[RE: เคยเกลียดขนาดที่ว่า เพื่อทำร้ายคนที่เกลียด ยอมเสียประโยชน์ส่วนตัวของเรามั้ย]
Hanataro พิมพ์ว่า:
nothingluv พิมพ์ว่า:
หลังๆผมอ่านคอมเม้นท์ในต่างประเทศ เยอะเกินกว่าครึ่งที่เขมรพิมพ์ๆเป็นengนี้เขาบอกเองนะครับว่าบ้านเขาเจริญกว่าบ้านเราเยอะมากๆ ทั้งระบบการศึกษา ระบบสาธารณสุข ระบบแรงงานที่ไทนพึ่งพาเขา เหมือนบอกกลายๆว่าเศรษฐกิจเราพึ่งพาเขาเยอะมากๆ
ดังนั้นคำถามที่ผมมักจะตั้งไว้ในใจเสมอเวลาอ่านจบคือ ในเมื่อเขามั่นใจขนาดนั้นทำไมเรายังต้องเสียเงินภาษีเราในการส่งเสริมการศึกษาให้เขา ตอนนี้propaganda เขาเน้นเรื่องอวดอ้างความก้าวหน้าไปไกลกว่าไทย แล้วทำไมเราต้องแคร์ภาพลักษณ์เราด้วย ทั้งๆที่ภาพลักษณ์เราในสายตาชาๅวโลกบางทีเขามองเราไม่ต่างกับเขมรเลยนะครับ อันนี้คือคำถามในใจผม ยังไงท่านช่วยตอบทีครับ
ภาพลักษณ์ของเราที่สำคัญหมายถึงใน UN ใน คณะมนตรีความมั่นคง หรือ องค์กรนานาชาติอื่น ๆ
ตัวอย่างอีกอันนึง ที่เราเสียเขาพระวิหารปี 53 เราก็รบกันนะ ทหารเขมรก็ตายยับ ๆ ตายมากกว่าครั้งนี้อีกมั้ง แต่ผลคืออะไร แพ้ศาลโลกเสียเขาพระวิหาร
ไอส่วนที่เขมร ไป fake news ว่าเค้าเจริญกว่าเรา ก็ปล่อยมันพูดไป หลักฐานจริง ๆ มีอยากแก้ตัวเราก็แค่เอาหลักฐานไปแย้ง
สิ่งที่ฮุนเซ็นอยากได้ คือ ทำยังไงก็ได้ให้เรื่องมันขึ้นศาลโลกให้ได้ แล้วสิ่งที่ทำให้พอจะบังคับไทยให้ขึ้นศาลโลกได้คือ กัมพูชาต้องถูกไทยรุกราน
ตอนนี้ที่เราทำยังอยู่ในกรอบของการป้องกันตัวอยู่ โดยหลักการแล้วเรายังถือว่าได้เปรียบในเวธีระดับโลก เพราะมีหลักฐานว่า กัมพูชาโจมตีก่อน ใช้ทุ่นระเบิด เรายังปฏิบัติตัวตามหลักการอยู่
แล้วถ้าเราเลือกที่จะประกาศไม่รักษาตัวคนเขมรเลย ถามว่าประหยัดได้ซักกี่บาท แลกกับการทำผิดสนธิสัญญาระดังประเทศ ยื่นความได้เปรียบให้เขมรมันไปอีก
ในเรื่องการศึกษาที่เราไม่อยากจะให้เด็กบ้านเค้ามาเรียนก็เหมือนกัน มันจะประหยัดได้กี่บาทเชียว ไม่ต้องนับเรื่องประโยชน์อะไรเลยก็ได้ มันคุ้มหรอที่จะเล่นบทคนเลว คนเฟียส
เรื่องศาลโลก ไทยเราไม่รับอำนาจศาลโลกครับ ดังนั้นไม่จำเป็นเลยที่บอกว่าไทยรุกรานก่อนถึงขึ้นศาลโลกนั้นไม่เป็นความจริงครับ การขึ้นศาลโลกคือกลไกในการแก้ปัญหาระหว่างสองประเทศครับ ไม่มีการบังคับให้ชาติใดชาติหนึ่งนำเรื่องขึ้นศาลโลกเองได้ด้วยชาติเดียวครับ ถึงเขมรมันจะกวนหรือยั่วยุขนาดไหนถ้าไทยไม่ขึ้น จบคือจบครับ
เรื่องรบปี53เขมรบอกมันตายหกร้อย ฝ่ายไทยเราคาดการณ์ว่ามันตานแปดร้อย แต่ครั้งนี้ขนาดทรัมป์ยังออกมาพูดเองว่าเขมรน่าสองพันดังนั้นก็ไม่เป็นความจริงเรื่องที่บอกว่าครั้งนั้นหนักกว่าครั้งนี้ครับ
ส่วนเรื่องการรักษามีกฏ7ข้ออยู่ครับ เรื่องที่สำคัญที่สุดของการรับการรักษาคือ แพทย์หรือผู้ให้การพยาบาลต้องปลอดภัยมากที่สุด ดังนั้นการที่เขมรมันระเบิดโรงพยาบาลพนมดงรักเรา เราอาจใช้ข้อนี้แย้งว่าคณะแพทย์เราหวาดกลัวต่อการรับรักษาเขมรในช่วงสงคราม เราก็อาจไม่รับรักษาได้ครับ แต่หลังจากสงครามถ้าเราเนียนๆไม่รับรักษาเรื่องนี้ต้องทำหลังบ้าน แต่ช่วงนี้เขมรมันกลับหมดแล้วดังนั้นไม่น่าเป็นปัญหาครับ
การศึกษา ผมคือคนหนึ่งที่ทำงานและจ่ายภาษีเต็มทีคนนึง ถ้าพ่อแม่ของต่างด้าวทำงานที่ไทยยังไงถือว่าเขาเป็นส่วนนึงของระบบภาษีเรา แต่ถ้าให้ทุนถึงบ้านเขาเอง อันนี้ไม่เห็นด้วยครับ อีกอย่างขนาดเมกายังตัดงบนักศึกษาพม่าที่เรียนในไทยเลยนะครับ เพราะกลับไปให้ความสนใจชาติตัวเองก่อน แถมเดือดร้อนไทยเราด้วยนะครับเพราะต้องมาอุ้มนักศึกษาพวกนี้ต่อ ตัวอย่างคือในมหาลัยพายัพที่เชียงใหม่ โดยที่ไม่มีองค์กรมาทำไรได้ด้วย ขอบคุณที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดกันครับ