ดูบอลมา 20 กว่าปี ผ่านคำพูดปากหวานจากนักบอล จากโค้ชมาแล้วแทบจะทุกรูปแบบ จนทุกวันนี้ ใครพูดอะไรหวาน ๆ คือผมไม่อินแล้ว และแฟนบอลรุ่นใหม่ (จริง ๆ ผมก็รุ่นใหม่นะ ดูบอลมาตั้งแต่ 2006) บางคนก็อย่าไปอินอะไรกับมันมาก ยิ่งโดยเฉพาะเด็กหงส์ ผมบอกเลยว่าเจ็บมาเยอะแล้ว เอาที่ผมทัน ก็ตอนตอร์เรส ปากบอกจะไม่เล่นทีมไหนในอังกฤษอีก แม่งก็ไปเชลซีวันสุดท้ายของตลาด

หรือแม้แต่แบบซัวเรซ ถึงขนาดตั้งชื่อลูกว่า Delfina เพื่อให้แบบสอดคล้องกับคำว่า Anfield ไอเราก็คิดว่ามันจะผูกพันธ์กับลิเวอร์พูล มาก ๆ พอยิงหงส์ได้ แม่งดีใจซะงั้น

นี้ยังไม่นับเคสของทีมอื่นอีกนะ อย่างฟาเบรกัส ไปเชลซี ตอนอยู่น่อล ก็บอกไม่มีวันไปเชลซี

เพราะงั้นคำพูดของไอเทรนต์ ก็ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก หรือต่อไป มีใครพูดอะไรหวาน ๆ อีก มันก็แค่คำพูดที่ผ่านมา แล้วผ่านไปเท่านั้นแหละ น้อยคนที่จะเป็นแบบเจิด, ต้อตติ, เดล ปิเอโร่

ผมไม่เคยรู้สึกอินกับนักเตะไหนเลยในโลกนี้นะเพราะรู้อยู่แล้วคำว่าตลอดไปไม่มีจริงหลอก ไม่ย้ายทีมก็แขวนสตั๊ด ขนาดทีมที่เชียร์มาเมืองไทยยังไม่สนใจจะไปดูไปเจอทั้งๆที่ผมสามารถเข้าถึงพวกนักเตะได้อย่างใกล้ชิดเหมือนพวก อินฟูลเมืองไทยทำได้เลยนะ

ผมว่าเราอย่าไปคาดหวังว่าใครจะต้องทำอะไร คิดอะไร พูดอะไร รู้สึกอะไร ให้ตรงกับที่เราคิด น่าจะเป็นหลักที่ใช้ได้กับทุกเรื่องในชีวิตนะครับ

บางที บางสิ่งที่นักเตะพูดมันก็มีความจริง ณ ขณะนั้นแฝงอยู่ เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริง ๆ ไม่ได้ปรุงแต่ง
แต่เวลาผ่านไป คนเราจากที่เคยเชื่อ เคยรัก ในบางสิ่ง ความรู้สึกมันก็เปลี่ยนแปลง มีปัจจัยภายใน ภายนอก มาทำให้เปลี่ยนแปลงได้ กรณีของไรจเดอร์สก็เป็นตัวอย่างที่ดี

เป็นธรรมดามาก ๆ เลยครับ ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน อีก 100 ปี สโมสรลิเวอร์พูลก็คงยังอยู่ แต่คนในยุคนั้นจะมายี่หระกับเรื่องพวกนี้ไหม ผมคิดว่าไม่เลยครับ สิ่งสำคัญคือผมว่าเราคิดดี ทำดีต่อกัน เมื่อยังมีโอกาสดีกว่าครับ

ผมว่าธรรมชาติของคนเราเวลาเราเจอคนที่ "พูดแล้วทำไมไ่ด้อย่างที่พูด"แล้วมานั่งด่าไอพวกนี้ มันไม่ใช่เรื่องอินไม่อินหรอก มันก็แค่เรามานั่งด่าคนที่ทำพฤติกรรมที่สมควรจะโดนตำหนิติเตียนคนหนึ่ง เช่น ดาราที่เจ้าชู้ที่ก่อนหน้านั้นตัวเองบอกจะรักเดียวใจเดียว , คนใหญ่คนโตโกหกหลอกลวง หรือนักการเมืองที่ทำไม่ได้ตามที่หาเสียงไว้ (ทั้งที่เราก็ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะทำได้อย่างที่มันพูดอยู่แล้ว) ยกตัวอย่าง..อย่างกรณี นักร้อง ตน. เวลามันพูดอะไร90% คนก็ไม่เชื่อลมปากมันหรอก(ไม่อินนั่นแหละ) แต่พอถึงเวลามันก็ดันทำตามที่พูดไม่ได้จริง การจะโดนผู้คนก่นด่าสาปแช่ง+ขยี้ มันก็เรื่องปกติแม้คนเค้าจะไม่ได้อินหรือเชื่อคำพูดมันตั้งแต่แรกก็ตาม

อย่างนักฟุตบอล ผมก็คิดว่าส่วนใหญ่มันก็ไม่เชื่อสนิทใจหรอกว่ามันจะพูดออกมาจากใจจริง แต่ในเมื่อมันพูดแล้วทำไม่ได้อย่างที่พูดก็สมควรโดนตำหนิ ไม่ได้ต่างไปจาก นักร้อง ตน.อะไรนั่นเลยครับ

อาชีพนึง

นักฟุตบอลก็เป็นคน การเล่นฟุตบอลก็คืออาชีพ

การภักดี บางครั้งอาจเป็นผลร้ายกับตัวเอง

ดูอย่าง เดเคอา คาซิยาส

การมาเล่นให้......คือความฝัน

เห็นมาเป็นร้อยๆคนละฮะ พูดตอนเซ็นสัญญา สุดท้ายรักทีมจริงๆ ไม่ถึง10%

ส่วนตัวไม่เชื่อไรมาก
น้อยคนจะทำตามที่พูดออกมาได้ เวลาเปลี่ยน ความคิดเปลี่ยน เป็นกันทุกคนนั่นแหละ

ขอยกไว้คนนึงแล้วกันครับ ท่านรองแอ็กเกอร์ คนนี้ของจริงเรื่องรักทีมรักสโมสรเลย และเชื่อว่ามาจากใจแกจริงๆ ผมนับถือใจแกมากเลย

ให้เค้าอินไปเหอะ ผมชอบอ่านมันตลกดี

จะอินไม่อินมันเป็นความรู้สึกผู้ฟัง แต่คำพูดมันออกจากปากคนพูด จะเสียคนไม่เสียคน คนฟังเป็นคนตัดสิน ความรุนแรงของคำพูดมันมีองค์ประกอบอีกหลายอย่างครับ

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์: “ กัปตันทีมลิเวอร์พูลคือสิ่งที่ผมใฝ่ฝันมาโดยตลอด และเป็นสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผม”
"ผมคิดเสมอมาว่าลิเวอร์พูลคือสโมสรที่ผมใฝ่ฝัน เมื่อผมเติบโตขึ้น ความฝันของผมคือการได้เล่นให้กับสโมสรแห่งนี้ แต่ตอนนี้ผมกำลังใช้ชีวิตตามความฝัน และผมไม่คิดว่าความฝันนั้นจะเปลี่ยนแปลงไป.."

เอามาให้อ้วกกันอีกครั้งนึง

อยู่กับคนล้วนๆ แบบท่านรองแอกเกอร์แกก็พูดหลายครั้งว่าสนใจย้ายไปบาซ่า
แต่เลือกลิเวอร์พูลก่อนและถ้าสโมสรไม่ขายก็ไม่ย้าย
คือไม่ได้ดิ้นรนอยากไปใจจะขาดทำทุกทางแบบคนล่าสุดเลย

บอร์ด SS มันก็แบบนี้แหละครับ