที่อยู่ย้ายที่ทำงานมาบวกเพิ่มเข้าไปอีก น่าจะหนักหนาเกินไป อันนี้ถือว่าตัดสินใจได้ดีมาก

ทีมจบที่ 7 ลุ้นไป UCL ถึงนัดท้าย กับที่ 17 ฟอร์มบู่ทั้งฤดูกาล ระยะยาวก็เลือกไม่ยากนะ

จากข่าวที่ออกมา นายกับเอเย่นต์เป็นฝ่ายมาบอกสเปอร์สก่อนนะครับว่าตัวเองมีค่าฉีกสัญญา
(วงในสเปอร์สพูดด้วยซ้ำครับว่า นักเตะเป็นฝ่ายบอก ไม่ใช่เอเยนต์-แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันนะครับ)

ซึ่งสุดท้ายนายไม่ได้ย้ายมาไก่ แต่ได้ต่อสัญญากับฟอเรสต์
การออกมาพูดหล่อๆ เข้าใจได้เพราะนายก็ต้องรักษาความสัมพันธ์กับแฟนบอล

แต่ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่านายต้องการอะไรกันแน่ หวังว่าจะไม่ใช่เป็นการหลอกใช้สเปอร์สเพื่ออัพค่าเหนื่อยนะครับ

เอาค่าฉีกสัญญามาบอกเอง แล้วพอโดนจับได้ก็โดนขู่ฟ้อง

เลยต้องต่อสัญญาไปแบบจำใจ

ทีมก็ยังดูโอเค แต่ประธานไม่ไหวนะนูโนปั้นทีมมาขนาดนี้ยังโดนล้วงลูกตลาดซื้อขาย

จนมีปัญหาแล้วก็จะไม่ได้คุมทีมต่อ

ช่างเถอะ อาจจะดีจริงก็ได้

ขอให้ได้ไปบอลโลก

แล้วผมกำลังอินกับเรื่องครอบครัวเลย พอเจอดีเทลไป เบรคก่อนแปป..

ขายขำอยู่นะตัวนี้

ไม่เป็นไรครับท่าน เรื่องให้ความสำคัญกับครอบครัวก็เป็นเรื่องจริงล่ะครับ
เพราะแฟนมีปัญหาเรื่องภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์
ทำให้กิ๊บส์-ไวท์ ก็ไม่ได้ไฟต์กับฟอเรสต์ เพื่อให้ได้ย้ายทีม (แบบอิซัค)

แต่เรื่องที่เอาค่าฉีกสัญญามาบอกสเปอร์สก่อน ก็จริงเหมือนกัน
สำหรับแฟนไก่ มันก็จะรู้สึกแปลกๆ หน่อยตรงที่นักเตะเหมือนมีใจ แอบมากระซิบบอกค่าตัวเสร็จสรรพ
แต่พอไม่ได้ย้าย นักเตะกลับมาบอกว่า "ดีใจกับการตัดสินใจของตัวเอง ยิ่งกว่ามีความสุขซะอีก"

นี่มันอะไรกันครับเนี่ย...