credit FB page อันนี้ต้องจด https://www.facebook.com/share/p/1AkMpDedmK/

=====

นี่คงเป็นการท้องที่น่าเศร้ามากๆ

เด็ก 17 ปีมากับพ่อ
บอกว่าเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
ซักประวัติประจำเดือน
ปรากฏว่าเลทไป 2 สัปดาห์แล้ว
เลยถามว่าคุมกำเนิดยังไง
น้องตอบว่าเคยใช้ยาคุมแต่ตอนนี้ไม่ได้ใช้แล้ว
เลยให้ไปตรวจการตั้งครรภ์

และก็ 2 ขีดอย่างที่เห็น
เลยถามว่าจะให้หมอแจ้งคุณพ่อเลยมั๊ย
น้องก็ไปตามพ่อมาฟัง
ตอนแจ้งว่าน้องตั้งครรภ์
คุณพ่อพยักหน้าอย่างเดียว
ไม่มีสีหน้ายินดีหรือโกรธ
ถามน้องว่าแฟนน้องอยู่ไหน
หมอจะได้นัดมาเจาะเลือด
น้องก้มหน้าแล้วตอบเบาๆว่า....แฟนเพิ่งเลิกไปค่ะ
(ความหมายของประโยคนี้คือ น้องต้องเป็น single mom)



เราก็บอก งั้นไม่เป็นไร
วันนี้เจาะเลือดฝากครรภ์
รับยาบำรุงไปทานก่อนนะ
เดี๋ยวหมอนัดมาฟังผลเลือดอีกครั้ง
ถ้ายังไงลองคุยกับเค้าดูนะ
(ในใจคิดว่า ถ้าแฟนน้องไม่รับผิดชอบจริงๆ ไม่มาเจาะเลือด ก็ภาวนาขอให้ผลเลือดน้องปกติทุกตัว)

ช่วงเย็นมีโทรศัพท์มาจากห้องแลป
ขอเรียนสายคุณหมอครับ
ทางแลปขอเวลาrepeat ผลเลือดซ้ำอีกรอบ
เนื่องจากพบการติดเชื้อ HIV!!!

เฮ้อออ
รู้สึกสงสารคนไข้และเด็กในท้องมาก
ไม่รู้ชะตากรรมจะเป็นยังไง
เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย
หากวัยรุ่นรู้จักป้องกัน
สวมถุงยางป้องกันได้ทั้งการท้อง
และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
หากไม่พร้อมจะท้อง ต้องป้องกัน
มีลูกต้องสอนลูก

คนเรามองตาไม่รู้หรอกว่าแต่ละคนมีโรคอะไรซ่อนอยู่บ้าง
เราไม่มีทางห้ามให้ลูกมีเพศสัมพันธ์ได้
แต่เราสอนให้ลูกรู้จักป้องกันได้ค่ะ

======

ปล. มีคอมเม้นท์เสริมมาว่า

1. เลิกกับแฟนแล้ว พยาบาล ณ จุดฝากครรภ์จะถามแล้วว่า พร้อมมั้ย และจะแนะนำยุติการตั้งครรภ์
2. ตรวจพบ HIV พยาบาล ณ จุดฝากครรภ์ ก็จะแนะนำการยุติการตั้งครรภ์เช่นกัน
แต่ก็อยู่ที่คนไข้ว่าจะไปต่อหรือยุติ

ที่จริงเรื่อง เอดส์ HIV เพิ่มขึ้นในไทยมีนัยยะตั้งหลายปีก่อนแล้ว แฟนเก่าที่เป็นพยาบาลในตอนนั้นเคยบอก

ตั้งแต่ โซเชี่ยล เน็ตเข้าถึง

คือไม่ใช่ว่า ง่าย หรือ มั่วอะไร เพียงอย่างเดียว

แต่ไอ ความรู้มากแบบ ผิดๆก็คือ เป็นก็แค่กินยา pep ซึ่ง ไอนี้แหละทำให้ชุดความคิดมันเพี้ยน

ซึ่งไอโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มันไม่ใช่ แค่ HIV แต่มันมีอีกสารพัดโรค

คนสมัยก่อน รณรงค์ใส่ถุง คนใส่กันเยอะเพราะกลัวการ เป็นเอดส์ HIV แต่สมัยนี้ ก็ตามนั้น กินยาง่ายๆไม่กลัว เลยเพี้ยนไปหมด

เราเลือกที่จะไม่ให้มันเกิดขึ้นได้ทั้งนั้นครับ ทั้งหมดนี่น่ะ


ผัวทิ้ง เป็นเอดส์ มีลูก ลูกเป็นเอดส์ 4 คอมโบ

อันนี้ ผมอยากรู้ ว่าข่าวจริงหรือป่น ที่บอกไทยมี ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 5 แสนคน ระบาดเป็นโควิดเลยแสสส

แล้วเดี๋ยวไอผู้ชายที่เลิกไปมันก็จะไปแพร่เชื้อต่ออีก ทำคนท้องต่ออีก
วงจรอุบาทว์

เคสนี้ไม่ยากเลย ถึงจะไม่ติดเชื้อ HIV แต่ถ้าไม่พร้อก็ยุติตั้งครรภ์ได้ เด็กยังไม่เกิดเลย

ผลพวงจากพวกข้อสอบ ถ้ามีอารมณ์ให้ไปเตะบอลนี้แหละ

ที่จริงเรื่อง เอดส์ HIV เพิ่มขึ้นในไทยมีนัยยะตั้งหลายปีก่อนแล้ว แฟนเก่าที่เป็นพยาบาลในตอนนั้นเคยบอก

ตั้งแต่ โซเชี่ยล เน็ตเข้าถึง

คือไม่ใช่ว่า ง่าย หรือ มั่วอะไร เพียงอย่างเดียว

แต่ไอ ความรู้มากแบบ ผิดๆก็คือ เป็นก็แค่กินยา pep ซึ่ง ไอนี้แหละทำให้ชุดความคิดมันเพี้ยน

ซึ่งไอโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มันไม่ใช่ แค่ HIV แต่มันมีอีกสารพัดโรค

คนสมัยก่อน รณรงค์ใส่ถุง คนใส่กันเยอะเพราะกลัวการ เป็นเอดส์ HIV แต่สมัยนี้ ก็ตามนั้น กินยาง่ายๆไม่กลัว เลยเพี้ยนไปหมด

ยุติการตั้งครรภ์ ส่วนตัวเอง รักษาโรคต่อ เจ็บทุกทาง

ยิ่งฟังแล้วยิ่งเป็นห่วงเด็กรุ่นต่อไป ผมว่าสังคมมันเสื่อมที่สุดแบบเป็นยุคที่กราฟดิ่งแบบไม่มีทีถ้ากลับตัวเลย ผมว่ามีแค่กลุ่มส่วนน้อยจริงที่ดูแลลูกให้ความอบอุ่นลูกได้ดี ก็ต้องบ้านมีฐานะระดับนึงแล้วจิตใจดีทั้งครอบครัว ยุคนี้เหมือนใช้ชีวิตให้สุดไปวันๆดูไร้เป้าหมาย อันนี้ต้องโทษคนดูแลบ้านเมืองด้วย ทุกวันนี้ทุกคนต้องดินรนทำทุกวิถีทางที่ให้ได้เงืน ได้ความสุขทางกาย โดยไม่สนใจศีลธรรมแล้ว แล้วมันก็เปลี่ยนกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเรื่อย

ผมยกตัวอย่างความคิดที่ว่า เรายังไม่แต่ง เราก็คบไปเรื่อยๆ ฟันไปเรื่อยเหมือนเป็นความสุข เอาตรงๆถ้าเราคิดแบบใส่ใจสักหน่อย มันคือเวลาชีวิตคุณมีไม่เยอะ ถ้าทุกคนเห็นคุณค่าของเวลามันจะเลือกสิ่งที่ดีและจะถนอมไว้ จะค่อยปรับจูนหากันฝ่าฟันปัญหา แต่ตอนนี้กลับมองว่าฟันให้มากที่สุดในช่วงหล่อสาว แล้วไปลุ้นว่าจะเหลือใครเป็นคนสุดท้ายของชีวิต ใครรับได้ก็รับ แล้วพอไม่เหลือก็ค่อยบอกอยู่คนเดียวก็ได้ ดีที่สุด แต่จริงๆมันคือนิสัยที่สะสมมา

เดวนี้กลายเป็นฝ่ายหญิงขอให้ไม่ใส่ถุง

ลุ้นแล้วลุ้นอีก

ทำแท้งไป

ตอกสดๆก็งี้แหละ ท้อง โรค

เอาจริงๆ ผ่านมาตั้งกี่ปีต่อกี่ปีแล้ว

ทำไมก็ยังรู้สึกว่าประเทศเราคนมักง่ายมันเยอะจริงๆ

ทำอะไรมักง่ายๆ จนก่อปัญหา มักง่ายขายของข้างถนนจนรถติด มักง่ายทิ้งขยะจนอุดตัน มักง่ายจอดรถตรงไหนซุกได้จอดได้จอดไม่สนอะไร มักง่ายเด้ากันไม่ป้องกันท้องไม่มีพ่อ โรคติดต่อ คุณภาพประชากร

ผ่านมากี่ยุคกี่สมัย รุ่นผมด่ารุ่นพ่อโบราณเต่าตุ่นไม่พัฒนา จนตอนนี้ผมสี่สิบกว่าเด็กรุ่นใหม่ก็มาย้อนรอยลักษณะเดียวกัน

แต่พอมองจริงๆคือ นอกจาก Technology ที่มันทันสมัยขึ้น ผมว่าสันดานคนในชาติมันดูไม่ค่อยเปลี่ยนเลยว่ะ 55 เพราะฉนั้นมั่นใจได้ว่า อนาคตเด็กๆหนูๆ พวกเมิงลำบากเหมือนเดิมแน่นอน

5แสนคือผู้ป่วยเดิม

ภาพรวมเด็กเกิดน้อยลง คนที่พร้อมไม่มีลูกกัน

แต่ไปเกิดมากกับกลุ่มที่ไม่พร้อม

ผมทำงานในรพ. ช่วงนี้มีคนไข้HIV รุ่นใหม่ ๆ อายุน้อยมาเยอะขึ้นจริง ๆ ครับ แล้วมาพร้อมโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ุอย่างหนองใน ซิฟิลิส เหมือนจะกลับมาฮิตอีกครั้งเลย น่ากลัวอนาคตจริง ๆ

ผมไปพูดที่ไหนไม่ได้ ขืนพูดในที่ประชุมวิชาการ คงโดนด่า ว่าบุคลากรทางการแพทย์มาพูดงี้ได้ไง ก็ขอพูดในนี้ก็แล้วกัน ว่านโยบาย PrEP น่ะ ถ้าใช้กรณีคู่แต่งงานที่ผลเลือดต่าง มันก็ดีแหล่ะ แต่ทุกวันนี้มันกลายเป็นว่า เอาไปใช้มั่วกัน แบบสด เพื่อความเพลิดเพลินไปแล้ว มันผิดเพี้ยนไปกันหมด จากจุดมุ่งหมายแรกเริ่มไปกันใหญ่แล้ว ไอ้ที่ตั้งเป้าจะหยุดการแพร่กระจายโรคเอดส์น่ะ มันเหลวตั้งแต่มีการโปรโมตคำว่า U=U(Undetectable = Untransmittable) แล้วล่ะครับ คนมันควบคุมกิเลสได้ที่ไหน คนมันไม่มีความกลัวแล้วมันจะหยุดคิดถึงผลที่ตามมาได้ยังไง