ดราม่าเดือด! “อ.ปวิน” วิจารณ์ “แพรรี่ ไพรวัลย์” หลังโชว์รายได้เฟซบุ๊กเกือบ 6 แสนใน 28 วัน
พร้อมแคปชั่นขำว่าเดือนนี้ได้เยอะเพราะ “ด่าลุงวุ้นเส้นกับมาลี”
อ.ปวินมองว่าเป็นการใช้กระแสชาตินิยม–เกลียดชังจากสงครามชายแดนไทย–กัมพูชาสร้างรายได้
และตั้งคำถามถึงความรับผิดชอบต่อสังคม
ด้านแพรรี่โต้ทันที ยันด่าเฉพาะบุคคลที่ปล่อยข่าวปลอมโจมตีไทย
ยอมรับมีจุดยืนชาตินิยม และย้อนถามกลับว่าปวินก็วิจารณ์คนเห็นต่าง–ปิดคอมเมนต์เช่นกัน
.
.
จากนั้น

.
.
โพสต์ของ อ.ปวิน
ดิชั้นเคยคิดว่า การศึกษาในสถาบันหลักของไทยประสบความล้มเหลว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันกองทัพ ที่ล้มเหลวทั้งในแง่ของ scholarship คือล้มเหลวในความเข้าใจถึงบทบาทที่แท้จริงของกองทัพ (ที่ต้องมี mindset ของ corporateness และ apolitical) และล้มเหลวในแง่ของการเป็นสถาบันที่ต้องส่งเสริมประชาธิปไตย เราจึงเห็นว่า แม้สำเร็จการศึกษามาแล้ว ไม่ได้ช่วยให้นายพลยุติการทำรัฐประหาร
...แต่พอมาเจอดราม่าวันนี้ ดิชั้นคิดต่อไปว่า การศึกษาในสถาบันสงฆ์ก็ล้มเหลว แม้แต่คนจบเปรียญ 9 ก็ยังไม่สามารถเข้าใจหลักธรรมอย่างแท้จริง คือไม่ใช่แค่ท่องจำคัมภีร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในพระไตรปิฎก ธรรมวินัย และปรัชญาคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีแก่นสารสำคัญคือในความปรารถนาดีต่อผู้อื่น ในความสงสารในทุกชีวิต และในการไม่เบียดเบียน ผู้ที่บรรลุเปรียญ 9 ย่อมต้องมีความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมเหล่านี้อย่างแตกฉาน
....ดังนั้น เมื่อบุคคลอย่างไพรวัลย์ที่เคยผ่านการศึกษาระดับสูงสุดนี้ออกมาจากร่มกาสาวพัสตร์แล้วกลับมีทัศนคติที่ส่งเสริมสงคราม เห็นการเสียชีวิตของเพื่อนมนุษย์เป็นรายได้ จึงเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับรากฐานของคำสอนอย่างสิ้นเชิง ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า การศึกษาสงฆ์ที่มุ่งเน้นความรู้ในระดับสูงเช่นนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่ออะไร หากไม่สามารถหล่อหลอมจิตสำนึกให้ยึดมั่นในหลักการแห่งขันติและสันติภาพได้
...ความย้อนแย้งนี้ไม่ได้หมายความว่า ระบบการศึกษาสงฆ์ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง แต่ชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวในระดับบุคคล ที่แม้จะมีความรู้ทางทฤษฎีแต่กลับไม่สามารถนำมาใช้ในการขัดเกลาจิตใจให้หลุดพ้นจากอวิชชาและโทสะได้ การกระทำดังกล่าวจึงเป็นเพียงการแสดงให้เห็นว่า ความรู้ทางธรรมมิได้เท่ากับความเป็นธรรม ความสามารถในการอธิบายหลักธรรมขั้นสูงอาจอยู่คนละส่วนกับการปฏิบัติจริงในชีวิต อันเป็นแก่นแท้ที่แท้จริงของพระพุทธศาสนา
https://www.facebook.com/share/p/1FJxnGThZq/?mibextid=wwXIfr
.
.
โพสต์ของแพรี่ ไพรวัลย์
สถาบันเดียวที่ไม่ล้มเหลวและดีเลิศประเสริฐศรีที่สุดบนโลกนี้ ก็คือสถาบันที่คนอย่างเจ๊ปวินจบมาค่ะ
สถาบันที่คงจะได้สอนเรื่องหลักสิทธิมนุษยชน การเคารพความแตกต่างเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์กับเจ๊ปวินเป็นอย่างดีแล้ว
คนอย่างเจ๊ปวินที่ถือตัวเป็นอาจารย์ของคนอื่น จึงเลือกที่จะโพสต์ภาพลับของคนอื่นลงในทวิตเตอร์ แล้วปล่อยให้ฝูงชนเข้าไปคอมเม้นต์เหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเขาต่างๆ นาๆ
เรื่องนี้ดิฉันไม่ได้พูดคนเดียวนะคะ มีนักวิชาการหลายคนพูด และตั้งคำถามไปถึงมหาวิทยาลัยที่เจ๊ปวินสอนอยู่ที่ญี่ปุ่นด้วยค่ะ
https://www.facebook.com/share/p/1CVtPNfQGu/?mibextid=wwXIfr
.
.
.
โพสต์ล่าสุดของล่าสุด แพรรี่
.
โพสต์สุดท้ายก่อนนอนแล้วนะคะ ในฐานะของกะเทยชาตินิยมคนหนึ่ง ใช่ค่ะ ดิฉันสนับสนุนการปกป้องอธิปไตยของชาติ ดิฉันให้กำลังใจกับนายทหารทุกคนที่เสียสละเลือดเนื้อเพื่อปกป้องประเทศ 
ดิฉันด่าอีวุ้นเส้นดิฉันด่าอีมาลี เพราะดิฉันมองว่าสองคนนี้เป็นสารตั้งต้นของความรุนแรง   โดยเฉพาะอีวุ้นเส้น ซึ่งมักปลูกฝังความเกลียดชังให้คนในชาติของมัน ทั้งมีอำนาจในการสั่งให้คนไปรบและตายแทนมันได้จริงๆ
ในการปะทะกันที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด  และในการเชื่ออย่างสุจริตใจของตัวดิฉันเองว่า กองทัพของเราได้พยายามอย่างเหลือเกินแล้วที่จะใช้สันติวิธีในการอยู่ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน  พยายามจะหาทางออกอันจะนำไปสู่การเจรจา  และการหลีกเลี่ยงสงคราม

แต่กับภาพความบาดเจ็บสูญเสียของนายทหารชั้นผู้น้อย การยั่วยุที่ไม่จบสิ้นของประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้าน  การเริ่มต้นด้วยการสั่งปิดชายแดน และการสั่งปิดปราสาท  ดิฉันถือว่าเรายืนอยู่บนหลักของการใช้สันติวิธีอย่างเต็มที่แล้วค่ะ  และดิฉันก็เห็นด้วยมาโดยตลอด
แต่เมื่อมันมีเหตุการณ์เปิดฉากยิง  มีการเพิ่มกำลังทหารของประเทศเพื่อนบ้าน  มีการใช้ความรุนแรงซึ่งเราไม่ได้เป็นคนเริ่มต้น  และทางกองทัพก็ตัดสินใจดีแล้วว่าเป็นทางเลือกสุดท้ายซึ่งเราจำเป็นต้องทำเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ
ตั้งแต่ตอนนั้น  ดิฉันคิดว่าไม่เพียงแค่ดิฉันคนเดียวเท่านั้น  แต่รวมถึงคนไทยหลายคนหรืออาจจะหลาย 10 ล้านคน  คงมีความคิดไม่ต่างกัน  ในทางที่จะส่งกำลังใจและสนับสนุนภารกิจของกองทัพเพื่อการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนหรือแม้แต่ความปลอดภัยของประชาชนแนวชายแดนอย่างมากมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ต้องเข้าใจก่อนนะคะว่าดิฉันไม่ได้มีส่วนในการวางแผนเรื่องการรบ  ไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจว่าจะทิ้งระเบิดตรงไหน  ดังนั้นการจะมาพูดว่าดิฉันโหมสงคราม  จึงฟังดูเป็นเรื่องเพ้อเจ้อสิ้นดีค่ะ
ใช่ค่ะ ดิฉันเห็นด้วยกับการปกป้องประเทศชาติจากเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นครั้งนี้ ย้ำว่าเห็นด้วยกับการปกป้องนะคะ  เพราะดิฉันมองว่าเราไม่ใช่คนเริ่ม และเราไม่ได้รุกรานค่ะ
ตลอดเวลาในช่วงที่เกิดการปะทะ  ดิฉันพยายามกลั่นกรองข้อมูล และนำเสนอข้อเท็จจริงซึ่งดิฉันเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อการรับรู้ความเป็นไปของสถานะการณ์  พยายามทำหน้าที่เท่าที่ทำได้ ในการทั้งส่งสารในการทั้งแก้ต่าง เพื่อชี้แจงและตอบโต้ข้อมูล Fake News ซึ่งฝั่งตรงข้ามพยายามสร้างขึ้นมากมายไปหมด
ดิฉันมีโทสะแน่นอนค่ะ ดิฉันไม่ปฏิเสธเลยอย่างที่ปวินพูดถึง  โดยเฉพาะก็โทสะที่มีต่อผู้นำประเทศและผู้นำทางการทหารของกัมพูชา  แต่ตัวปวินเองก็ควรจะต้องยอมรับทั้งความเกลียดชังและความมีอคติภายในจิตใจของตัวเองด้วย 
คือมึงตั้งคำถามกับกูก็ควรส่องกระจกตั้งคำถามกับตัวมึงเอง
ความเป็นศาสตราจารย์ที่มีในตัวของปวิน  ในหลายครั้งก็ไม่ได้ช่วยยับยั้งความอคติส่วนตัวที่ปวินมีต่อผู้อื่น  นิสัยสันดานที่ชอบแขวะกัด  โพสต์แขวนด่าทอ  ก็เป็นนิสัยที่ปวินมีและเห็นได้ทั่วไปไม่ต่างจากคนอื่นๆ ที่ปวินมักตั้งคำถามอย่างเป็นวิชาการ
ไม่ผิดจากเคสรถตู้ที่มีเสียงชี้หน้าด่าผู้อื่นว่ากะเทย ควรจะต้องมีเสียงตอบกลับไปว่า มึงสิอีกะเทย เช่นกัน
ขอบคุณที่พยายามพูดถึงความเป็นเปรียญเก้าที่มีอยู่ในตัวของดิฉัน  แต่ดิฉันอยากจะแจ้งให้ทราบว่า ดิฉันตระหนักถึงคุณวุฒิ รวมถึงคุณธรรมภายในจิตใจ ที่ดิฉันมีอยู่ตลอดเวลาโดยไม่จำเป็นต้องรอให้คนแบบปวินมาเตือนสติให้
แน่นอนค่ะว่าศาสนธรรมสอนให้ดิฉันมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีความปรารถนาดีและความสงสารในการใช้ชีวิตของมนุษย์ทุกคน  ด้วยเหตุอันเป็นเช่นนี้ดิฉันถึงกล้าที่จะออกมาเตือนอินฟลูหลายๆคน ที่พยายามจะไล่ล่าทำร้ายแรงงานกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในเมืองไทย  ทั้งไลฟ์สดใน TikTok ทั้งเขียนข้อความใน Facebook ใจ
ถ้าดิฉันเป็นคนที่ไม่เข้าใจและไร้มนุษยธรรมอย่างแยกแยะไม่ได้แบบที่ปวินพูดถึงจริง  ดิฉันคงไม่นำอาหารหรือน้ำดื่มไปแจกให้กับคนงานชาวกัมพูชาที่สร้างบ้านให้กับดิฉันอยู่ทุกวันนี้แน่นอนค่ะ
แต่สงครามเป็นเรื่องของสงคราม และใครก็ตามที่ในมือมีอาวุธทั้งมุ่งจะบีฑาทำร้ายคนอื่น  เขาก็สมควรจะต้องได้รับการป้องกันและตอบโต้ค่ะ ทั้งนี้เพื่อมิให้สิ่งที่เขาทำเป็นภัยคุกคามต่อผู้อื่น ซึ่งล้วนเป็นชาวบ้านมือเปล่าซึ่งปรารถนาความสงบสุขและสันติภาพ 
ทหารคือเจ้าหน้าที่ในความรู้สึกของดิฉัน และการจัดการกับภัยคุกคาม ก็เป็นหน้าที่โดยตรงของเขา  ดิฉันตระหนักและเห็นแก่ชีวิตรวมถึงความสงบสุขของคนมือเปล่าค่ะ ดิฉันจึงสนับสนุนการทำหน้าที่ของทหารในการจัดการคนที่มีอาวุธที่อยู่ในมือ
ถ้าดิฉันเห็นด้วยกับการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมและป่าเถื่อนจริง ถ้าดิฉันไม่เคารพต่อชีวิตของผู้คน ดิฉันคงไม่นำเสนอภาพของการที่ทหารไทยห่อร่างที่ไร้วิญญาณของทหารกัมพูชาและนำไปคืนให้ถึงชายแดนระหว่างประเทศ คงไม่พยายามพูดถึงจำนวนของนายทหารที่เสียชีวิต  และตั้งคำถามถึงอีวุ้นเส้นและอีมาลี  เพื่อให้พูดความจริงและเคารพต่อการอุทิศตนเพื่อชาติของทหารเหล่านั้น

เมื่อมีการทำข้อตกลงหยุดยิง  ดิฉันก็ไม่ต่างจากคนอื่นที่มีความรู้สึกดีใจที่ความรุนแรงได้ยุติลง ดิฉันจึงเรียกร้องให้ผู้นำของประเทศกัมพูชาเคารพข้อตกลง  และทำตามสิ่งที่ตัวเองได้ให้สัญญาเอาไว้  ดิฉันไม่เคยโพสต์เรียกร้องให้ทหารก่อสงครามนะคะ อันนี้ขอยืนยันอีกครั้ง 
ความจริงคือสงครามเกิดก่อนที่กูจะแสดงความเห็นค่ะ พอกูส่งกำลังใจให้ทหารในการทำหน้าที่ซึ่งเขามีภารกิจชัดเจนของเขาอยู่แล้ว  พอกูให้กำลังใจในการเสียสละของทหาร  กลายเป็นว่ากูเป็นคนโหมสงคราม  สร้างความเกลียดชัง หากินกับชาตินิยม มึงก็พูดเหมือนว่ากูเป็นแม่ทัพภาคที่สองซึ่งสามารถสั่งให้ใครไปออกรบหรือไม่ออกรบได้  พูดเหมือนว่ากูมีอำนาจสั่งให้เครื่องบินรบขึ้นบินไปรอบประสาทตาเมือนธม 
ในโพสต์ที่พูดถึงรายได้ ดิฉันพยายามไม่แตะประเด็นอื่นเลย  เพราะดิฉันต้องการประชดอีวุ้นเส้นกับอีมาลีเพียงเท่านั้น   ว่าการที่ดิฉันเสียเวลามานั่งด่าพวกมันสองคนไม่ได้ทำให้ดิฉันสูญเสียรายได้ซึ่งปกติดิฉันขายของประจำอยู่แล้ว
แต่ก็นั่นแหละเป็นเพราะว่าจุดยืนในเรื่องนี้ของดิฉันแตกต่างจากนักวิชาการบางคน  จึงกลายเป็นว่าการโพสต์รายได้ของดิฉันถูกโยงไปถึงเรื่องการสูญเสียเรื่องการบาดเจ็บล้มตาย ซึ่งตัวดิฉันเองก็พยายามเคารพมาโดยตลอดและพยายามที่จะไม่พูดเป็นเรื่องตลก
ก็ไม่มีอะไรมากกว่านี้นะคะ แค่จะมาแสดงจุดยืนในความเห็นของตัวเองที่มีต่อการปะทะกันที่ผ่านมา ว่าจุดยืนดิฉันเป็นแบบนี้  จุดแบ่งของดิฉันอยู่ตรงนี้  ซึ่งต่อให้ใครจะยังด่าทอดิฉันก็ตาม แต่ดิฉันก็จะยังคงเคารพในจุดยืนของดิฉันที่ดิฉันเลือกและตัดสินใจด้วยตัวเอง
ส่วนเรื่องที่ปวินพูดเรื่องการเปิดกว้าง เรื่องการมีมนุษยธรรมต่างๆ  ดิฉันได้สำรวจจิตใจตัวเองแล้ว และดิฉันคิดว่าดิฉันยังคงมีอยู่อย่างเต็มที่ค่ะ ดิฉันยังคงแยกแยะได้ และเรื่องนี้จะพิสูจน์ได้จริงๆ  ไม่ใช่เพราะคำพูดของปวินที่กล่าวหาดิฉัน แต่เป็นเพราะต่อดิฉันได้ใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อนร่วมสังคมคนอื่นๆ อย่างแท้จริง
ปวินตั้งคำถามถึงความเป็นเปรียญเก้าและคุณธรรมในตัวของดิฉัน  ดิฉันก็ใคร่อยากจะขอตั้งคำถามถึงความเป็นศาสตราจารย์และความเป็นนักวิชาการในตัวของปวินบ้าง
เมื่อไหร่คะ ที่ปวินจะมีความเป็นนักวิชาการอย่างแท้จริง  และมีเหตุผลอย่างตรงไปตรงมาในทุกเรื่องอย่างที่นางชอบใช้กับคนอื่น 
เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยอย่างกะเทยอ๋องยาคุม  วันดีมีวิชาการแต่คืนดีก็ไร้เหตุผล จิกกัดคนอื่นไปทั่ว  ไม่บูลลี่หน้าตา ก็ดูถูกสติปัญญาคนอื่น  ความใจแคบและอคติส่วนตัวของปวินในหลายๆ เรื่อง  ทำให้ปวินดูเป็นคนที่มีวุฒิภาวะและเหตุผลมากกว่าคนอื่นตรงไหนคะ  ถ้าไม่ใช่แค่เรียนสูงแล้วก็ประดิษฐ์คำพูดเป็นครั้งๆได้ดีกว่าคนอื่นก็แค่นั้น  แต่พฤติกรรมก็เห็นๆ อยู่ค่ะ
ก็ฝากไว้แค่นี้แหละค่ะ ขอบพระคุณนะคะ
.
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1369479677872902&set=a.230156098471938
.
.
อ.ปวิน โพสล่าสุด ตอนเช้า
.
.
เมื่อวาน ดิชั้นเขียนเรื่องปัญหาทางการศึกษาของสถาบันสงฆ์ไปแล้ว โดยยกไพรวัลย์เป็นกรณีตัวอย่าง วันนี้อยากชวนคุยต่อในอีก 2-3 เรื่อง ที่เกี่ยวข้องการศึกษาของพระสงฆ์ค่ะ
1. คือเรื่องความสุดโต่งและความรุนแรงในพุทธศาสนา คือแม้พุทธศาสนาจะสอนเรื่องเมตตาและอหิงสา แต่ประวัติศาสตร์ชี้ให้เห็นว่า ในเวลาเดียวกัน พุทธศาสนาก็ได้ถูกตีความและนำไปใช้ในทางที่ตรงกันข้าม อาทิในช่วงสงครามเย็น พระกิตติวุฑโฒเคยพูดว่า "ฆ่ๅคอมมิวนิสต์ไม่บาป" ให้ความชอบธรรมทางศีลธรรมแก่การใช้ความรุนแรง โดยอ้างว่าการปกป้องชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ จากการคุกคามของลัทธิคอมมิวนิสต์ ถือเป็น "กุศล" และการสังหารผู้ที่ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามเหล่านี้จึงไม่ถือเป็น "บาป" อย่างที่ควรจะเป็น มาถึงปี 2025 อดีตเปรียญ 9 อย่างไพรวัลย์ก็ผลิตซ้ำวาทกรรมฆ่ๅศัตรูไม่บาป จากการโพสต์เรียกร้องให้ไทยใช้เครื่องบินโจมตีกัมพูชา หรือยินดีที่ทหารกัมพูชาถูกสังหารและไปนอกคุยกับ "รากมะม่วง" แม้วันนี้ไพรวัลย์จะเป็นฆารวาส แต่ก็ยังสามารถให้ตัวอย่างความล้มเหลวของการศึกษาในสถาบันสงฆ์ แล้วตัวไพรวัลย์เองก็ยังออกรายการต่างๆ วิจารณ์พระสงฆ์รูปอื่นๆ ในฐานะที่ตัวเองเป็นอดีตพระอยู่ เรื่องนี้ เราต้องมาตั้งคำถามว่า ความสุดโต่งในลักษณะนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? ทำไมคนที่เคยบวชเรียนเรื่องความเมตตากลับ "เลี้ยวขวา" ทำไมพวกเค้ากลายมาเป็น "fundamentalist" หรือ "extremist" ที่กระหายสงคราม?
2. คือเรื่องความจำเป็นของพระสงฆ์ในการศึกษาวิชาการทางโลกด้วย กล่าวคือ การศึกษาของสงฆ์ที่เน้นเฉพาะทางธรรมอย่างเข้มข้น (ซึ่งก็ไม่ได้การันตีความสำเร็จในการปฏิบัติอย่างเช่นในกรณีไพรวัลย์) และขาดการเชื่อมโยงกับ "โลกวิสัย" หรือองค์ความรู้ทางโลกที่จำเป็น เช่น ประวัติศาสตร์ การเมือง และวัฒนธรรม ทำให้เกิดปัญหาในการทำความเข้าใจความขัดแย้งระหว่างประเทศ ตัวอย่างเช่นในกรณีไทย-กัมพูชา การทำความเข้าใจประวัติศาสตร์ร่วมกันของสองชาติอย่างมีวิจารณญาณ โดยไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของแนวคิดชาตินิยมแบบสุดโต่ง จะช่วยลดความตึงเครียดได้ การศึกษาด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่รอบด้านจะช่วยให้เราเห็นว่าความขัดแย้งไม่ได้มีเพียงแค่ขาวกับดำ แต่มีหลายมิติและมีความซับซ้อน ดังนั้น การบวชเรียนที่เน้นแต่ตัวอักษรและตำราทางธรรมจึงไม่เพียงพอในการสร้าง "นักปราชญ์" ที่จะสามารถนำพาสังคมให้รอดพ้นจากความขัดแย้งที่ซับซ้อนในยุคปัจจุบันได้
3. คือการใช้ความขัดแย้งในเชิงพาณิชย์ กรณีไพรวัลย์ชี้ว่า สงครามและความขัดแย้งไม่ได้สร้างความสูญเสียเสมอไป แต่ยังสามารถสร้างรายได้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคดิจิทัลที่ "อินฟลูเอนเซอร์" จำนวนมากใช้สถานการณ์ตึงเครียดเหล่านี้เพื่อสร้างเนื้อหาที่เรียกยอดวิว ยอดไลก์ และสร้างรายได้จากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย การกระทำในลักษณะนี้สะท้อนให้เห็นถึง
- การขาดความเห็นอกเห็นใจ: การที่อินฟลูสามารถอวดรายได้หรือทำเนื้อหาเชิงพาณิชย์จากความขัดแย้งได้อย่างหน้าตาเฉย แสดงให้เห็นถึงการขาดความเข้าใจถึงความสูญเสียและเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจริงกับผู้คนในพื้นที่
- ความเสื่อมถอยของจริยธรรมสื่อ: ในยุคที่ทุกคนสามารถเป็นผู้ผลิตสื่อได้ เส้นแบ่งระหว่างการรายงานข่าวเพื่อสร้างความตระหนักรู้กับการใช้ประโยชน์จากสถานการณ์เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวจึงเลือนลางลงอย่างสิ้นเชิง
- การสร้างความขัดแย้งเพื่อผลประโยชน์: การสร้างเนื้อหาที่ปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชังอาจถูกมองว่าเป็น "วิธีที่ง่าย" ที่สุดในการดึงดูดความสนใจของผู้คน ทำให้สงครามกลายเป็น "สินค้า" ที่ขายได้ และความขัดแย้งในสังคมก็ถูกทำให้ยืดเยื้อออกไปเพื่อผลประโยชน์ทางการค้ามากกว่าการมุ่งหาทางออกร่วมกัน แต่เราไม่ควรต้องแปลกใจ ฆารวาสที่ใช้สงครามเป็นรายได้ ก็ไม่ต่างจากพระสงฆ์ที่ใช้ศาสนาในเชิงพาณิชย์ค่ะ
ใครชนะวะนั้น