(MUFC) เบื้องหลังดีลเซสโก้ แปลจาก The Athletic UK
ภาพรวมดีล
- แมนยูปิดดีลเบนจามิน เซสโก้ จากไลป์ซิก ค่าตัวรวม 85 ล้านยูโร (76.5 ล้าน + แอดออน 8.5 ล้าน)
- แย่งตัวมาจากคู่แข่งสำคัญนิวคาสเซิลที่ยื่นข้อเสนอสูงกว่าเล็กน้อย (82.5 ล้าน + แอดออน 2.5 ล้าน) แต่เซสโก้เลือกย้ายไปโอลด์ แทรฟฟอร์ด
- เดิมทีอาร์เซน่อลเคยเจรจามาหลายปี แต่ก็ถอนตัวเพราะค่าตัวสูงและเจรจากับเอเยนต์ยาก
- หลังจากที่น่อลถอนตัว ไลป์ซิกวางแผนเก็บเซสโก้ไว้ใช้งานต่อ ถ้าไม่มี "สโมสรพิเศษ" มาจ่ายในเรตที่ตกลงกับนักเตะไว้ (80-90 ล้านยูโร)
จุดเปลี่ยนและเบื้องหลัง
- ช่วงแรกโฟกัสไปที่กองหน้าอื่น เช่น ดีแลป เยอเคเรส เอกิติเก้
- จุดเปลี่ยนมาจาก ทริปตกปลาที่ไอซ์แลนด์ ของเซอร์จิม กับผู้บริหารอย่าง โอมาร์ เบอราดา (CEO) และเจสัน วิลคอกซ์ (DoF) ซึ่งทำให้ปรับแผนให้เซสโก้เป็นเป้าหมายหลัก
- จากนั้น อโมริม โอมาร์ เบอราดา เจสัน วิลคอกซ์ ประชุมกันต่อในทัวร์ปรีซีซั่นที่ชิคาโก (ที่เดียวกับโรงแรมที่โจเอลและอาฟราม เกลเซอร์มาพัก) และสรุปเคาะดีลนี้ โดยตระกูลเกลเซอร์ให้ไฟเขียวแต่ไม่ใช่คนตัดสินใจหลัก
- คริสโตเฟอร์ วิเวล (ผอ. ฝ่ายสรรหา) มีบทบาทสำคัญ เพราะเป็นคนดึงเซสโก้มาจาก Domzale ตั้งแต่อายุ 16 ที่ซัลซ์บวร์ก
แผนสำรองถ้าพลาดเซสโก้
- หากพลาดเซสโก้ เป้าหมายต่อไปคือโอลลี่ วัตกินส์ (แอสตันวิลลายืนยันไม่ขาย แต่บางคนในทีมคิดว่าซื้อได้ถ้าราคาดี) และพรี่แจ็คของเชลซี
การแข่งขันกับนิวคาสเซิล
- นิวคาสเซิลสนใจเซสโก้มานาน กลับมาเดินเครื่องหลังอิซัคขอไม่ร่วมทัวร์และต้องการย้าย
- ทั้งสองสโมสรเข้าพบเอเยนต์ Elvis Basanovic หลายครั้ง
- นิวคาสเซิลยื่น 75+5 ล้านยูโร ก่อนปรับเป็น 82.5+2.5 ล้านยูโร
- แมนยูจงใจรอให้นักเตะแสดงความต้องการย้ายมาเองเหมือนที่เอ็มบิวโม่ทำกับเบรนท์ฟอร์ด เพื่อให้ไลป์ซิกลดแรงต่อรอง จนมั่นใจว่านักเตะอยากมาที่นี่ ก่อนยื่น 75+10 ล้านยูโร และปิดดีลได้เพราะนักเตะเลือกพวกเขา
- ดีลสุดท้ายของแมนยู (76.5 + 8.5 ล้านยูโร) ต่ำกว่าข้อเสนอนิวคาสเซิล แต่ปิดได้เพราะความต้องการของนักเตะ
- นิวคาสเซิลไม่มีทั้ง ผอ. ฝ่ายกีฬา และ ceo ทำให้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในการเจรจากับสโมสรอื่น
ปัจจัยด้านการเงิน
- เรื่องค่าเหนื่อย ทั้งสองสโมสรมีข้อมูลขัดกันว่าข้อเสนอใครสูงกว่า
- ฝั่งแมนยูอ้างว่าสัญญาของเซสโก้อยู่ในโครงสร้างเดิมของทีม (ไม่หลุดเพดาน) และไม่มากกว่าที่นิวคาสเซิลเสนอ
- ฝั่งนิวคาสเซิลมีทั้งคนบอกว่าเสนอน้อยกว่าแมนยูอย่างชัดเจน และอีกมุมก็บอกว่าเสนอสู้ได้เท่ากัน แต่ติดที่เพดานค่าเหนื่อยของสโมสรทำให้เพิ่มได้ไม่เกินราว 200,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์รวมโบนัส
- ทั้งนี้ ค่าเหนื่อยนักเตะแมนยูส่วนใหญ่มีเงื่อนไขถูกตัด 25% ถ้าทีมไม่ได้เล่นแชมเปียนส์ลีก ซึ่งก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจทำให้โครงสร้างค่าเหนื่อยดู "คุมเพดาน" อยู่
- แมนยูพร้อมขายฮอยลุนด์(ประมาณ 30 ล้านปอนด์) และปล่อยแรชฟอร์ดไปบาร์ซ่าแบบยืมเรียบร้อย, การ์นาโช่ก็ตกลงกับเชลซีได้แล้ว รอแค่เชลซียื่นข้อเสนอมาที่สโมสร
- สโมสรมีวงเงินกู้จาก revolving credit facilities ที่เดิมเซอร์จิมไม่ชอบใช้เพราะเหมือน "หนี้บัตรเครดิต" แต่ซัมเมอร์ก่อนยอมดึง 100 ล้านปอนด์ และปีนี้มีการขยายเวลา/เพิ่มวงเงิน (อาจเกิน 140 ล้านปอนด์) ทำให้มีเงินลุยตลาดแม้ซีซั่นก่อนผลงานตกต่ำ
เหตุผลที่เซสโก้เลือกแมนยู
- การันตีบทบาทกองหน้าตัวหลัก
- ความสัมพันธ์กับคริสโตเฟอร์ วิเวลที่ค้นพบและดึงเขามาเล่นตั้งแต่เด็ก
- โปรเจกต์ของอโมริม และความมั่นใจว่าจะได้ลงสนามต่อเนื่อง
- ความไม่แน่นอนในอนาคตของอิซัค ทำให้นิวคาสเซิลตอบไม่ได้ว่าเซสโก้จะได้เล่นคู่ใคร
สรุป
- ดีลนี้เป็นหนึ่งใน "ศึกดึงตัว" ศึกใหญ่ของซัมเมอร์นี้ แมนยูปิดดีลได้แม้เสนอเงินน้อยกว่าเพราะนักเตะมีใจ และถือเป็นการเสริมทัพครั้งใหญ่ในโปรเจกต์รีบูตทีมของอโมริม/โอมาร์ เบอราดา/เจสัน วิลคอกซ์ ภายใต้แรงกดดันที่ว่า "It is now or never"
ที่มา
Inside Benjamin Sesko’s Manchester United transfer – and how they beat Newcastle to the deal