แฉ รพ.เอกชน ฟันกำไรจากสำลี-น้ำเกลือ-พลาสเตอร์ บวกเพิ่ม 6,900%

สภาองค์กรของผู้บริโภค จี้รัฐควบคุมราคา หลังพบโรงพยาบาลเอกชนฟันกำไรจากสำลีก้อนต้นทุน 10 สตางค์ ขาย 7 บาท น้ำเกลือ 45 บาท ขาย 900 กว่าบาท พลาสเตอร์ 25 บาทขาย 200 กว่าบาท



สภาองค์กรของผู้บริโภค เผยแพร่คลิปการสัมภาษณ์ นายภัทรกร ทีปบุญรัตน์ รองหัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค สภาองค์กรของผู้บริโภค (TCC) เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568

โดยหนึ่งในบทสัมภาษณ์นายภัทรกร เปิดเผยตอนหนึ่งว่า โรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์มีผลกำไรสูงถึงหลักพันล้านถึงสี่พันล้านบาทต่อปี โดยไม่มีแนวโน้มที่จะลดค่ารักษาพยาบาลเพื่อช่วยเหลือผู้บริโภค แต่กลับมีแผนเพิ่มสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติที่สามารถเรียกเก็บค่ารักษาได้ในอัตราที่สูงกว่า เพื่อเพิ่มผลกำไรให้แก่ผู้ถือหุ้น

จากนั้นนายภัทรกร เปิดเผยถึงการร้องเรียนจากผู้บริโภคที่นำใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลเอกชนมาร้องเรียน โดยพบการคิดค่าเวชภัณฑ์และบริการในราคาที่สูงเกินจริงเป็นอย่างมาก สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน

"จากการตรวจสอบใบเสร็จรับเงินของผู้ร้องเรียน เราพบว่าโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งคิดค่าเวชภัณฑ์ในราคาที่สูงเกินความเป็นจริงอย่างมาก" นายภัทรกรกล่าว พร้อมยกตัวอย่างกรณีน้ำเกลือขนาด 1 ลิตร (1,000 มิลลิลิตร) ที่โรงพยาบาลเอกชนคิดราคาสูงถึง 919 บาท ในขณะที่ต้นทุนจริงอยู่ที่เพียง 45 บาท คิดเป็นส่วนต่างมากกว่า 800 บาท หรือประมาณ 1,900 เปอร์เซ็นต์

"และที่น่าตกใจที่สุดคือการคิดค่าสำลีก้อนขนาด 0.35 กรัม ในราคา 7 บาทต่อก้อน ในขณะที่ต้นทุนจริงเพียง 10 สตางค์ คิดเป็นส่วนต่างสูงถึง 6,900 เปอร์เซ็นต์" นายภัทรกร กล่าว

นายภัทรกร ระบุด้วยว่า เมื่อเปรียบเทียบกับราคาตลาดหรือราคากลางที่กรมบัญชีกลางกำหนด จะเห็นได้ชัดว่ามีการตั้งราคาที่สูงเกินจริงอย่างมาก แต่ไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาควบคุมดูแล ทั้งที่ค่ารักษาพยาบาลถือเป็นปัจจัยสี่ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต

ทั้งนี้ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทางสภาองค์กรของผู้บริโภคได้พยายามผลักดันให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามากำกับควบคุมราคาค่ารักษาพยาบาลและเวชภัณฑ์ของโรงพยาบาลเอกชน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ โดยได้รับคำตอบว่าไม่อยู่ในส่วนของการควบคุมในลักษณะยาในโรงพยาบาล

"วันนี้สิ่งที่เราควรคุยกันคือ ทำไมไม่แก้ปัญหาที่ต้นทาง ว่าเงินเฟ้อทางการแพทย์มาจากไหน ทำไมไม่มีการควบคุมราคาค่ารักษาพยาบาลและเวชภัณฑ์ของโรงพยาบาลเอกชนที่แพงเกินจริง แทนที่จะมาผลักภาระให้ผู้บริโภค" นายภัทรกรกล่าว

นอกจากนี้ นายภัทรกรยังเรียกร้องให้ผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากการคิดค่ารักษาพยาบาลที่สูงเกินจริง เก็บใบเสร็จและหลักฐานต่างๆ มาร้องเรียนได้ที่สภาองค์กรของผู้บริโภค โทร. 1502 เพื่อรวบรวมข้อมูลและผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบต่อไป

"เราต้องการให้เสียงของผู้บริโภคสะท้อนกลับไปยังหน่วยงานรัฐว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการกำกับควบคุมไม่ให้เกิดเงินเฟ้อทางการแพทย์ที่อยู่ในระดับอันตราย หากเปรียบเทียบส่วนต่างระหว่างต้นทุนกับราคาที่เรียกเก็บที่สูงถึง 6,900 เปอร์เซ็นต์ แบบนี้เรายอมกันได้อย่างไร" นายภัทรกรกล่าวทิ้งท้าย



https://www.thansettakij.com/health-wellness/622715?fbclid=IwY2xjawJMSZtleHRuA2FlbQIxMQABHZUTggnlMRQDCh346-mitOK0eHVf6YnjqXO271HIK7oRKhi8b8V-FhDJ7A_aem_eCLtYnH3eMIi0sca7Dcf6Q

ผมมองอีกแบบนะ กลุ่มเป้าหมายของรพ.พวกนี้ กับ รพรัฐมันคนะกลุ่มเลยนะ ตอบง่ายๆเลยนะ รพ.เอกชน ต้นทุนแฝงมันเยอะครับ สาธารณูปโภคแบบโคตรสบาย บริการแบบราชา ลงทุนขนาดนี้ คิดว่าเค้าจะมาเก็บเอาจากใคร แล้วอีกอย่างนะมันไม่ได้ผูกขาด เพราะมันมีหลายราคาหลายเกรด ให้เลือกเข้าได้ เอกชนไม่แพงก็มี รัฐก็มี

คนไทยเราจะเอาทั้งบริการก็เลิศ ราคาก็ถูก มันเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างมีต้นทุน รพ เอกชน มีหลายเกรดอยู่แล้ว ที่ไหนแพงมากเราจ่ายไม่ไหวก็เลี่ยง มันก็แค่นั้น รพ เขาก็อยู่ได้เพราะยังมีกลุ่มคนที่ยอมจ่ายเพื่อซื้อความสะดวกสบายตรงนี้อยู่ แต่มันอาจไม่เหมาะกับเรามันก็เท่านั้น
คหสต ผมว่าทัศนคติการรับบริการทางการแพทย์ของคนไทยมันพังไปนานแล้ว แต่ต้นเหตุคงพูดถึงไม่ได้เพราะเดี๋ยวก็ดราม่ากันอีก

โอ้ววชิท

กินกันยั้วเยี้ยะ แทบไม่ต่างจากภาครัฐ วนไปวนมา สุดท้่ายภาระลงผู้ป่วย

ตลาดเสรีมั้ยหล่ะ เหมือนโรงเรียนเอกชน มหาลัยเอกชน โรงแรมต่างๆ

ขึ้นราคาได้ตาม demand

คนจะเงิบอยู่ละ

อันนี้เคยสงสัยนานแล้ส ว่า แพทยสภาทำไรอยุ่ไม่เคยควบคพลุมหรือมีราคากลาง สัก30ปีก่อน
para ขายเม็ดละ 10บาท
หมอ มาหาคุณบ่อยๆไม่ต้องคิดว่าใจดี ครั้งละ500ขั้นต่ำ
พยาบาล วัดความดัน ทำนุ้นนั้นคิด 50

เป็นธุรกิจที่ราคาค่าบริการเพิ่มขึ้นมากสุดในแต่ละปีละ

ในไทยราคาค่าบริการของโรงพยาบาลเอกชน เพิ่มขึ้นปีละ 10-20% ต่อปี โหดสลัด

ผมมองอีกแบบนะ กลุ่มเป้าหมายของรพ.พวกนี้ กับ รพรัฐมันคนะกลุ่มเลยนะ ตอบง่ายๆเลยนะ รพ.เอกชน ต้นทุนแฝงมันเยอะครับ สาธารณูปโภคแบบโคตรสบาย บริการแบบราชา ลงทุนขนาดนี้ คิดว่าเค้าจะมาเก็บเอาจากใคร แล้วอีกอย่างนะมันไม่ได้ผูกขาด เพราะมันมีหลายราคาหลายเกรด ให้เลือกเข้าได้ เอกชนไม่แพงก็มี รัฐก็มี

คนใน SS บางคนน่าจะชอบนะ เห็นอยากตามรอยเมกาทั้ง co-pay กับค่าพยาบาล

มันก็ไปกระทบกับประกันนั่นล่ะ ค่าใช้จ่ายมันสูงเกินกว่าที่ประกันจะรับไหว ภาระก็มาตกที่เราผู้ทำประกัน บางอย่างมันก็เข้าใจได้นะ แต่บางอย่างก็ดูโหดร้ายไปหน่อย

มา รพ.รัฐได้นะครับ

ก็ต้องควบคุมไม่ให้เกินไปอะ

อย่างล่าสุดก็มากระทบประกัน และสุดท้ายมาลงกับ ผบภ อีกละ

ก็รัฐเล่นไม่ทำโรงพยาบาลหลายระดับอะ
ผู้ป่วยที่เขาพอมีกำลังจ่าย แต่ไม่อยากไปแออัดก็มี
ต่างประเทศเขาก็มีระบบco-pay
ยิ่งตอนนี้ประกันเปลี่ยนมาเป็น co-pay เอามาผนวกกันก็ได้ ประชาชน20 รัฐ30 ประกัน50
คลินิคนอกเวลาตาม รพ ใหญ่ๆ คนถึงได้เต็มตลอด

คนไทยเราจะเอาทั้งบริการก็เลิศ ราคาก็ถูก มันเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างมีต้นทุน รพ เอกชน มีหลายเกรดอยู่แล้ว ที่ไหนแพงมากเราจ่ายไม่ไหวก็เลี่ยง มันก็แค่นั้น รพ เขาก็อยู่ได้เพราะยังมีกลุ่มคนที่ยอมจ่ายเพื่อซื้อความสะดวกสบายตรงนี้อยู่ แต่มันอาจไม่เหมาะกับเรามันก็เท่านั้น
คหสต ผมว่าทัศนคติการรับบริการทางการแพทย์ของคนไทยมันพังไปนานแล้ว แต่ต้นเหตุคงพูดถึงไม่ได้เพราะเดี๋ยวก็ดราม่ากันอีก

เขาก็เขียนละไง สอบถามค่ารักษาพยาบาบได้ที่นี่ ไม่พอใจก็ไปที่อื่น ปัดโถ่ว

เหมือนไปกินโอมากาเสะแล้วงอแงว่าแพงกว่าตลาดปลา

ต้องรอดูประกันสุขภาพแบบใหม่ที่แชร์ค่ารักษาว่าคนที่มีเงินยังได้รับผลกระทบไหมถ้าไม่คนมีเงินก็ยินดีที่จะเข้าอยู่ดี

เค้าไม่ได้สร้างมาให้จนเข้าอันนี้ทุกคนน่าจะรู้ก็เหมือนโรงเรียนเอกชนนั้นแหละค่าเทมอ7-8หมื่นคนจนที่ไหนจะมีปัญญาไปเรียน