ฟลอเรียน เวียต แฟนบอลอาจต้องทำใจว่าดีลนี้จะลากยาว
เคลียร์ประเด็นโฟล : แฟนบอลอาจต้องทำใจว่าดีลนี้จะลากยาว
คืองี้ครับ ก่อนหน้านี้ทางเยอรมันบรีฟข่าวว่าข้อตกลงน่าจะจบที่ 140 ล้านยูโร (118 ล้านปอนด์) แต่เมื่อสักครู่ ผมเห็นรายงานว่าคุณโรลเฟสยังจะพยายามดึงไป 150 ซึ่งลิเวอร์พูลจะไม่ไปถึงจุดนั้น
ทีนี้ แฟนบอลบอกว่าให้ถอยไปหาคนอื่น ผมเลยจะมาอธิบายว่า ทำไมการถอยจากดีลโฟล อาจหมายถึงการ "ยกเลิก" กลางรุกไปเลย
1) ตอนแรกทีมเราไม่ได้จะซื้อกลางรุกครับ จนกระทั่งเทรนต์ย้าย ก็เลยจะหาตัวสร้างสรรค์เกมมา
2) เราติดต่อโฟล แล้วน้องมีใจ เราเลยจะทุ่มให้สุดเพื่อให้น้องมาให้ได้ แต่คำว่าสุด ไม่ได้หมายถึงยอมโขกสับจนเกินลิมิต
3) ผมขออธิบายง่าย ๆ ว่า โฟลจะให้อะไรเรา ข้อนี้สำคัญ จะได้เห็นภาพว่าทำไมผมถึงพยายามบอกว่า มันไม่มีคนอื่นแล้วในตลาดรอบนี้
กลางรุกทั่วไป จะรอรับบอลอยู่แดนบน วิ่งหาตำแหน่งบ้าง พอได้บอลแล้วจะเลี้ยง จ่าย ยิง อะไรก็ว่ากันไป
แต่โฟลมันเล่นเหมือนเคยถูกฝึกมาจากลามาเซีย น้องจะสแกนคู่แข่งและเพื่อนตลอดเวลา แล้ววิ่งไปตำแหน่งที่รับบอลได้เปรียบที่สุด
เช่น น้องอาจจะวิ่งไปรับบอลทางขวามือ แต่พอหันหลังได้บอลแล้วจะเปลี่ยนทิศไปทางซ้ายทันที ก็คือขยับทีเดียวหลุดเลย
โฟลยังวิ่งลงมารับบอลแดนล่างด้วย เพื่อช่วยเชื่อมเกม แล้วยังจ่ายบอลเร็วด้วย
ยังไม่พอ น้องมันยังขยันแย่งบอลด้วย คือถ้าได้ดูเนชั่นลีกส์ก็จะเห็นจังหวะแย่งบอลจากเท้า แล้วขึ้นเกมต่อได้เลย
ปีที่แล้ว เราพลาดได้ซูบีเมนดี้ใช่มั้ยครับ แต่เราโชคดีที่กราฟของเราดันเกิดใหม่ แต่นั่นคือชล็อตดึงทักษะการพลิกบอลของน้องมาเสริมด้วย mindset เกมรับ
โฟลก็เหมือนซูบีเมนดี้อะครับ แต่เป็นซูบี้ในแนวรุก
แม็คเล่นข้างบนได้มั้ย ได้ครับ แต่แม็คไม่ได้มีความพริ้วแบบโฟลนะ สอดไปยิงได้ จ่ายดี แต่จะให้มาเลี้ยงหลบ 2-3 คน แม็คทำไม่ได้ครับ
กราฟ จ่ายบอลไม่ดีพอครับ JK เคยลองเอาไปเล่นข้างบนแล้ว มีแต่จ่ายเสีย
ถ้าเราถอยจากดีลนี้ตอนนี้ ก็คือล้มกลางรุกไปเลย แล้วไปดีลกับกองหน้า ซึ่งกองหน้าในตลาดรอบนี่ ก็ยากครับ มันไม่ได้ต่างจากโฟลเลย
เพราะงั้น ทางเลือกของลิเวอร์พูลตอนนี้คือหาทางแงะโฟลมาจากเลเวอร์คูเซ่นให้ได้ครับ มีทางเดียว
อดทนเท่านั้นครับ ไม่งั้นก็จบ ทิ้งโอกาสโดยที่ความจริงแล้ว ตลาดซัมเมอร์รอบปกติยังไม่เปิดเลยด้วยซ้ำ
ถอยตอนนี้อาจเหลือแต่ความว่างเปล่า เพราะทีมคู่แข่ง อาร์เซน่อล เชลซี ซิตี้ เขามีกลางรุกกันหมด
#JB #ไดอารี่คนบ้าบอล #ลับพรางลวง
ที่มา: ไดอารี่คนบ้าบอล