ทบ.แจงกรณีไทยเคยยึดปราสาทตาควายและถูกสั่งให้ถอยออกมาไม่จริง
ยืนยัน! ไม่เป็นความจริง กรณีทหารไทยเคยยึด’ประสาทตาควาย’ และ ’เนิน 350’ แต่ถูกสั่งให้ถอยออกมา
2 สิงหาคม 2568 : พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก แจงความมุ่งหมายสูงสุดในการปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้ คือ พื้นที่ภายในแนวเส้นปฏิบัติการ ต้องไม่มีการวางกำลังของฝ่ายกัมพูชา
.
กรณีการระบุหน่วยที่เข้าร่วมปฏิบัติการ กองทัพบกไม่เคยให้รายละเอียดเกี่ยวกับชื่อหน่วยที่ปฏิบัติในแต่ละพื้นที่ในแต่ละจุด แบบเฉพาะเจาะจง ยืนยันว่าในหลายหลายพื้นที่ จะเป็นลักษณะการบูรณาการจากหลายหน่วยเข้าร่วมปฎิบัติ ซึ่งสำหรับพื้นที่ปราสาทตาควายนี้ ร.31 รอ. ยังอยู่ระหว่าง การเคลื่อนย้ายเข้าแนวปะทะ
.
กรณีบริเวณพื้นทีปราสาทตาควายรวมถึงเนิน 350 ทบ.ไม่เคยระบุเป็นพื้นที่ ที่ฝ่ายไทยสามารถเข้ายึดในลักษณะวางกำลังทหารได้ กล่าวเพียงยังเป็นพื้นที่ๆ ที่การต่อสู้เข้มข้นสูง และ เป็นพื้นที่มีความเข็มแข็งในการต่อต้านสูงของ กพช. ก่อนถึงห้วงเวลาหยุดยิง
.
ฝ่ายไทยพบอุปสรรคได้แก่ สนามทุ่นระเบิด จนมีกำลังพลได้รับบาดเจ็บ และอำนาจกำลังยิงสนับสนุนที่รุนแรงหนาแน่นมากบริเวณนั้น ในห้วงสุดท้ายพื้นที่การเข้าถึงพื้นที่ดังกล่าว จึงถูกกำหนดเป็นพื้นที่สังหาร จึงต้องปรับเป็นการควบคุมด้วยการ ควบคุมพื้นที่ด้วยการยิง ของฝ่ายไทย
.
กรณีคำว่าถอยในทางยุทธวิธี เกิดขึ้นได้ในทุกพื้นที่การรบ ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ประสาทตาควาย โดยทั่วไปการเคลื่อนที่ในพื้นที่การรบ ย่อมมีทั้งไปข้างหน้า หรือบางจังหวะเป็นการเคลื่อนถอยมาข้างหลัง ไม่ใช่ถอย ในลักษณะ เพื่อจะล้มเลิกความตั้งใจบุก
.
ในทางยุทธวิธี ทั้งการรุก การรับ หรือการร่นถอย เป็นรูปแบบการปฏิบัติในทางยุทธวิธีของทหารที่จะมีใช้กันอยู่ในพื้นที่การรบทั้งสิ้น
.
สำหรับกรณีการถอย สามารถถูกใช้เพื่อการสับเปลี่ยนกำลังเพื่อให้หน่วยอื่นเข้ากระทำแทน หรือการถอยเพื่อไม่ให้ข้าศึกบรรลุผลในการใช้อาวุธโจมตีในลักษณะเป้านิ่ง หรือการถอยชั่วเพียงชั่วขณะ เพื่อให้ปลอดภัย กรณีจะมีการโจมตีจากทางอากาศ
ที่มาเพจ thairath tv