[RE: [TOT] ระเบิดลง ที่ ท็อตแน่ม !!!]
รวมถึงการจัดการเรื่องสำคัญอีกเรือง คือสถานะของนักเตะที่ทรงอิทธิพลต่อทีม ทั้ง ซน ฮึง มิน และ คริสเตียน โรเมโร่ กัปตันทีมและรองกัปตันทีมที่ตอนนี้ยังคลุมเครือ ว่าจะเอายังไงกับทีม จะไปด้วยกันต่อ หรือจะย้ายออก เพราะทั้งสองคนก็ถือเป็นหัวใจหลักของทีมทั้งในสนามและนอกสนามที่มีผลต่อนักเตะในทีมไม่น้อย
ในรายของ ซน ฮึง มิน ส่วนตัวยังมองว่าเจ้าตัวไม่น่าจะย้ายออก ถึงแม้จะเหลือสัญญาเหลือแค่ปีเดียว หลังมีข่าวว่าทีมจากซาอุให้ความสนใจ แต่ที่ให้สัมภาษณ์ถึงอนาคตที่ยังไม่ชัดเจนมากนัก น่าจะเป็นการที่ยังอาจจะรอท่าทีของทีมเราหรือข้อเสนอจากทีมอื่นว่าน่าสนใจจริงหรือเปล่า ซึ่งผมก็ยังเชื่อว่า ซน น่าจะยังลงเล่นให้ทีมเราอย่างน้อยไปอีก 1 ฤดูกาลไปก่อน ไว้รอหมดสัญญาค่อยว่ากันอีกที
สำหรับ คูตี้ คริสเตียน โรเมโร่ อันนี้ผมว่าไปชัวร์ หลังมีข่าวว่าแอตเลติโก้ มาดริด ให้ความสนใจอยู่ และการที่เจ้าตัวเคยออกมาบ่น ไม่ค่อยพอใจฝ่ายบริหารทีมเราตั้งแต่ไม่ยอมเช่าเครื่องเหมารับไปรับนักเตะตอนไปเตะให้ทีมชาติ แถมยังเคยบอกว่า ถ้าปลด แอนจ์ ออก ก็อาจจะไม่อยู่กับทีมต่อ ถึงแม้จะเหลือสัญญาอยู่อีกสองปี
และในเมื่อทีมเราปลด แอนจ์ ออกไปแล้ว เจ้าตัวก็มีข้ออ้างในการย้ายทีมแบบสวยๆ แถมยังโพสต์ร่ำล่า แอนจ์ หลังทีมเราประกาศแต่งตั้ง โธมัส แฟร้งค์ ไปได้ไม่กี่ชั่วโมง ทั้งๆที่ทีมเราก็ปลด แอนจ์ ไปหลายวันแล้ว เจตนาแบบนี้คือชัดเจนว่าต้องการปะทะ และคงอยากย้ายทีม และงัดกับบอร์ดแบบตรงๆ
ซึ่งส่วนตัวก็มองว่าขายๆไปเหอะ ได้ราคาดี เหมาะสมก็โอเค แล้วเอาเงินที่ได้ไปซือนักเตะคนอื่นดีกว่า เพราะหากไม่มีใจอยากอยู่ด้วยกันแล้ว ก็ถึงเวลาต้องแยกทาง ปีที่ผ่านมาก็หายหน้า เจ็บไปนาน จนไม่ได้เป็นแกนหลักของทีมขนาดนั้นด้วยซ้ำ
มองในแง่ร้ายหรือ Worst case สุดๆ คือทีมเราเสียทั้ง ซน และโรเมโร่ ไปทั้งคู่ ก็ต้องถือว่าส่งผลกระทบต่อทีมแน่ๆ ไม่มากก็น้อย แต่หากมองว่าถึงเวลาถ่ายเลือดใหม่ เริ่มต้นยุคใหม่ ก็อาจจะจำเป็นที่ต้องทำแบบนั้น
คงต้องรอดูว่า กุนซือคนใหม่อย่าง ทีเอฟ นั้น จะจัดการปัญหาด่านแรกนี้ได้ดีแค่ไหน เพราะหากจัดการไม่ดี และมีปัญหาคลื่นใต้น้ำขึ้นมา ก็อาจจะทำให้ให้ปัญหาต่อเนื่องและแคนนอนต่อทีมแน่ๆ
สำหรับส่วนตัวแล้ว ถึงแม้ใจจริงจะอยากได้กุนซืออย่าง ชาบี เอร์นานเดซ มากกว่า แต่ในเมื่อทีมแต่งตั้ง ทีเอฟ ขึ้นมาแล้ว ก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร ไปตามอ่านประวัติ และดูแนวทางการทำทีม การคุมทีมของ ทีเอฟ ก็ถือว่าประทับใจไม่น้อย และข้อดีแบบสุดๆ คือไม่ต้องมาเรียนรู้หรือปรับตัวกับฟุตบอลอังกฤษ ทำให้สามารถขยับหรือเปลี่ยนไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น
ประสบการที่ทำงานมาตั้งแต่การคุมทีมระดับ เยาวชน ยกระดับมาคุมทีม บรอนด์บี้ ทีมชั้นนำของ เดนมาร์ก ก่อนจะข้ามน้ำข้ามทะเล มาเป็นผู้ช่วน ดีน สมิธ ที เบรนท์ฟอร์ด และก้าวขึ้นมาเป็นนายใหญ่ จากนั้นพาทีมอย่าง เบรนท์ฟอร์ด ขึ้นมาเล่น พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จ และอยู่รอดมาได้หลายปี ก็พิสูจน์ ฝีมือมาแล้วในระดับนึง
การทำงานแบบกุนซือยุคใหม่ ที่เน้นระบบ เน้นการวิเคราะห์ข้อมูล มีความยืดหยุ่นทางกลยุทธ์ และเปิดรับสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ทำให้ ทีเอฟ คือกุนซือที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงจากเหล่ากุนซือด้วยกัน และเจ้าตัวก็ทำได้ดีกับการพัฒนานักเตะดาวรุ่ง ซึ่งทีมเราก็สะสมกลุ่มดาวรุ่งไว้หลายคน ที่รอดูต่อไปว่าเมื่ออยู่ในมือ ทีเอฟ แล้ว จะพัฒนาขึ้นหรือไปได้ไกลแค่ไหน
ทีเอฟ ชอบการทำงานในสนามซ้อม มีส่วนร่วมกับการฝึกซ้อม และควบคุมการฝึกซ้อมเอง มากกว่ายืนดูเฉย รวมถึงการการทำงานข้างสนามยามคุมทีมลงแข่ง
แทคติกก็เปลี่ยนไป ไม่ตายตัว ไม่ว่าจะเล่น 5-3-2 ,4-2-3-1,4-3-3 หรือ 3-4-3 ปรับเปลี่ยนไปตามคู่แข่งและหน้างานที่เผชิญ จุดเด่นของ ทีเอฟ คือความพร้อมในการลงแข่ง ที่เจ้าตัวจะเตรียผมแพลน A B C D เอาไว้ตลอดเวลา ยามต้องการเลือกใช้ ก็พร้อมจะใช้งานได้ทันที เพราะนักเตะก็ซ้อมเตรียมมาหมดแล้ว
รวมถึงจิตวิทยาในการปกครองลูกทีม การปลุกเร้าหรือปลุกใจนักเตะ ก็ถือว่าทำได้ดี ไม่แพ้ แอนจ์ ปอสเตโคกูล เช่นกัน
และจากนี้ก็ต้องรอดูว่า โยฮัน ลังเก้ ผอ.เทคนิคของทีมเรา ที่เคยร่วมงานกันมาก่อน และฟาบิโอ ปาราติชี่ ที่มีข่าวว่าจะกลับมา จะสามารถหานักเตะมาเสริมทัพได้ตามความต้องการของ ทีเอฟ ได้ดีแค่ไหน และทีมเรายุคใหม่จะเป็นอย่างไร จะดึขึ้นหรือแย่ลง หรือมีพัฒนาการอะไรขึ้น บอกตรงๆ ว่าไม่ได้ตื่นเต้นแบบนี้มาพักใหญ่แล้ว
และคงต้องให้ระยะเวลาพิสูจน์กันต่อไป ว่า โธมัส แฟร้งค์ ทำทีมได้ดีกว่า แอนจ์ ปอสเตโคกูล ที่ขึ้นแท่นตำนานของสโมสรไปแล้วแค่ไหน อีกไม่นานคงได้รู้กัน COYS !!!
ส่วนหนึ่งของบทความ ธานครับ
https://thai-tottenham.blogspot.com/