[RE: เชื่อเรื่องฐานการผลิตจีนยังครับว่าส่งผลกระทบต่อภาษีทรัมป์]
ชาวนงัตกรรม พิมพ์ว่า:
Noel Wong พิมพ์ว่า:
ชาวนงัตกรรม พิมพ์ว่า:
Spoil
แฟล็ปแจ็ค ยอดนักผจญภัย พิมพ์ว่า:
ชาวนงัตกรรม พิมพ์ว่า:
แฟล็ปแจ็ค ยอดนักผจญภัย พิมพ์ว่า:
มู้เก่าไม่เห็นมาตอบเลย เวียดนามที่ปิดดีลไปนี่เรียกกว่าอะไรครับ
เอายก Fact มาเทียบให้ดูจะๆเลยนะ
1.เหงียนได้ดุลสหรัฐมากกว่าไทย
2.เหงียดขาดดุลจีนมากกว่าไทย
3.เหงียนให้จีนสวมสิทธิ์สินค้ามากกว่าไทย
มากกว่าขนาดที่ว่ายอดส่งออกเยอะกว่า GDP ประเทศอีก
4.เหงียนเข้ากลุ่ม Brics สถานะเดียวกับไทย
5.เหงียนกู้เงินจีนสร้างรถไฟฟ้า
6.เหงียนให้จีนสร้างรถไฟความเร็วสูงเข้าเมืองหลวง
และเป็นประเทศแรกในโลกที่ใช้รางรถไฟมาตราฐานเดียวกับจีน
7.หลังรับตำแหน่งประเทศแรกที่ปธน.เหงียนไปเยือนคือจีน
ถ้าแบบนี้คงต้องบอกว่าเป็นความเทพส่วนตัวของเหงียนละล่ะครับ ถ้าข้อเสนอไม่มีเรื่องจีนแต่ได้ขนาดนี้ เมกาต้องมองเห็นอะไรบางอย่างจากเวียดนามแน่ๆหลังจากนี้ โดยส่วนตัวผมมองว่าเรื่องจีนก็มีส่วน เหงียนคงกางข้อเสนอที่ยอททุกอย่างให้เมกา btw ผมไม่ได้อยู่บนโต๊ะเจรจาฝั่งเวียดนามเลยไม่ทราบว่าเวียดนามยื่นข้อเสนอเรื่องอะไรถึงทำให้ภาษีลดลงได้เยอะกว่า เกาหลี ญี่ปุ่น ที่เป็นมหามิตรมาอย่างยาวนาน
btw 2 ที่อยากเน้นย้ำคือเรามีโอกาสจังหวะทางให้ออกจากการพึ่งพาจีนที่มากเกินไปแล้วแต่เราดันไม่ทำอะครับ ถ้าคุณยังคิดว่าเราควรพึ่งพาจีนก็เอาเถอะครับถ้าคุณไม่ได้มีส่วนได้เสียกับการพึ่งพาจีนเช่น เป็นเจ้าของ บ ที่นำเข้าเครื่องจักร บ เทรดดิ้ง ที่ทำธุรกิจกับจีน ผมก็ยอมใจเลยว่าจีนทำกับเราขนาดนี้แล้วยังพิมพ์ทุกความเห็นหาทางลงให้จีนได้
เหงียนมันยอมให้ภาษีสหรัฐ 0% ไงครับ ง่ายๆแค่นั้นแหละ
ความสัมพันธ์กับจีนคือข้ออ้าง จุดหลักคือทรัมป์มันจะเล่นประเทศที่ขาดดุลเยอะ
ไม่งั้นพวกลูกน้องเดนตายแบบ ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน แคนนาดา ไม่โดนยับแบบตอนนี้หรอก
ต้นเหตุเกินดุลเมกาเยอะมาจากไหนอะครับ บางส่วนก็เป็นสินค้าจีนที่มาสวมสิทธิผ่านประเทศไทยนี่ครับ คือต้องบอกก่อนว่าบ้านเราการบังคับใช้กฎหมายไม่ได้เข้มงวดอะไร อย่างเรื่องสวมสิทธิ จริงๅถ้าตามหลักการ wto มันคือหลักการของ rule of origin หมายความว่าถ้าสินค้าจากประเทศอื่นมาผลิตในไทยแล้วผ่านเกณฑ์ RVC 40% หรือจะเป็นเรื่องการเปลี่ยนพิกัด บลาๆ ก็เข้าเกณฑ์ถิ่นกำเนิดไทย สามารถส่งออกโดยแปะป้ายเป็นสินค้าไทยได้ ผ่านการออกใบ C/O ของกระทรวงพาณิชย์ สภาหอการค้าไทย หรือสภาอุตสาหกรรม แต่ทีนี้ขั้นตอนการได้ใบ C/O ปัจจุบันก็เป็นปัญหาว่าผลิตไม่ถึงเกณฑ์แต่ดันออกให้ เลยกลายเป็นสินค้สจีนไหลทะลักเข้ามาแล้วใช้ไทยเป็นทางผ่านเยอะมากๆ ในสินค้าส่งออกถ้าไปเจาะดูสินค้าจีนนี่มหาศาลอะครับ ถ้าตัดสินค้าจีนที่ไม่เข้าเกณฑ์ออก ผมคิดว่าเราไม่เกินดุลเมกาเท่าปัจจุบันอะครับ
ลากยาวไปถึง FTA ขนาดนั้น ช่วยแก้ข้อมูลให้แล้วกันครับ จะได้ไม่มั่ว
FTA ต่างๆจะมี Criteria อย่างที่ท่านว่าครับ แต่...ใช้กับประเทศที่เป็นคู่ค้าในข้อตกลงทางการค้านั้นๆเท่านั้น ไม่ใช่หลักการของ WTO เอกสารรับรองแม้จะอยู่ในกลุ่มของหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดจริง แต่จะมีชื่อเรียกเฉพาะตามกลุ่มประเทศนั้นๆ
ในส่วนของประเทศอื่นหรือกลุ่มประเทศอื่นที่ไม่มีข้อตกลงทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศออกเอกสารรับรองให้แค่ Certificate of Origin หรือ C/O ที่ท่านว่า"ซึ่งไม่มีสิทธิประโยชน์อะไรต่อปลายทาง" เป็นแค่การรับรองว่าสินค้าออกเดินทางจากประเทศไทย และไม่มีการตรวจสอบ Criteria ครับ สหรัฐอเมริกาอยู่ในกลุ่มนี้ รวมถึงยุโรปและอเมริกาใต้
โจทย์ง่ายๆของทรัมป์คือ กลุ่มข้อตกลงทางการค้าต่างๆค่อนโลก มักไม่มีอเมริกาอยู่ในข้อเสนอ เพราะอเมริกาเป็นตลาดให้ไปขายสินค้าไม่ใช่ตลาดวัตถุดิบหรือแรงงานให้แชร์กัน ทำยังไงให้ดุลย์การค้าตรงนี้มันลดลง ง่ายๆ...ก็บังคับแม่มมมมมมให้ซื้อของตรูสิ ไม่งั้นตรูแกล้ง จบ ทรัมป์ไม่ได้มองปัญหาลึกลงไปในระดับปัญหาภายในของแต่ละประเทศขนาดนั้นครับ เจ้าตัวไม่สนหรอกจะจีนเทา จะสวมสิทธิ์ เพราะของไทยเข้าไปก็ไม่ได้สิทธิ์อะไรตั้งแต่แรก จะบอกว่าจีนมาสวมสิทธิ์ไทย...ขอโทษครับ จีนอยู่ในกลุ่มข้อตกลงทางการค้า"ค่อนโลก"ที่ไม่ว่าออกจากประเทศไหน ก็ใช้วัตถุดิบจีนได้ รวมถึง"เทพเวียดนาม"ด้วยครับ
แก้ให้จะได้ไม่มั่วครับ WTO พูดถึงหลักการของ Rules of origin อยู่ครับ ตามลิ้งค์นี้เลย
https://www.wto.org/english/docs_e/legal_e/ro_e.htm#art1
ส่วนที่ท่านบอกว่าแค่ครวจผ่านๆเนี่ย ทำไมตอนนี้พาณิลย์ถึงต้องเฝ้าระวังแล้วล่ะครับ
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1177794
Rule of origin สำหรับ WTO เป็นหลักการขององค์การค้าโลก สำหรับทุกประเทศที่อยู่สมาชิกภาพขององค์การค้าโลก ซึ่งทุกประเทศสมาชิก สามารถใช้สิทธิ์ระหว่างกันได้โดยตรง ซึ่งถ้าจะใช้เกณฑ์ของWTO นั่นคือข้อตกลงเดียวกันทั่วโลกที่จะใช้สิทธิ์ระหว่างกันครับ ตรงนี้แม้กระทั่งสหรัฐ-จีนโดยตรงก็Applyเรทเดียวกันทั้งหมด การทำสงครามอัตราภาษีที่แม่มมมมมตีปี๊บกันอยู่นี่ ไม่ได้เข้าเกณฑ์ของข้อตกลงนี้โดยสิ้นเชิง เพราะเป็นการกีดกันการค้าระหว่างกันเองนอกข้อตกลง ไม่สามารถทำได้เมื่อใช้เกณฑ์ตามข้อตกลง ซึ่งตามข้อตกลงนี้ WTO สามารถมีอัตราภาษีสูงกว่าการนำเข้าปรกติ(ไทยก็มีเกือบทุกชนิดสินค้า ยกเว้นเสื้อผ้า) ส่วนของไทยถ้าใช้เกณฑ์ข้อตกลงWTOนั่นคือApplyแบบเดียวกับจีนแบบที่ไม่ต้องสวมสิทธิ์ แต่ถ้าเป็นการนำเข้านอกข้อตกลงไทยไม่มีข้อตกลงอื่นกับอเมริกา...ชัดนะครับ
ในส่วนของการสวมสิทธิ์ที่ท่านว่า เป็นข้อตกลงเฉพาะสำหรับสินค้าควบคุมสินค้าที่มีการร้องขอเป็นพิเศษ ให้เป็นสินค้า"ที่ผลิต"ในประเทศเฉพาะรายสินค้า เจาะจงไว้จำนวน 49 ชนิดสินค้าเท่านั้น และโดยหลักการแล้ว เป็นสินค้าที่เราทำ OEM ซึ่งปลายทางต้องการความแน่ใจว่าเป็นมาตรฐาน OEM จริง รายการสินค้าตามลิงค์...ชัดนะครับ
https://edi.dft.go.th/LinkClick.aspx?fileticket=ZI90m79ThSQ%3d&tabid=37
เห็นแก้ไขข้อความเพิ่มเติม
สำหรับ Certificate of Origin - C/O ปัจจุบันโดยการค้าระหว่างประเทศ เป็นเอกสาร"แก้บน"เพื่อประกอบการ Filing เป็นหลักแล้วเท่านั้น สินค้ากว่าค่อนในมือ ที่มีชิปเม้นท์ผ่านไปUS - CAไม่ใช้เอกสารนี้ไปประกอบเป็นPresent documentสำหรับศุลกากรปลายทางนานมากแล้ว ตัวเอกสารเองไม่มีระบุ Criteria อะไรบนเอกสาร นอกจากจะเป็นสินค้าเฝ้าระวังที่ร้องขอมาพิเศษถึงจะมีการควบคุม WO PE PSR RVC จะใช้สำแดงจริงแค่บนสินค้าที่เป็นข้อตกลงตามFTAเท่านั้น และอเมริกาไม่ได้มีส่วนตรงนั้น ซึ่งเป็นคนละชั้นกับC/O
แม้กระทั่งสินค้าที่ผลิตในไทยเอง ถ้าไม่ใช่สินค้าเฝ้าระวังที่มีการร้องขอมาเป็นพิเศษ จากประเทศปลายทางเฉพาะเจาะจง(เช่นตัวอย่างตามลิงค์) ก็ไม่มีการตรวจสอบ Criteria ในการขอเอกสารยืนยันแล้วเช่นกัน
เช่นปลายทางประเทศตะวันออกกลาง ใช้แค่ประกอบการFilingเท่านั้น แบบไม่จำเป็นต้องเป็นDFTด้วยซ้ำ จะใช้เป็นของThai Chamberยังได้ เพราะกลุ่มประเทศที่ใช้งานเอกสารชุดนี้ "ที่ไม่ใช่ข้อตกลงทางการค้าเฉพาะ" ใช้แค่เพื่อยืนยันต้นทางที่ส่งออก จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์อะไรที่ปลายทางเป็นปรกติอยู่แล้วครับ...ชัดเจนนะ