การเสียชีวิตของโชต้า มีใครผ่านจนถึงระยะที่ 5 รึยังครับ
ตามโมเดลของ Kubler-Rose (
https://en.wikipedia.org/wiki/Five_stages_of_grief)
มนุษย์เราเมื่อเกิดความสูญเสียคนที่รัก จะผ่าน 5 stages of grief
มาแชร์กันครับว่าเพื่อนๆ ผ่านแต่ละขั้นมาอย่างไร
1.Denial (ปฏิเสธความจริง)
วันนั้นผมชาจแบตโทรศัพท์ตัวเองอยู่ เลยนอนดูแฟนเล่นโทรศัพท์แล้วเห็นแวบๆ จากเพจสมปอนด์ประมาณว่าช็อคมากเรื่องโชต้า แฟนผมไม่ดูบอลก็เลื่อนผ่านไป แต่ผมตะหงิดๆ เลยเลื่อนกลับขึ้นไป อ่านคอมเม้นท์ แล้วรีบเข้ามาดู soccersuck
เพื่อนๆ ครับ ผมเชื่อตั้งแต่วินาทีแรกเลย ไม่มีความคิดในหัวเลยว่าเฟคนิวส์ อาจจะเพราะเห็น official หลายๆ แหล่งตั้งแต่ทีแรก
มีปฏิเสธความจริงบ้างในวันที่หลังตอนที่เริ่มเห็นๆ ว่าระบุตัวคนขับไม่ได้ อารมณ์แบบ มันจะเป็นไปได้มั้ยวะว่าอาจจะรถคนละคัน ตำรวจจำสลับคันกัน โชต้าประสบอุบัติเหตุจริงแต่เกิดเหตุอีกจุดนึงเลยอาจจะยังมีชีวิตอยู่แต่ไม่มีใครรู้
2. Anger (หาที่ระบายความโกรธ)
สำหรับผม ไม่มีสเตจนี้ครับ เพราะเชื่อข่าวตั้งแต่ทีแรก หรือแม้แต่ตอนที่มีข้อมูลออกมาเรื่อยๆ ว่า มีปัญหาเกี่ยวกับปอดจนต้องเดินทางด้วยรถแทนการนั่งเครื่อง แล้วมีคนไปโทษการปะทะในสนามนั้นตอนต้นซีซั่น แต่ผมไม่เคยโทษใครไม่โกรธโชคชะตาเลยครับ มันไม่มีคนผิดจริงๆ ในเหตุการณ์นี้
3.Bargain (ถ้ารู้งี้...)
ผมไม่มีเหมือนกัน ไม่มีอะไรที่คิดย้อนกลับไปได้เลยว่า "โชต้า รู้งี้ถ้าเอ็งทำแบบนี้ ก็น่าจะ.." ทุกเหตุการณ์เล็กๆ ที่เกิดขึ้นมันไม่มีอะไรผิดพลาดเลย มันคืออุบัติเหตุสุดวิสัยของสุดวิสัยจริงๆ
4.Depression (เศร้า)
2-3 วันที่ผ่านผมอยู่ในระยะนี้มาตลอด ร้องไห้คนเดียวเยอะมาก นั่งขี้อยู่เล่นมือถือ เปิดดูคลิปยูทูป ข้างล่างแม่งก็ไหลข้างบนก็ร้องไป อ่านข่าว อ่านโพสต์เพื่อนร่วมทีมในไอจีก็ร้องไห้ นอนหลับไป พอตื่นมาเปิดมือถือก็ร้องอีก
5.Acceptence (ยอมรับความจริง)
คิดว่าเพิ่งทำใจได้วันนี้ครับ เป็นวันแรกที่หยุดร้องไห้ได้ เริ่มคิดถึงอนาคต เริ่มมองภาพในความเป็นจริงว่า ฟุตบอล สโมสรมันก็ต้องไปต่อ ถึงจะฟังดูโหดร้ายแต่การเสียโชต้าไม่ควรจะทำให้อนาคตของสโมสรเราหยุดชะงัก เราคงได้กองหน้าคนใหม่และก้าวผ่านเรื่องนี้ไปได้ในที่สุด และมองกลับจะเห็นแต่ความทรงจำที่ดี รอยยิ้ม ความเป็นมนุษย์ธรรมดา ความตรงไปตรงมาที่สุดของดิโอโก้ โชต้า