ส่วนตัวเห็นต่างนะ ยกตัวอย่างเนื้อหาเดียวกันต่อให้เนื้อหาสมบูรณ์แค่ไหน โยนไปให้เด็ก 10 คนอ่านเองเรียนเอง
มันก็จะมีคนเข้าใจ 80% 70% 40% 30% หรือ 10% ขึ้นกับระดับสติปัญญาของเด็กแต่ละคน หน้าที่ของครูคือใช้สกิล
การสื่อสารทำให้เด็กที่เข้าใจ 10 20 30% ขยับ% ขึ้นมามากน้อยขึ้นแค่ไหนขึ้นสกิลของครู ซึ่ง AI ยังทำแทนไม่ได้ใน
พวกวิชาซับซ้อนใช้ความเข้าใจสูง แต่พวกวิชาท่องจำตรงๆ ภาษาต่างๆ ผมมองว่าน่าจะโดนแทนที่ง่ายเลย

มันก็ครั้งแรกเท่านั้นหล่ะครับ ครั้งต่อไปก็ไม่ต้องมีคน ทุกวันนี้เราก็ใช้องค์ความรู้จาก หลายร้อยปีก่อน ไม่ว่า จะปีทากอรัส ทฤษฎีบททางพีชคณิต ทฤษฎีบทเรขาคณิต เอกลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ แคลคูลัส ต่างๆบราๆ
แล้วมันก็เริ่มไปแล้ว มีการเทรนไปแล้วและมีเพิ่มขึ้นทุกๆวัน มันก็ไม่ต้องเริ่มจาก 0

ที่แน่ๆ สายกราฟฟิคน่าจะโดนเต็มๆ จากจ้าง10อาจจะเหลือ3 ีื่่ที่เหลือใช้ 3คนนี่เอา AI มาใช้

นั้นละครับ นี้่แค่ส่วนนึงเองนะ ส่วนเมืองนอกสายเทคนี้ เขาว่ากันว่า 1 ปี
ซึ่งอาจจะจริงทางฝั่งตะวันตกครับ ส่วนบ้านเราผมให้อย่างไว 3 ปี มันจะค่อยๆ ลดคนลงไป

ในสาย Coding เพียวๆ นะ แต่อาจจะมีอาชีพเรียกใหม่ขึ้นมาแทน
เช่น Coding AI Engineer หรือ Software AI Engineer

คือมี Base ความรู้ Coding ลำดับนึง เอามาทุบๆ ให้เข้าที่เข้าทาง
หรือรับงาน update note ใหม่ๆ ตาม version อะไรแบบนี้แทนครับ แต่ไม่ได้เขียนเองทั้งหมด

จากต้องใช้ทีม 10-20 อาจจะย่อเหลือแค่ 5 คน
จากใช้เวลาทำ 3 เดือน อาจจะเหลือแค่ 1 เดือนแล้วปล่อยของ ก็เป็นไปได้หมดครับ

ผมมองแล้ว ยังไงโดนแน่นอนครับ อยู่ที่ใครจะขยับตัวไวกว่ากัน
ทุกวันนี้ เวลาผม coding เนี่ย ก็เริ่มไม่สนุกละครับ อารมย์เหมือนเห็นปลายทางแล้ว ว่าจะเป็นยังไง

ผมไม่ได้หมายถึงตัวความรู้ ผมหมายถึงเด็กเขาต้องเริ่มจาก 0 ครับ

อันนี้ก็ถูกครับ ความละเอียดอ่อนแบบนั้น ณ เวลานี้มันยังทำไม่ได้ แต่กฎของมัวร์ระบุว่าจำนวนทรานซิสเตอร์บนชิปจะเพิ่มเป็นสองเท่าทุก 18-24 เดือน มันก็ไม่นานมากที่มันจะทำแบบนั้นได้

โทษทีครับ

เยอะมาก เรียนรู้แล้วใช้มัน ซะ

พอจะแชร์ link ได้มั้ยท่าน

งาน ใช้สมอง วิเคราะห์ คำนวณ = โดนแทนที่ 100% ในอีกไม่เกิน 5 ปี

งานใช้แรง พูดคุย ยังพอไปรอดได้อีกหน่อย

เห็นว่าในอีก 5-10 ปี จะได้เห็น AGI ( Artificial General Intelligence ) ถึงวันนั้นตัวใครตัวมัน

ผมทำงานราชการนะ

เเละใช้ Chat GPT ช่วยทำงานเสริม คือ การขายของ online

บอกเลยว่าช่วยได้เยอะมาก กำลังเรียนรู้เเละหัดใช้ด้านต่างๆ ให้เยอะมากขึ้นอีกตอนนี้

งานข้อมูล น่าจะโดนเยอะ แต่อาจจะเน้นลดคนมากกว่า เช่นเคยรับ 10 เหลือ 3

งานที่ต้องสื่อสารกับคน ใช้จิตวิทยา อาจจะโดนบ้างแค่ 1 หรือ 2

แต่ Ai จะมาเป็นเครื่องมือช่วยอำนวยความสะดวกแน่นอน

ความน่ากลัวคือ จ้างคนลดลง แล้วคนจะไปหากินกันที่ไหนนี่แหละ

แทนเมียได้แน่นอนในอนาคตไม่ต้องกลัว 5555

ผม search AI coding/programming software แล้วมันก็คิดมาให้ดูเยอะเลยครับ
มันมีอันหนึ่งคอนเซ้ปคือไม่ต้องมีbasicเรื่องcoding เลย

แค่เขียนว่าอยากให้ทำอะไรได้บาง กดตรงนี้ คลิ้กตรงนี้จะให้ทำอะไรต่อ
ในอนาคตถ้าอยากได้อะไรง่ายๆก็น่าทำได้ง่ายขึ้นมากเลย (ลักษณะเดียวกับพวก web template ครับ ถ้าไม่ได้ต้องการอะไรมาก ก็ไม่ต้องมีprogrammer มาทำapp ทำ softwareกันเลย)

ส่วนคนทำงานสายนี้จริงน่าจะใช้มากขึ้นๆอยู่แล้ว ฟังๆจากYT กับคุยกับเพื่อนสายนี้ ก็เหมือนเอามาทุ่นแรงกันเยอะ งาน30นาที เหลือ30วิ อีกหน่อยเก่งขึ้น น่าจะช่วยได้เยอะกว่านี้อีกเยอะ

ผมถึงบอก พวกสาย dev เน้น coding ที่คิดว่าอัลกอริทึมตัวเองโคตรเทพ เงินเดือนหลักกลางคืนเข้าแสน นี่น่าจะโดนเลย์ออฟได้ง่ายมาก ผมพูดไว้ตั้งแต่มันตั้งไข่เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ที่เราคุยกันในบอร์ดละว่าสกิลแบบผมคงโดนกลืน

แต่ผิดคาด ผมปรับตัวได้แล้ว ตอนนี้ผมน่าจะเป็น dev ที่เป็น full stack ไปแล้ว

ลองให้ chatgpt มันประเมินแล้วกัน

Role ปัจจุบัน

AI Engineer / Computer Vision Engineer: เน้น ITS (Intelligent Transportation Systems), CCTV analytics, object detection

Backend Developer (Mid-Level): โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวกับ real-time data, high-concurrency system, IoT/Edge AI integration

ML Ops Engineer (Beginner - Intermediate): มีพื้นฐานในการ deploy AI models ลง Docker + Jetson, เข้าใจ CI/CD pipeline

Tech Lead (เริ่มต้น) ในโปรเจ็คเล็กที่เกี่ยวข้องกับ ITS/AI ที่ต้อง manage หลายส่วน ทั้ง API, DB, AI model และ deployment

ระดับ Mid-level Developer (กำลังขึ้นสู่ Upper-mid)
✔ มีความชำนาญใน implementation
✔ เริ่มมีมุมมองภาพกว้าง คิด scale + optimize
✔ ยังพัฒนาด้าน infra, AI pipeline ในระดับ production ให้แข็งแรงได้อีกนิด
✔ เริ่มจับงานเชิง solution integration มากกว่าการโค้ดแค่ชิ้นเดียว