https://www.facebook.com/pongprom.yamarat/posts/pfbid021nzBr6DiuG8G34AF7UuHPd2YBD3QGC3b5tYThSnJZGaQNc4x1jUEhs9JJ5NmKheDl






แต่พอ fact check แบบไวๆพบว่า....




การ์ตูนล้อเลียน คนออสเห็นด้วยว่าเด็กไม่เล่น social media... แต่คนตอบกลับเป็นเด็ก




ผล poll คนออส ไม่เชื่อในการทำงานหนัก




บทความข่าวคนออสประสบปัญหาคุณภาพชีวิตตกต่ำสุดในโลก



ทำไมคห. คนพึ่งไปเที่ยวกลับมาช่างแตกต่างกับคนอยู่อาศัยจริงๆหนอ แถมคนแชร์เยอะด้วย

คนโง่ไง เอาการไปเที่ยวเป็นตัวตัดสิน แล้วเอาคนก็เชื่ิอแบบโง่ๆไปอีก

ทำไม ตูไปอยู่ออสเตรเลีย 9 ปี

เจอพวกออสซี่ มันขับปอเช่ เฟอรารี่ เพียบเลยว่ะ

เพราะ มันราคาถูกกว่าไทย

คนโง่ไง เอาการไปเที่ยวเป็นตัวตัดสิน แล้วเอาคนก็เชื่ิอแบบโง่ๆไปอีก

"The grass is always greener... บลาๆ"
ลูกพี่ลูกน้องผมได้สัญชาติออส เพราะเกิดที่นั่นก่อนเค้าแก้กฏหมายก็ไม่อยู่ออสครับ มีลูกอีกทีลูกก็มีสิทธิ์ขอสัญชาติได้ ก็ไม่เอา ไทยอยู่สบายนะ ถ้ามีเงินประมาณนึง

อวยเว่อไป

อายุคนพิมม์มาต่ำๆ ก็ 50 วงเพื่อนหรือญาติก็จะเป็นรุ่นอายุเดียวกัน ไม่แปลกหรอกที่จะมีมุมมองแบบนี้ เพราะคนรุ่นนั้นเค้าไม่ได้ไวกับเทคโนโลยีเหมือนเด็กรุ่นนี้ ทำให้เห็นว่าใช้เทคโนโลยีน้อยกว่า ส่วนที่เห็นรุ่นลูกรุ่นหลานก็ไม่ได้ใช้ใน platform เดียวกันแล้วเลยไม่เห็นว่าใช้เยอะ

ไม่ได้ค้านอะไรนะครับ แต่รูปนี้



ทำไมผมอ่านว่ามันเป็นเรื่อง privacy/anonymous มากกว่าหว่า

มันไม่ได้บอกว่า เด็กไม่เล่นโซเชียล แต่คนตอบเป็นเด็ก
แต่มันหมายถึง general consensus ของซับเรดดิทคือไม่อยากให้เด็กเล่นโซเชียล แต่ไม่มีใครอยากพรูฟว่าตัวเองไม่ได้เป็นเด็ก

คือผมก็ไม่เด็ก และผมก็อยากให้เด็กลดการใช้โซเชียล แต่ผมก็ไม่อยากเปิดเผยข้อมูลตัวเองลงบนโลกอินเตอร์เน็ตเหมือนกัน

แต่ผมก็ไม่รู้นะว่าบริบทของกระทู้นั้นมันเป็นยังไง อันนี้ผมก็พิมพ์ไปเรื่อยตามที่ผมเข้าใจ

เรื่องพวกนี้ต้องใช้คำเช่น “คนออสเตรเลียบางคน“
“คนไทยบางคน“ ไรเงี้ย มันจะพิมพ์เหมารวมไม่ได้หรอก

ผมก็เคยใช้ชีวิตที่นั่น 3 ปี ช่วงหลังเรียนจบ ป.ตรี
เรียนภาษาอยู่ว่าจะต่อโท แต่มีเหตุให้ต้องกลับด่วนๆ

ตอนนั้นเข้าปีที่ 2 ยังไปต่อแถมซื้อ iphone 5 เลย

ถามว่ารู้สึกยังไง ตอนนั้นรู้สึกชีวิตดีมากนะ ง่ายไปหมดเลย
ยกเว้นตอนป่วยต้องเข้าหาหมออ่ะ

สุดท้าย พูดถึงตัวเอง

โบ๊ะบ๊ะมาก

คนไข้ไข้เลือดออกมาจากออสเตรเลียของผมกำลังอวยประเทศไทยแบบสุดลิ่มทิ่มประตูอยู่เลย 555

บ่นประเทศตัวเอง แล้วอวยประเทศที่ไปเที่ยวนิ พฤติกรรมชาวโลกแหละ อย่าไปอะไรกันมาก

เรื่องโอมากาเสะ นี่ขอแย้งหน่อย ก็มันคนหละวัฒนธรรมการกินกัน เทียบกันไม่ได้หรอก ฝรั่งบางคนไม่เข้าใจโอมากาะเสะด้วยซ้ำไม่แปลกที่เค้าจะไม่ทานกัน แถมโอมากาเสะที่ไทยแทบจะเป็นรองแค่ที่ญี่ปุ่นด้วยซ้ำ ไม่แปลกที่คนไทยจะกินมากกว่า โน้นเวลาเพื่อนฝรั่งมาเนื้อย่างแบบสโม๊ค ไม่ก้เนื้อย่างแบบอีสานอะ เพื่อนคนจีนกับคนญี่ปุ่นผมนี่สาวกร้านข้าวต้มโต้รุ่งเลย

อินเทอร์เน็ตคือเวทีที่เปิดให้ ทุกคนพูด แต่ไม่ได้ช่วยคัดกรองว่า ใครควรพูด
คนที่รู้ไม่พอแต่มั่นใจ มักดังกว่าคนที่รู้มากแต่พูดน้อย เรียกได้ว่าแถบจะเป็นเรื่องปกติของยุคนี้

แต่ถ้าเอาเคสคนไทยมันจะมีมิติ บางอย่างที่น่าสนใจ เบื้องต้น คือเค้ากลัวดูไม่ดี และอยากดูดี
จุดกำเนิด ความดัดจริตชีวิตต้องป๊อป ที่มีมิติทับซ้อน หลายเลเยอร์ collapse ไปมา จนเป็นวัฒนธรรม
วัฒนธรรมเสแสร้ง กลายเป็น ความจริงร่วม ที่คนเชื่อกันไปเอง

ส่วนที่เนื้อหาของเค้าที่มันดูอวยเว่อขนาดนั้น มันเป็น Cognitive Dissonance มันป็นการคอลแลป
ระหว่างความเชื่อของคนๆนั้นและความจริงที่มีอยู่ โดยเนื้อหาที่ใช้จะถูกปรับ ให้เข้ากับความเชื่อ
แม้ว่าในความจริงเขาอาจไม่รู้จริงหรือไม่เข้าใจเรื่องที่พูด เพื่อให้เกิด Social Comparison

เพื่อวัดค่าความสำเร็จหรือความรู้ของตน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการเสแสร้งหรือแสดงออกว่า รู้มาก
เพื่อให้ดูดีกว่าคนอื่น โดยสังเกตได้จากประโยคเปิดของเค้าคือ "ผมเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นไปอีก"
เป็นการย้ำ ว่าเค้าคือใคร และพวกคุณจงฟัง เพราะเค้าได้พัฒนาขึ้นแล้ว และจบบทประโยคด้วยความสามัญ
ย้ำอีกรอบ ว่าฉันเป็นคนธรรมดาที่พิเศษนะ ฉันดูแตกต่างมั้ยล่ะ

ดีนะผมไม่เคยชอบอ่านอะไรแบบนี้ ทุกที่มันมีข้อดีข้อเสียหมดและ จะมาอวยสุดลิ่มไม่เคยอิน ดูพยายามเขียนเกิน

อันที่จริงก็มี แต่อันที่ไม่รู้จริงเยอะกว่า ไปไม่กี่วัน แต่ตรัสรู้ยิ่งกว่าคนอยู่มาเป็น 10 ปีอีก

ออสซี่ไม่ใช้ของแพง ไม่ฟุ่มเฟือย - ไม่จริงอ่ะ เค้าก็ใช้เหมือนกัน แค่ไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน จะใช้ในโอกาสสำคัญๆ ลองไปดูวันที่ Chanel/LV/YSL ออกคอลเลคชั่นใหม่ คนแม่งยืนต่อแถวซื้อกันไป 3 บล๊อค

เรื่องรถก็เหมือนกัน supercar นี่ก็ซื้อกันไม่น้อย แต่ใครมันจะขับไปทำงาน ที่จอดรถก็หายาก แถมค่าจอดก็แพงอีก

Omakase นี่คนกินก็เยอะ เท่าที่ไปเผือก คนเขียนไปที่ Perth มันเมืองสงบ เงียบ ลองมาดู Sydney มั๊ย ร้านดังๆ อย่างพวก Michelin Star ก็ต้องจอง 2-3 เดือน ไปกินก็เห็นถ่ายรูปลงกันทุกคน ทั้งหัวทองหัวดำ

ตอนนี้ค่าบ้านในออสก็โคตรแพง พุ่งขึ้นกระฉูด ของกินของใช้ราคาก็สูงขึ้น ไหนจะรัฐบาลใหม่แต่หน้าเดิมที่พึ่งเลือกกันเสร็จจะขึ้นค่าวีซ่านักเรียน ปีก่อนพึ่งขึ้น จาก 710 เป็น 1600 พอเข้ารับตำแหน่งเรียบร้อย ก็จะขึ้นอีกเป็น 2000 ค่าวีซ่าโหดขนาดนี้ใครจะมา ทีนี้แรงงานก็หาย เก็บภาษีไม่เข้าเป้า ก็มาขูดภาษีเพิ่มอีก

ไหนจะเรื่องรักษาพยาบาล กว่าจะได้เจอหมอก็แสนยากเย็น

เพื่อนผมไปอยู่ทำงานอยู่ออส 5 ปี ตอนนี้กลับไทยยาวๆละ มันบอกค่าเช่าบ้านโคตรแพงทำมาได้เท่าไรจ่ายค่าเช่าบ้านหมด