ที่แบบต่างฝ่ายต่างชวนมาดูหลักฐาน

ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็พูดไม่ตรงกันซักอย่าง

แล้วทั้ง 2 ประเทศ

ก็ไม่ได้มีผลต่อเศรษฐกิจ หรือความมั่นคงต่อตัวเองซักเท่าไหร่

แต่เชิญมาดูไม่หยุดเลย

แล้วก็แบบแค่ให้มาดูเฉยๆ ไม่ได้จะขอความช่วยเหลืออะไร

แบบให้ผมมาดู แล้วยังไงต่ออ่ะ

ไม่น่าจะเบื่อมั้งแบบเชิงหน้าที่ อย่างน้อยดูแล้วก็คงต้องทำรีพอทส่ง รบ. เค้าบ้างแหละ

ส่วนเรื่องจะมีการตอบสนองอะไรก็คงแล้วแต่แต่ละประเทศจะมีดุลพินิจ

อย่างน้อยก็เป็นการเเจ้งให้เขารู้ว่าใครพูดเรื่องจริง ใครสร้างเรื่องขึ้นมา

ผมว่าฑูตที่มาดี เขาคงเอาไปขยายผลต่อเเหละ

ไปเขมรอาจจะเบื่อ แต่มาไทยพาไปจบพัทยาไม่น่าเบื่อ

เบื่อกันหมดอ่ะ

1. ทหารตามชายแดน ต้องเสี่ยงชีวิตลาดตระเวนกับคอยเฝ้าระวังมากกว่าเดิม
2. ประชาชนที่ต้องออกมาแก้ข่าวกันไปมา ไม่จบไม่สิ้น แล้ว IO เหมนมันขยันสร้างข่าวด้วยนะ
3. ประเทศที่ 3 ที่ต้องทำตัวเป็นเพื่อนบ้านคอยฟังปัญหาที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองสักนิด แต่ไม่ฟังก็ไม่ได้ เดี๋ยวเพื่อนโกรธอีก

มันเป็นกฎหมายระหว่างประเทศมันก็คืองานอย่างนึง เวลาคุณทำงานคุณก็อาจจะมีเบื่อบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่เรื่องสงครามแบบนี้ผมว่าเค้าสนมากกว่านะเป็นกรณีศึกษาได้ อาจมีใครสักคนเอาเขียนเป็นหนังสือหรือทำหนังก็ได้ในอนาคต(ถ้าสุดท้ายมันมีเหตุเกิดความรุนแรงมากกว่าเดิม)

ผมว่าคงไม่เบื่อ เพราะสามารถรู้สถานการณ์เบื้องหน้าว่าอะไรจริงอะไรเท็จ และไปเสนอนาย ส่วนนายอาจได้นำข้อมูลบางอย่างไปบีบอีกประเทศให้เพื่อต่อรองอะไรสักอย่าง

มันก็จะถูกเอาไปเขียนเป็นจดหมายเก็บไว้

ถ้าตามที่ดูในหนังฝรั่งเขาเป็นมืออาชีพมากนะ แต่ความเป็นจริงเริ่มไม่แน่ใจจากกรณีอิสราเอล

เห็นว่าจะมีการเลือกทำเล-ทำที่พักของทีมงานสังเกตุการณ์ในพื้นที่ด้วย ไม่รู้จริงไหม

เวลา ท่านต้องไปออกไซต์งานต่างจังหวัดไกลๆ แบบไปเช้า เย็นกลับ


ท่านเบื่อมั้ย

มันเป็นงานของเค้า ถามว่าตัวเองทำงานเบื่อมั้ย เบื่อนะ แต่ต้องทำมั้ย ก็ต้องทำนะ

ผู้ช่วยฑูตทหารมีประจำอยู่ทุกประเทศอยู่แล้วนะ คนที่เขมรพาไปก็คือคนที่ประจำอยู่ในเขมรอยู่แล้ว คนที่ไทยพาไปก็คือคนที่ประจำอยู่ในไทย คนละชุดกัน ไม่ใช่ถูกร้องขอแล้วค่อยส่งคนไปเดินสาย

ทูตพวกนี้ประเทศแม่เขาส่งมาทำงานประจำประเทศต่างๆทั่วโลกอยู่แล้วครับ(แบบอยู่ประจำประเทศนั้นๆเลย)

ถึงไม่ทำงานเรื่องไทย-เขมร เขาก็ทำหน้าที่อยู่ในไทยอยู่แล้ว

ถามว่าให้มาดูแล้วทำไรต่อ คืออย่างน้อยก็ไปบอกรัฐบาลประเทศตัวเองว่าอันไหนคือจริงอันไหนคือปลอม

แต่ก็ต้องอย่าลืมถึงเรื่องจริงหรือเรื่องโกหกแต่สุดท้ายทุกประเทศมีผลประโยชน์ส่วนตัวต่อกัน

บางทีความจริงก็มีค่าน้อยกว่าผลประโยชน์หรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเขาต้องมาก่อน

เทียบเทียบเสมือนเรารู้แหละว่าเพื่อนเรามีเมียน้อย เรารู้แต่เราจะเอาไปบอกเมียหลวงเพื่อนก็ลำบากใจเพราะความสนิท

สุดท้ายก็ได้แต่เงียบๆไว้ถึงจะรู้ความจริงก็เถอะ

สงสัยนะครับ หากพาทูตทหารไปลงพื้นที่แล้วบังเอิญไปเหยียบกับระเบิดขาขาดขึ้นมาจะว่ายังไงหนิ