แล้วใครจะไป รอบโบ้ กับ ซิมิคัส วัดใจล่ะถึงเวลาต้องปล่อยแล้วคนนึง ใจอยากให้รอบโบ้ อยู่แต่แกจะยอมไหม

เปิดโหมด spending spree

จริงๆทำมาก่อน คลอปป์ อีกครับ ทำตั้งแต่ยุค BR แล้ว เพียงแต่คนที่หันมาสนใจจริงๆมันคือ JK ครับ

ลิเวอร์พูล ลองผิดลองถูกอยู่พักใหญ่ เลยครับ

สมัย คอลมอลลี่, เอียน อายส์ มาใช้ระบบ Transfer committee
แต่กว่าจะเจอ ผจก ที่ยอมทำงานกับ DoF ไม่ดื้อนี่ลำบากมาก

อย่าง BR แกมีตัวอยากได้แต่ Committee ไปซื้อ บาโล มาโควิช งี้มาให้ ฟิมิโน่ งี้ แกไม่ใช้น่ะสิ ก็ไม่ใช้ สุดท้ายลองให้ อำนาจ BR ดู ก็ได้ พวก เบนเตเก้มา

คุณสมบัติสำคัญเลย คือ Trainer ในเยอรมัน จะใช้คำนี้ โดยแยกกัน ๗ก กับ DoF สุดม้าบ กลายเป็น Michael Edward + JK

JK พยายาม ใช้นักเตะเท่าที่มี เท่าที่ได้ เน้นทัศนคติ เป็นหลัก ใครที่บอกมาเพราะทีมได้ไป UCL อาจจะไม่ซื้อ แต่ซื้อคนที่พร้อมจะทำให้ทีมได้ไป UCL และค่อยๆ ปรับ โดยปรับสไตล์การเล่น

คิดดู ว่าช่วงแรก JK มีนักเตะเล่น เบอร์ 10 ถึง 3 คน คือ คูตี้ ลัลลาน่า ฟิมิโน่ นัดแรกที่เอา ลัลลาน่า เล่นตัวต่ำ โดนด่ายับเลย สุดท้าย ก็ปรับสไตล์การเล่นนักเตะจนเล่นกันได้

สุดท้ายแกเซ็ต แทคติกเอาลง พร้อมกันหมดได้ทุกคนอะ เป็น Combination LFC ปีต่อมาได้ Mane อีกปีได้ ซาล่า ก็ปรับ มาเน่ ไปซ้าย จนโดนด่าอยู่แรก ๆ พอลงตัว ก็กลายเป็น SMF ที่ปราบ ยุโรปและอังกฤษ จนได้อะ

แ

เหมือนเห็นข่าวแมนยูอยากได้ไมเคิ่ล เอ็ดเวิร์ด ก่อนเจ้าตัวจะกลับหงส์
เป็น move ที่น่าสนใจ

แต่ดูต่อมา ที่เลือกแบร์ราด้า เลือกอโมริม เลือกดอร์กู
ผมว่ายังต้องลองผิดลองถูกอีกพอสมควร

จากมุมมองแฟนหงส์
ก็ดูทะเยอทะยานดีล่ะมั้ง
แต่มันเสี่ยงวัดดวงในแบบพนันมากกว่า
เหมือนอยากพลิก-อยากเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในปีเดียว
วางแผนคำนวณในกระดาษ แล้วมันสวยหรู

เอาแค่ให้อโมริมไปต่อ นี่ก็เสี่ยงมากๆ

หงส์ตอน TC ก็หนัก
โค้ชอยากได้คนนึง ทีมงานอยากได้อีกคน
วิธีแก้คือต่างคนต่างซื้อ << เห็นแล้วปวดหัวเลย
กว่าจะผ่านมาได้