นิทานเสี่ยอู๊ด
—————
◾️ ใครคือเสี่ยอู๊ด ?
◾️ ยุครุ่งเรืองของธุรกิจปั๊มพระขาย
◾️ เบอร์ 1 แห่งวงการสร้างพระเครื่อง
◾️ พระสมเด็จเหนือหัวและเส้นทางสู่คุก
◾️ สิ้นศรัทธาหลังพ้นโทษ
◾️ จดหมายลาตาย
◾️ เมื่อมั่งมีมากมายมิตรหมายมอง เมื่อหม่นหมองมิตรมองเหมือนหมูหมา
—————
ใครคือเสี่ยอู๊ด ?
:
1- “อู๊ด สิทธิกร” เกิดเมื่อปี 2514 ในครอบครัวยากจนที่จังหวัดระยอง ทำให้เขาได้เรียนเพียงชั้น ม.3 จากนั้นมีคนชักชวนไปค้าขายที่หาดใหญ่
2- ระหว่างนั้นอู๊ดถูกชักชวนเข้าสู่วงการนักเลงพระเครื่อง 8 ปีต่อมาเขาสร้างเนื้อสร้างตัวจนได้เป็นประธานบริษัทในวัย 30 ต้น ๆ กลายเป็น “เสี่ยอู๊ด” ผู้กว้างขวางและโด่งดังแห่งวงการพระเครื่อง
—————
ยุครุ่งเรืองของธุรกิจปั๊มพระขาย
:
3- ยุคนั้นเป็นยุครุ่งเรืองของการสร้างพระเครื่องขาย มีการโหมโฆษณาตามสื่อต่าง ๆ ทั้งทีวี หนังสือพิมพ์ นิตยสารพระ และป้ายบิลบอร์ดขนาดยักษ์
4- มีการขออนุญาตใช้สถานที่ดัง ๆ ทางประวัติศาสตร์เพื่อทำพิธีปลุกเสกพระ แล้วนิมนต์เกจิอาจารย์ดังเข้าร่วมพิธี โดยถวายปัจจัยกันหลักหมื่นหลักแสน
5- พระเครื่องบางรุ่นถึงกับตีข่าวว่าปิดโบสถ์ 3 วัน 3 คืนปลุกเสก มวลสารก็ต้องมีสตอรี่หรือรวบรวมมาจากทุกภาคของไทย เพื่อให้คนฮือฮา ยอดบูชาจะได้ทะเลุเป้า
6- การตั้งชื่อรุ่นก็ต้องให้สอดคล้องกับกิเลสและความเหลื่อมล้ำของสังคมไทย เช่น หลวงปู่รุ่นปลดหนี้ หลวงพี่รุ่นรวยเร็ว กระตุ้นให้คนอยากครอบครอง เพื่อจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น
7- ทั้งหมดนี้ทำให้การสร้างพระเครื่องกลายเป็นพุทธพาณิชย์ที่ทำเงินให้วัดมหาศาล มีเงินหมุนเวียนในระบบเป็นพันล้าน ส่วนจะมีเงินตกใส่ย่ามพระหรือกระเป๋าฆราวาสบ้างหรือไม่คงต้องเดากันเอง
—————
เบอร์ 1 แห่งวงการสร้างพระเครื่อง
:
8- เสี่ยอู๊ดกลายเป็นเบอร์ 1 ของวงการปั๊มพระเครื่อง และเป็นลูกศิษย์คนสนิทของหลวงพ่อ A เจ้าอาวาสวัดดัง อู๊ดสามารถทำเงินเข้าวัดได้หลายร้อยล้านบาท
9- เสี่ยอู๊ดใช้วิธีนี้ระดมทุนหาเงินให้องค์กรต่าง ๆ มากมาย สร้างทั้งวัด โรงเรียน โรงพยาบาล มหาวิทยาลัยสงฆ์ ฯลฯ อาคารบางแห่งถึงกับตั้งชื่อว่า ‘สิทธิกร’ ไม่รวมการให้ทุนเด็กจำนวนมาก จนสภาสังคมสงเคราะห์ฯ ส่งเรื่องขอพระราชทานเครื่องราชฯ ให้เสี่ยอู๊ด
10- ในขณะเดียวกันเสี่ยอู๊ดก็มีความเป็นอยู่หรูหรา มีคอนโดราคาหลายสิบล้านใจกลางกรุงเทพฯ และกลายเป็นพ่อบุญทุ่มของดารานักร้องหนุ่ม ๆ ในวงการบันเทิงยุคปลาย 90 - ยุคต้น 2000 ทั้งพาเที่ยวต่างประเทศ ซื้อรถให้ และเปย์เป็นเงินสด
—————
พระสมเด็จเหนือหัวและเส้นทางสู่คุก
:
11- ปลายปี 2550 เสี่ยอู๊ดสร้างพระเครื่องชื่อ “พระสมเด็จเหนือหัว” ด้านหลังเป็นตราพระมงกุฎ อ้างว่าสร้างจากมวลสารดอกไม้พระราชทาน รายได้สมทบทุนมูลนิธิที่หลวงพ่อ A เป็นประธาน
12- เปิดขายได้ไม่กี่วันเสี่ยอู๊ดก็ถูกจับ เพราะสำนักพระราชวังแจ้งความว่าเป็นการแอบอ้าง ตราพระมงกุฎก็ไม่ได้ขออนุญาตใช้
13- หลวงพ่อ A กับคณะกรรมการมูลนิธิให้การว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง อู๊ดจึงโดนคดีคนเดียว ศาลพิพากษาจำคุกเขา 5 ปี ฐานฉ้อโกงประชาชน, ฐานใช้และเลียนแบบเครื่องหมายราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต
14- ก่อนเดินเข้าคุกเสี่ยอู๊ดเขียนจดหมายตัดพ้อหลวงพ่อ A ว่าตนยึดมั่นตามคำสอนของท่านและพยายามปกป้องท่าน แต่ผลลัพธ์คือติดคุกอยู่คนเดียว
—————
สิ้นศรัทธาหลังพ้นโทษ
:
15- ระหว่างอยู่ในคุก เสี่ยอู๊ดพยายามฆ่าตัวตายแต่ไม่สำเร็จ เมื่อพ้นโทษออกมาในเดือนมิถุนายน 2558 เขากลายเป็นคนไม่เชื่อเรื่องบาปบุญอีกต่อไป และยังคิดจะฆ่าตัวตาย
16- หลังพ้นโทษเสี่ยอู๊ดให้สัมภาษณ์ในรายการ “วู้ดดี้เกิดมาคุย” ตอนหนึ่งเขาพูดว่า…
“นรก สวรรค์ บุญ บาป ผมไม่เชื่อว่ามีจริง มันเป็นเรื่องที่อุปโลกน์ขึ้น บาปเป็นยังไงอะ ? ผมทำบุญมหาศาล ผลยังเป็นอย่างนี้“
17- เสี่ยอู๊ดบอกว่าเขายังคิดจะฆ่าตัวตายอยู่ ”ในเมื่อผมตายในคุกไม่ได้ ถ้ามีโอกาสผมก็จะมาตายนอกคุก คนที่รักผมคือพ่อกับแม่ก็ตายไปหมดแล้ว ตอนนี้คนที่จะเสียใจถ้าผมตายไม่มีแล้ว“
18- เสี่ยอู๊ดยังพูดถึงหลวงพ่อ A ว่า “ผมไม่ได้น้อยใจศาล ผมน้อยใจผู้ที่ผมเคารพรัก ผมทำเพื่อท่านมาเยอะ ตอนนั้นคิดว่าถ้ามีปัญหาท่านก็คงช่วยรับผิดชอบ แต่สุดท้ายผมกลายเป็นหนุมานแบกกรุงลงกาอยู่คนเดียว”
19- หลังพ้นโทษเสี่ยอู๊ดตระเวนเยี่ยมสถานที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่เขาเคยช่วยมอบเงินสร้าง พบว่าหลายแห่งปลดป้ายชื่อของเขาในฐานะผู้บริจาคออก
—————
จดหมายลาตาย
:
20- วันที่ 30 ตุลาคม 2558 พบศพเสี่ยอู๊ดในวัย 44 ปี มีเงินติดตัวเพียง 200 บาท นอนเสียชีวิตอยู่ในห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่งที่พิษณุโลก เขาฆ่าตัวตายด้วยการกินยานอนหลับเกินขนาด หลังพ้นโทษออกมาเพียง 4 เดือน
21- เขาทิ้งจดหมายลาตายไว้หลายฉบับ หนึ่งในนั้นเล่าเรื่องราวการสร้างพระสมเด็จเหนือหัวไว้อย่างละเอียด ใจความว่า…
◼️ หลวงพ่อ A ต้องการสร้างอุโบสถที่วัดในจังหวัดบ้านเกิด จึงมาขอให้อู๊ดช่วยสร้างพระเครื่องสมเด็จเหนือหัว โดยให้ทำในนามมูลนิธิที่หลวงพ่อเป็นประธาน
◼️ หลวงพ่อเคยได้รับดอกไม้พระราชทานจากงานฉลองสิริราชสมบัติเมื่อปี 2549 จึงคิดเอาดอกไม้นั้นมาทำมวลสาร
◼️ หลวงพ่อมีส่วนร่วมทุกอย่าง ตั้งแต่ลงนามแต่งตั้งอู๊ดเป็นผู้สร้างพระ, ทำหนังสือขอใช้วัดดังเป็นสถานที่ปลุกเสก, เป็นประธานในพิธีปลุกเสกด้วยตัวเอง รวมทั้งเปิดบัญชีรับเงินจากการขายพระ 4 บัญชี
◼️ ต่อมามีผู้ทักท้วงว่าการสร้างพระสมเด็จเหนือหัวนี้ไม่ถูกต้องตามขั้นตอน แต่หลวงพ่อยังสั่งเดินหน้าโดยบอกอู๊ดว่า “ทำไปก่อน มีอะไรค่อยว่ากัน”
◼️ รองราชเลขาธิการถึงกับเดินทางมาหาหลวงพ่อที่วัดเพื่อคุยเรื่องนี้ แต่คลาดกัน อู๊ดขอให้หลวงพ่อโทรกลับไปขอคำปรึกษาจากรองราชเลขาธิการ แต่หลวงพ่อไม่ยอมโทร
◼️ เริ่มมีข่าวลงในหนังสือพิมพ์ แต่หลวงพ่อกลับรับนิมนต์บินไปจีน พอทางวังออกหนังสือว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างพระ หลวงพ่อก็โทรด่วนจากจีน สั่งให้คนปลดป้ายขายพระที่หน้ามูลนิธิออก
◼️ พอกลับจากจีน หลวงพ่อต่อสายให้อู๊ดคุยกับผู้ชายคนหนึ่ง อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ และเป็นคนบ้านเดียวกับอู๊ด เขาพูดว่า “อู๊ดก็รักหลวงพ่อใช่ไหม ดังนั้นอู๊ดรับแทนหลวงพ่อไปก่อนนะ”
◼️ อู๊ดถูกจับ มีหลายสายโทรหาด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่มีสายจากหลวงพ่อแม้แต่สายเดียว
◼️ อู๊ดไม่ซัดทอดใคร และไม่ยอมแสดงหลักฐานที่หลวงพ่อลงนาม เพื่อกันหลวงพ่อออกจากคดี ทำให้เขาถูกฟ้องและติดคุกคนเดียว
◼️ ต่อมาอู๊ดได้เห็นเอกสารที่หลวงพ่อให้การกับ DSI ว่า “ไม่รู้เห็นเรื่องการสร้างพระและการแอบอ้างดอกไม้พระราชทาน นายสิทธิกรทำให้มูลนิธิเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ไม่ขอติดใจเอาความ”
◼️ เสี่ยอู๊ดอ้างว่าเรื่องนี้เป็นคดีขึ้นมาเพราะพระผู้ใหญ่รูปหนึ่งริษยาหลวงพ่อ A อยากขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะก่อนหลวงพ่อ A จึงเอาข้อมูลที่เสียหายไปแจ้งบุคคลระดับสูง หวังสกัดดาวรุ่งหลวงพ่อ
◼️ ส่วนหลวงพ่อ A ก็อยากขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะเต็มที กลัวว่าหากมีคดีความเป็นมลทินจะไม่ได้ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะ จึงโยนความผิดให้เสี่ยอู๊ดคนเดียว
◼️ ในขณะที่อู๊ดติดคุก หลวงพ่อ A ก็ได้เลื่อนขั้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะสมใจ แม้จะมีเสียงคัดค้านบ้างก็ตาม โดยตลอดระยะเวลาที่ติดคุก เสี่ยอู๊ดไม่เคยได้รับการเยี่ยมหรือติดต่อจากหลวงพ่อเลย (ปัจจุบันหลวงพ่อมรณภาพแล้ว)
◼️ ระหว่างที่เสี่ยอู๊ดถูกดำเนินคดี เขาถูกกลุ้มรุมจากข้าราชการของกระบวนการยุติธรรมไทย เพราะหวังได้เงินจากเขา เช่น อ้างว่าจะช่วยปลดอายัดเงินให้ แต่ต้องจ่ายค่าดำเนินการ 13 ล้านบาท
—————
เมื่อมั่งมีมากมายมิตรหมายมอง เมื่อหม่นหมองมิตรมองเหมือนหมูหมา
:
22- นอกจากนี้ยังมีจดหมายอีกฉบับของเสี่ยอู๊ด เล่าว่าเขาเคยบริจาคเงินให้ทั้งบุคคลและองค์กรต่าง ๆ รวมกว่า 3,000 ล้านบาท ตอนนั้นทุกคนเทิดทูนเขา แต่พอให้ประโยชน์แก่ใครไม่ได้แล้วก็ถูกหมางเมิน เช่น
◼️ มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งหนึ่ง - ตนอุปถัมภ์มานาน 8 ปี มอบเงินให้ 186 ล้าน ตอนนั้นเขายกย่องตนเป็นประธาน แต่พอพ้นโทษตนแวะไปเยี่ยมกลับไม่ต้อนรับ
◼️ วัดและโรงเรียนที่บ้านเกิด - เคยบริจาคเงินให้หลายสิบล้าน ทางวัดยกย่องสรรเสริญตนเหมือนเทวดา เวลากลับถึงกับส่งคนไปปิดประตูรถให้ แต่พอติดคุกเจ้าอาวาสก็รังเกียจ ไม่ยอมไปเบิกความช่วยตนที่ศาลอาญา แล้วยังถอดป้ายชื่อตนออกจากอาคารเรียน
◼️ วัดแห่งหนึ่งในสมุทรปราการ - ตนหาเงินให้สร้างอาคารเรียน สร้างศาลา และบูรณะอุโบสถ รวมทั้งขอพัดยศให้เจ้าอาวาส ทางวัดเอาใจตนทุกอย่าง แต่พอติดคุก อาคารเรียนที่สร้างเสร็จจารึกชื่อผู้เกี่ยวข้องมากมาย ยกเว้นชื่อตน เมื่อพ้นโทษตนไปไหว้พระที่วัดหลายครั้ง แต่เจ้าอาวาสไม่ยอมให้พบ
◼️ นักร้องชายชื่อดัง - ตนเคยช่วยเหลือหลายอย่าง ทั้งให้เงินนับ 10 ล้าน ทั้งไถ่ถอนบ้านให้ เมื่อก่อนตนเมื่อยตัว แม่นักร้องก็มาคอยบีบนวด พี่ชายมาขับรถให้ แต่พอตนติดคุกไม่เคยไปเยี่ยม และยังกล่าวหาว่าตนแอบอ้างว่ารู้จักเขา
◼️ นักเรียนทุนในอุปการะ 57 คน - ขนาดตนติดคุกแล้วยังสั่งให้มอบทุนต่อ แต่พอตนพ้นโทษทุกคนก็หายไปจากชีวิต แม้แต่นิสิตแพทย์จุฬาฯ และนักเรียนนายร้อย จปร. ที่เคยเขียนจดหมายพรรณาว่าอยากเจอตน แต่ตอนนี้ไม่ยอมพบหน้า ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่รับปริญญาแล้วจะใส่ครุยมาขอถ่ายรูปกับตน ไม่มีใครกล้าเปิดเผยต่อสาธารณชนและในโซเชียลฯ ว่าเรียนจบด้วยทุนของตน
23- เสี่ยอู๊ดเคยเล่าในรายการวู้ดดี้ว่า มีเพียง รพ.มะเร็งลพบุรีที่ไม่ทอดทิ้งเขา เขาเคยหาเงินให้สร้างอาคารปฏิบัติการและซื้อเครื่องสแกน MRI ระหว่างติดคุกโรงพยาบาลยังเป็นห่วงเป็นใยสุขภาพของเขา และตั้งชื่อห้องประชุมตามชื่อเขาด้วย
24- เสี่ยอู๊ดเสียชีวิตไปเกือบ 10 ปีแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าจดหมายลาตายของเขาจริงเท็จแค่ไหน แต่เรื่องราวของเสี่ยอู๊ดยังคงเป็นที่เล่าขานมาจนถึงปัจจุบัน
—————
สรุปและเรียบเรียงจาก: วู้ดดี้เกิดมาคุย, ไทยรัฐ, Manager Online, Post Today ฯลฯ
Cr :
https://www.facebook.com/share/p/16Awu3xayw/?mibextid=wwXIfr
…………………………
คิดว่าเรื่องจริง หรือจ้อจี้ครับ