เป็ดกับหมี่หยกยังแบกไม่ไหว เลยออกมาเวย์นี้

จริง ท่านวิเคราะห์ได้ตรงมาก เอ็มเค ทำสุกี้มานาน ระบบหลังบ้าน ก็พร้อม จะลงตลาดบุฟเฟต์ ไหงตกม้าตายซะอย่างนั้น แล้วบอกเลยว่า ค่าความน่าเชื่อถือ จากการไปแล้วไม่ได้กิน แพงกว่าเงินที่ขาดทุนไปอีก คิดดูว่าไปแล้วไม่ได้กิน คนจะจำฝังใจขนาดไหน ไปกินที่ที่ได้กิน สบายใจกว่าเยอะ ยิ่งแก้ ยิ่งลงเหว พลิกวิกฤติเป็นหายนะของจริง (ผมมองว่า ความเชื่อมั่นของลูกค้าสำคัญมาก ไปทำให้ความเชื่อมั่นตก คนก็บาย)

ผมว่ามาจากอีโก้ของตัวเองเป็นหลักเลยครับ สนามนี้ MK ไม่เคยถนัดเลย และไม่เคยมองว่าเป็นตลาดที่ตัวเองจะเล่น หรือ จะโดนแย่งลูกค้าจาก segment ตัวเองไปได้ เลยไม่ได้ใส่ใจมองแต่แรก แล้วดันสวนทางกับทิศทางเศรษฐกิจในประเทศ ทำให้กำลังซื้อลงอย่างมีนัยยะสำคัญอีก ตลาดของตี๋น้อยเลยดูใหญ่ขึ้น และขยายตัวขึ้นจนกลายเป็น new norm ไปเฉยเลย


ส่วนตัวผมไม่ได้มองว่าตี๋น้อยไม่โดนรับน้องหรอก แรกๆยังไงก็ต้องโดนครับ แต่ไม่ได้โดนจากคู่แข่ง แต่มันโดนแรงกดดันจากการเปรียบเทียบ แต่ด้วยความที่เป็นราคาถูก คนมันเลยลองกันได้เยอะ และดันทำได้ดีสมราคา คนมันเลยติด


MK ควรจะได้เปรียบในเรื่องของซัพพลายเชนแน่นอน แต่ที่ได้เปรียบ ดันไม่ใช่ในตลาดคุณภาพระดับตี๋น้อย นั่นแปลว่า MK เองก็ต้องหาซัพพลาย segment ใหม่ๆเหมือนกัน พูดง่ายๆคือรับมือช้าไปในระดับนึงเลย

ผมว่า ลึกแล้ว mk cost of operations สูงถึงสูงมากๆครับ เลยลดบาร์ลงไม่ได้ ผมเชื่อว่า วัตถุดิบ sourcing กยังไงก็สู้ ตี๋น้อยได้ mk อยู่ใน position ที่ supplier ต้องยอมไม่ใช่ ตัวเองยอม supplier แต่ลึกคือ อาจจะเป็นที่ culture องกรณ์ ผู้บริหารระดับสูง หรือพนักงาน อาวุโส น่าจะ เงินเดือนมหาศาล ซึ่งพอไม่ได้ lean องกรณ์ ต้นทุนตรงนี้อาจจะบวม กว่า ตี๋น้อย ซึ่งเป็นหน้าใหม่ แต่เอาง่ายๆ mk สาขาพนักงาน ที่อยู่มานาน + ผู้จัดการ + ค่าเช่าที่ vs ตี๋น้อย + พนักงานพม่ารายวัน + ผู้จัดการเชื่อว่าเงินเดือนน้อยกว่า mk แน่ๆล่ะ ค่าเชื่อที่ที่อยู่นอกห้าง ตรงนี้ น่าจะเป็นหมุดสำคัญที่ ทำให้ mk ขยับตัวยากมากๆ ในตลาดนี้ จะลงทุนแตกแบรนด์เพิ่มก็เสี่ยงเรื่อง เงินสดอีก ผมว่า ตัว สถานการณ์ตอนนี้ที่ mk มี ไปเล่นตลาด ติ่มซำบุฟเฟ่ ยังดูดีกว่าอีก 299 เป็ดย่าง หมูกรอบ ติ่มซำ ขนมหวาน ว่าไป ผมว่าคนน่าจะให้การตอบรับ

ก็ถูกครับ อย่างที่ผมบอกแหละคือมันเป็นธุรกิจคนละชนิดกันเลย โครงสร้างมันต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้ได้ต้นทุนที่ต้องการ มันไม่ใช่แค่เรื่องของซัพพลาย


มันคือปัญหาการลด scale ของธุรกิจแหละครับ บริษัทใหญ่ๆมักจะมีปัญหาการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างแบบนี้ทุกที่ วิธีแก้ส่วนใหญ่ที่ทุนใหญ่ๆเค้าใช้กันคือ เทคโอเวอร์บริษัทที่มี potential ในตลาดนั้นๆอยู่แล้วมาแข่ง หรือไม่ก็เทคคู่แข่งไปเลยจบๆ