คุ้มจัด รถผม 9ปี ขับไป 180k ท่านขับจะแซงละรู้เลยว่าขับรถเยอะแค่ไหน ช่วงหลังๆผมขับปวดตูดชิบเวลานานๆ

วิ่งคุ้มดีครับ ปีนึงประมาณ 5 หมื่น ของผมปีละ 2 หมื่นโลเอง

ระบบแอร์เป็นแอร์ไฟฟ้าด้วยไหมครับ

รอตาม% สุขภาพแบตเลยครับ รถจะน่าซื้อไม่น่าซื้อ ตัวนี้สำคัญมากเลยสำหรับผม

ยูสนี้ใช้คุ้มจริง ยิ่งใช้เยอะยิ่งคุ้มอะรถไฟฟ้า

บ้านผมรถไฟฟ้า2คันแล้วสุขภาพแบตถือว่าสำคัญน้อยสุดเลยเข้าศูนย์ไม่เคยขอเชคซักครั้ง 5555
2แสนโล2ล้านโลเสื่อมก็ให้มันเสื่อมไป ชาร์จบ่อยๆเอา ชีวิตประจำวันผมใช้แค่ขับข้ามอำเภอไป 70โล กลับ70โล
แค่นั้นเอง ปรกติชาร์จบ้าน
แบต100วิ่งได้500 วิ่งจริงได้350
แบตเสื่อมซัก70 วิ่งได้350 วิ่งจริงเหลือ200โล มันก็ยังอยู่ในระยะชีวิตประจำวันผมอยู่ดีไม่รู้ซีเรียสเรื่องแบตทำไมครับ

ไฟฟ้าครับ เห็นมีพัดลมหน้าเครื่องอยู่ครับ

ขอโทษครับผมกดผิดตรงเรื้อน มันยกเลิกได้ไหม สำหรับผมจำเป็นครับ เพราะมันคือปัจจัยในการที่จะใช้เลือกอายุรถคันต่อไปหลังจากคันนั้น ถ้ามันลดเยอะมันจะทำให้ราคาขายต่อรถไฟฟ้าตกลงไปมาก แต่ถ้ามันลดน้อย มันก็จะทำให้น่าใช้ขึ้น มันจึงเป็นปัจจัยหลัก ข้อ 2 ตัวผมวิ่งทางไกลเยอะ ถ้าเราใช้ยานพาหนะ รถ NEDC วิ่งจริงตีไป 70-80% ได้ WLTP เราใช้เหลือ 20% ต้องเล็งที่ชาร์จ ชาร์จไป 80-90% ต้องหยุด เท่ากับระยะทางจริงหลังจากการชาร์จระหว่างเดินทางมันได้น้อยกว่าตัวเลข NEDC ไปอีกโข สำหรับผมที่มีกำลังซื้อรถและเติมน้ำมันไหวอีกไกล เวลาในการใช้ชีวิตมีค่าเพราะต้องรีบเดินทางไปหาคนรักมันจำเป็นกว่า เลยต้องมอง %แบตครับ รวมถึงการที่ต้องขายรถคันเก่าแล้วให้มีเงินพอดาวน์คันใหม่ในอนาคตแบบไม่ต้องเก็บเพิ่มเยอะมันจำเป็นสำหรับผมด้วย ซึ่งตรงนี้ผมว่ารถน้ำมันจะขายต่อได้ราคาดีกว่ารถแบตแน่นอน เลยต้องพินิจพิเคราะห์มากขึ้นกว่าครับ

ไม่เป็นไรครับ แหะๆ

เชื่อผมถึงวันที่คุณพร้อมจะซื้อรถไฟฟ้า รถที่จะซื้อรับไฟชาร์จได้เยอะขึ้นมาก(แมวรับไฟสูงสุดได้แค่60Kwhเอง T_T) จุดชาร์จไวจะมีขึ้นอีกมากๆๆๆๆๆ แล้วใช้สูตรผมแวะก็ชาร์จเลยทำธุระเสร็จไปต่อ จะไม่พะวงเรื่องการเติมไฟเลย

เรื่องขายต่ออันนี้ไม่รู้จริงเรื่องของอนาคต แต่แนๆรถน้ำมันก็ตกเยอะ ไฟฟ้าตกเยอะกว่ามาก 5555

ดูยังไงว่าเหลือเท่าไหร่ครับ

ผมใช้ตัววัดความลึกดอกยาง ผมใช้ตัวนี้ร้อยนิดๆ