จากความเครียดปัญหาสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ จะมีคนขอกลับดาวเยอะมั้ย

แบบหมอฉีดยานอนหลับเราแล้วผ่าเอาอวัยวะเราไปช่วยคนป่วย เราก็ได้บุญ(มโนไปเองเพราะบาปบุญไม่มีจริง)

และคนป่วยก็มีความสุขได้ใช้ชีวิตต่อ

มีเพียบครับพรี่หมี

แต่มันต้องมีมาตราการควบคุมแหละ
ไม่ใช่ว่าจะมาขอฉีดยาเพราะ > หนีความผิด / หนีหนี้ อะไรพวกนั้น

ไม่น่าไปกันได้นะครับ ฉีดยาตาย กับ บริจาคอวัยวะ ไม่งั้นเดี๋ยวมีเคสจองตัวรับซื้ออวัยวะอีก
อย่างน้อยๆน่าจะมีกฎ ถ้าประสงค์จะการุณยฆาต ก็ต้องห้ามส่งต่ออวัยวะให้คนอื่น
อย่างมากได้เป็นแค่บริจาคร่างกายไปเป็นอาจารย์ใหญ่ ยังพอได้

เรื่องส่งต่ออวัยวะน่าจะไม่ได้ครับ ไม่งั้นจะเกิดการซื้อขายกันแน่ๆ (พ่อขายร่างกาย เพื่อครอบครัวไรงี้)

แต่เรื่องการุณฆาต ยังไงก็ต้องทำร่วมกันหมด ทั้งสุขภาพและการเงิน

และที่แน่ๆคือคนจะมีลูกน้อยลงอีกมากๆ เพราะส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่ามีเพราะกลัวไม่มีใครเลี้ยงตอนแก่

ถ้ามีการตายได้อย่างที่ต้องการจริงๆ เคลียร์ชีวิตให้หมด ยกมรดกให้ใครก็ว่าไป แล้วก็ตายอย่างสงบ โคตรดี

เอาเป็นบริจาคอวัยวะ แต่คนรับต้องจ่ายเงินเป็นภาษีให้ รบ.เอามาพัฒนาประเทศ

เป็นหัวใจ 1 ดวง 500 ล้านบาท

ควรกำหนดอายุ ควรเลยวัยเกษียณไปแล้ว หรือป่วยเป็นโรคที่แพทย์ลงความเห็นแล้วว่ารักษาไม่ได้
คงไม่มีใครอยากได้อวัยวะอายุเกิน60หรอก และไม่ใช่เบื่อ เครียด เซง ฆ่าตัวตาย อันนี้ไม่ถูกต้อง
วัยแรงงานมีหน้าที่จ่ายภาษี เพราะรัฐลงทุนเรื่องการศึกษาไปแล้ว
ส่วนเกษียณแล้ว ไม่มีเงินเก็บ ใช้ชีวิตต่อไม่ได้ การการุณยฆาตก็ถือว่า win-win คนได้ตาย รัฐไม่ต้องดูแล

มีเพียบอะ

ผมว่าฆ่าตัวตายมันไม่ได้ยากนะ ขึ้นไปตึกสูงๆแล้วโดดลงมาก็จบแล้ว แต่คนไม่ทำกัน เพราะว่าถึงเวลาจริงๆมันไม่ได้ง่ายหรอก

คนจะรับการุณฆาต น่าจะมีแค่คนที่เค้าเป็นโรคร้ายแรง ชีวิตเหลืออีกไม่เยอะ แล้วมันเจ็บป่วยจนทนไม่ไหว ถึงจะกล้ารับแหละ คนปกติไม่กล้ารับกันหรอก ถึงจะบอกว่าตัวเอง 60 แล้วจะไม่อยู่แล้ว แต่พอตัวเองถึง 60 จริงๆมันก็อยากอยู่ต่อแหละ มันธรรมชาติของมนุษย์ ถ้าไม่หนักจริงๆไม่มีใครอยากจะอยู่ดีๆตายหรอก

ส่วนตัวผมไม่เห็นด้วย แต่ก็ทางเลือกของใครของมัน

ผมว่าคนอาจจะไม่ได้กลัวการตายแต่กลัววิธีการตายด้วยแหละฮะ..

ผมเป็นคนนึงเลยนะฮะที่ถึงเวลา (อายุที่เหมาะสม และไม่มีห่วงอะไรแล้ว) อยากไปสบายๆแบบฉีดยา หลับแล้วจากไป

โดยไม่ต้องรอให้เป็นโรคร้ายหรือเกิดอุบัติเหตุจนทุพลภาพก่อน ไม่อยากมีชีวิตที่ทรมาณอ่ะฮะ..อยากไปแบบไม่ทุกข์กายทุกข์ใจ

แต่ยังงัยก็ไม่เลือกโดดตึก โดดรางรถไฟ โดดบ่อจระเข้ หรือผูกคอตายอ่ะฮะ มันก็มีช่วงที่ทรมาณก่อนตายให้ panic อยู่ดี

ไม่นับเรื่องที่ว่าทำเองแล้วดันไม่ตาย กลายเป็นต้องทรมาณยิ่งกว่าเดิมอีกนะฮะ (ผมว่ามีคนจำนวนมากเลยที่ไม่กลัวตายเท่ากลัวทรมาณ)

ใดๆก็ตามอยากให้ภาครัฐ(หรือจะร่วมเอกชนก็ได้) เริ่มเรื่องนี้แบบจริงจังอ่ะฮะ ศึกษาทุกๆทางรอบด้าน ข้อดีข้อเสีย ปัญหาติดขัด

คือไม่ต้องรีบให้เสร็จก็ได้ แต่ขอให้เริ่มหน่อย ติดอะไรแก้ได้มั๊ย ถ้าท้ายที่สุด มันติดจนไม่สามารถออกกฏหมายนี้ได้ ก็ยังถือว่าศึกษาแล้ว

ทุกวันนี้สิ้นหวังเหลือเกิน รุ้สึกหัวข้อนี้ไม่ได้ไปไหนเลย เอาแต่เรื่องศีลธรรมมาตัดจบ

แต่ผมเชื่อนะ ส่วนใหญ่คิดกัน แต่พอถึงเวลาจริงๆ มันไม่มีใครอยากตายหรอก นอกจากมีเหตุจริงๆ อย่างโรคร้ายแรง

เพราะงั้นผมว่า ถ้ามีการุณฆาต ต่อให้ถึงเวลาจริงๆมันไม่มีใครจะฆ่าตัวตายหรอก ถ้าไม่ได้แบบชีวิตหดหู่ หนีปัญหา ซึมเศร้า หรือเป็นโรคร้ายรักษาไม่หาย ถึงเวลาจริงมันไม่มีใครรับการุณฆาตหรอก

จริงๆผมหมายถึงตัวเองเลยแหละฮะ 555..ถ้าวางแผนขนาดตกลงกับเมียตอนก่อนแต่งแล้วว่าจะไม่มีลูก (ตอนนี้แต่งมาจะครบ 10 ปีละ)

เชื่อเถอะฮะว่าผมต้องการจริงๆ เป็นโจทย์/จุดหมายชีวิต อันดับ 1 มาตลอดเลยฮะ..ไม่เคยเป็นซึมเศร้า ไม่ได้มีปัญหาชีวิตอะไรเลย

(แต่ท่านก็อาจจะมองว่า "ใช่สิ ตอนนี้เอ็งก็พูดได้ ถึงเวลาจริงเอ็งก็คงไม่กล้าตายหรอก")

ผมมองว่าอย่างน้อยๆมันก็สามารถมี process ล่วงหน้าไว้ก่อนได้ฮะ..เรื่องพวกนี้ไม่ควรคิดได้แล้วรีบทำเลย (อารมณ์ชั่ววูบ)

ต้องผ่านกระบวนการ ไม่ว่าจะตรวจสอบการเงิน(ไม่เป็นหนี้ใคร) คดีความ(ไม่ได้ต้องโทษกฏหมายมา) สภาพจิต ฯลฯ

คือมีหลายๆขั้นตอนก่อนจะผ่าน (รวมทั้งมีค่าใช้จ่าย) เพื่อเป็นตัวกรองว่าพร้อมจะไปจริงๆอ่ะฮะ ใครไม่พร้อมก็ยกเลิกระหว่างทางได้

ผมมองว่าการตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง (โดยไม่เดือดร้อนผู้อื่น) ควรจะเป็นอิสระในการตัดสินใจของบุคคลนั้นๆอ่ะฮะ

ยังไงก็ไม่มีทางเสรี่ขนาดนั้นนะ คงมีกฏเกณฑ์หยุบหยับไปหมด เช่น ป่วยเป็นโรคร้ายแรง โรคที่สร้างความทรมาณกับร่างกาย ไรงี้

อยากตายก็ส่วนหนึ่ง แต่หมออยากทำมั้ยอ่ะ ขนาดประหารชีวิตเพชรฆาตยังไม่ค่อยอยากทำเลย เคยดูรายการไหนซักรายการ แต่ถ้ามีจริงก็ต้องควบคุมอ่ะ
- เรื่องอายุควร 60 ปีขึ้นไป
- ควรมีญาติยินยอม หรือไม่ก็ต้องไม่มีครอบครัว
- แพทย์ลงความเห็นว่าวิกลจริต ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เป็นโรคร้าย
- เรื่องหนี้สินอีกล่ะ จะขอตายหนีหนี้มั้ย มีความผิดอะไรงี้อีก

เท่าที่คิดก็ประมาณนี้

คนขี้แพ้ซึมเศร้าเยอะมากครับ เครื่องไม่พอด้วยซ้ำ