อุตส่าห์ไปจัด IMAX มา จากปกติเป็นคนดูแต่โรงธรรมดา

โอเคเรื่องเสียงทั้งดนตรี ทั้งเสียงในหนังถือว่ายอดเยี่ยม

แต่เนื้อเรื่องนี่เข้าใจละว่าทำไมนักขับตอนดูรอบพรีวิวถึงบ่นกันว่าใส่ความเป็นฮอลลีวูดเข้าไปเยอะเกิน

เปิดมาถึงพี่ให้บท Sonny Hayes ขับชนหยั่งกะ GTA เพื่อให้ทีมเมทเข้าพิทฟรีๆ แบบอะไรวะน่ะ

ละมันย้อนแย้งตรง APXGP ได้แต้มเล็กๆน้อยๆไปก็เท่านั้น เพราะสุดท้ายทีมต้องการที่ 1 เพื่อไม่ต้องขายทีม

ไหนจะซีนที่ Sonny ไปด่า JP ว่ายังไม่ชนะซะหน่อยจะดีใจเพื่อ แต่ตัวเองดันยอมไม่แข่งเพื่อที่จะชนชาวบ้านให้ทีมเก็บแต้มเล็กๆน้อยๆแทนซะงั้น ซึ่งมันดูย้อนแย้งไปหมดสำหรับผม

เพราะงั้นช่วงครึ่งแรกของหนังผมเหมือนไม่ได้ดู F1 อะ เหมือนดูหนังแข่งรถอย่างอื่นมากกว่า เพิ่งมารู้สึกว่าได้ดู F1 ตอนครึ่งหลังโดยเฉพาะศึก Abu Dhabi ถือว่าใช้ได้

อีกอย่างที่เสียดายตอนศึก Abu Dhabi คือตอนซ่อมรถ Sonny ถ้าใส่บทพูดคล้ายๆที่ทีม Redbull ตอนลงไปที่กริดสตาร์ทเพื่อซ่อมรถ Max ให้ทันนี่น่าจะโคตรเท่ โคตรลุ้น



เสียดายที่ตัดบทซ่อมรถไปดื้อๆ ถ้าเพิ่มบทอะไรไปหน่อยน่าจะได้ลุ้น

สุดท้ายผมก็รู้สึกว่ายังยกให้ Ford vs Ferrari เป็นอันดับหนึ่งหนังแข่งรถอยู่ดี

F1 รู้สึกมันใส่ความเป็นฮอลลีวูดเยอะไปหน่อย เนื้อเรื่องเรียบๆไม่ได้มีความรู้สึกลุ้นหรืออยากเอาใจช่วย Sonny เท่าไร ให้ซัก 6-7 เต็ม 10 พอ รู้สึกดู Drive to survive ยังตื่นเต้น มันส์กว่าอีก

ใช่ ผมไปดูเพราะมีแต่คนอวย

พอไปดูมันดีแค่ภาพเสียงกับแบรตพิตที่ดี

อย่างอื่นมันทำมะดาหมด ไม่น่าจดจำ

เห็นด้วยทุกบรรทัดเลยครับ เหมือนดูเนตฟลิคเวอร์ชั่นโรงหนัง ซึ่งผมโคตรไม่ชอบ

จริง ผมออกมาแทบจำซีนเด็ดๆอะไรไม่ได้เลย รู้สึกหนังมันทำไม่สมูธหรือมีซีนเด็ดๆให้จดจำเท่าไร

เนื้อเรื่องคล้ายๆ topgun แต่ topgun มันแอคชั่นแบบเห็นผลกว่า มันลุ้นกว่าแต่ละตอน

แต่ F1 เนื้อเรื่องมันไม่สุด คู่แข่งก็เป็นทีมเดียวกันแถมมีคนเดียวที่ดูธรรมดาเกิน ทำให้หนังเรื่องนี้ สู้ Ford Ferrari กับ Rush ไม่ได้ในเรื่องบท เพราะสองนี้เขามีคู่แข่งชัดเจน และสร้างจากเรื่องจริง

ผกก.คนนี้เน้นทำหนังเป็นบทคล้ายๆกีฬา แบบว่าช่วงแรกจะล้มเหลว แล้วก็ท้อ แล้วก็มีคนเช่นนางเอกไปเตือนสติ ตอนจบชนะ

ไม่นับเรื่องเสียง เปิด Netflix ดู Drive to Survive ยังตื่นเต้นกว่า

ตอนแข่งก็ดีอยู่นะเพียงแต่มันตัดช่วงแข่งออกเยอะไปหน่อย

สอบถามครับ Imax F1 ยังมีแจกโปสเตอร์ กับ บัตรแข็งสะสมอยู่ไหมครับ

ถ้านักแข่งในกริดเข้ามาถ่ายมากกว่าน่าจะสนุก แบบเข้ามาแสดงว่าด้วย อันนี้มันตัดแปะไปหน่อย

เมื่อวานตอนผมไปดูไม่มีแล้วนะครับ

เห็นด้วยครับ ความรู้สึกผมมันน่าจะมีอะไรให้จดจำมากกว่านี้

ก็เหมือนที่วิจารณ์กันว่ามันคือ top gun ในแบบหนังแข่งรถ ไม่ได้บิดอะไร จงใจใส่ไปแบบนั้นเลย

กะว่าจะแวะไปดูสักหน่อย สงสัยรอเข้าพวก Netflix ดีกว่ามั้งครับ

จริงๆถ้าไม่ได้ติดเรื่องเสียงในโรงที่มันกระหึ่มกว่า ภาพที่จะเห็นสเกลกว้างกว่าใน IMAX

ผมว่าก็รอดูใน Netflix หรือสตรีมมิ่งเจ้าอื่นก็ได้

ประเด็นเรื่องพระเอกยอมเล่นสกปรกเพื่อเก็บแต้มเล็กๆ น้อยๆ ผมเข้าใจว่าหนังจะสื่อประมานนี้

- ช่วงแรกพระเอกอีโก้สูง แต่เจอนางเอกด่าใส่หน้า ประมานว่า f1 มันเป็นกีฬาทีมเว้ย เลิกแอ็คได้แล้วไอ้แก่ พระเอกเลยยอมอ่อนลง

- สิ่งที่พระเอกแคร์ คือเพื่อนตัวเองซึ่งเป็นหัวหน้าทีม มองว่าตัวเองมาขัดตาทัพได้แค่ครึ่งฤดูกาล ไม่ได้กะจะชนะ แต่จะถ่ายทอดประสบการณ์ทุกอย่างให้ JP โตขึ้น (ตอนจบพระเอกบอก JP ว่าทีมเป็นของเอ็งแล้ว

- โชว์ว่าพระเอกมีความเก๋า ประสบการณ์เยอะ เจ้าเล่ห์ ปิดทองหลังพระ เป็นพระเอกแนวฮอลลีวูดในอุดมคติ