ถ้าเป็นสัก 8 ปีที่แล้ว เฮียโนสต้องโดนกระหน่ำ(อาจจะรวมถึงผมด้วย ตอนนั้นผมสลิ่ม5555) ออกมาขอโทษขอโพยแก้ตัวกระจายแน่นอน นี่ทำเย้ยใส่เลย
สื่อทั้งหลายก็เอาไปปั่นกันหนุกหนาน กระแสสังคมเฮฮาตามทั่วบ้านทั่วเมือง

ไอ้ที่ว่าทัวร์ลง ชาวเน็ตวิจารณ์สนั่นอะไรนั่น ชาวเน็ตที่ว่ามันคือกลุ่นไหนอะ

เป็นผมคงไม่กลัวทัวร์คนแก่อะ มีปัญญาแบนอะไรได้

เป็นสลิ่มรักษายังไงเหรอครับ
จะได้แนะนำคนที่ยังเป็นอยู่ครับ

ชาวเน็ต=นักข่าวนี้แหละ

โน๊ต แกวางตัวโอเค และแสดงออกชัดเจนมาแต่ไหนแต่ไร
ผู้คนที่เปิดใจ จึงเข้าใจว่ามันคืองานของเขา
ไม่แปลกใจที่ แกผ่านมาได้ทุกครั้ง ทั้งที่ก็จิก กัด แซะ ไปทุกยุค
และน่าจะหาคนที่จะทำแบบแกได้ยาก

ความเปราะบางของประเทศฝั่งเอเชีย ผมมองว่าเป็นหลายๆประเทศในโซนๆนี้
จะมีความอ่อนไหวเรื่อง ประวัติศาสตร์ การเมือง ครอบครัว ไม่เปิดกว้างแบบ ฝั่งยุโรป เมกา
ถ้าเป็นฝั่งเมกา รายการทีวีเขา เล่นได้เต็มที่ แซว จิกกัดได้ คนส่วนใหญ่ก็จะเข้าใจว่ามันคือการแสดง รายการ อาชีพของคนทำงาน (มีช่วงหลัง ที่เมกาดูจะอ่อนไหวบ้าง เรื่องรณรงค์ไม่เหยียด ทั้งที่จริงๆบ้านเมืองเขาแบ่งมาแต่ไหนแต่ไร เหยียดกันหนักมาก เพื่อมาแสดงออกรณรงค์ ได้สำเร็จ หรือแม้แต่ที่แซวกันแรงๆ แบบที่วิล สมิธ โดนพิธีกรแซวแรง จะแกตบะแตก เอาจริงๆ มุขตลกของชาติเขามันก็แอบแรงจริงๆ เป็นมาแต่ไหนแต่ไร)

กลับมาที่โน๊ต แกได้ลุยงานบังเทิงมายาวนาน และแกก็หาเส้นทางตัวเองเจอว่า รายการแบบนึงที่ยังไม่ค่อยมีใครทำก็คือ ทอล์คโชว์ที่แกทำเดี่ยวนี่แหละ แกทำมาจนเป็นจุดเด่นแกไปแล้ว และด้วยความที่วางตัวโอเค เข้าหาผู้คนได้ดี เคยๆสังเกต แกไม่เหมือนใครในวงการบันเทิงนะ ลองสังเกต กลุ่มพระเอก นางเอก นักแสดงตลก ก็จะมีความแยกตามค่ายตามสังกัด คนละกลุ่มก็ไม่ค่อยเข้าถึงกันแล้ว แต่ดูที่แกวางตัว ช่วงนึงก็เข้าถึงวงการนางงามได้ เข้ากับกลุ่มพระเอกช่องสาม ไปกับทีมบอลดาราก็ไปได้ รายการตลกก็ไปได้ ช่วงนึงก็มากับกลุ่มนักร้อง สิงโต ก้อง ปาล์มมี่ ไปแบบสนิทสนม ออกทริปกันชิวๆ ช่วงนึงก็เกาะติด ร่วมวิ่งเรี่ยรายเงิน กระแสไปทางไหนแกก็ปรับตัว และไปร่วมแจมได้หมด โดยที่ไม่ได้รู้สึกว่าแก แสดง เสแสร้ง ก็แปลกๆดีครับ
การที่แกวางตัว เข้ากับทุกคนได้ง่าย และจับแระเด็นมาเล่นได้โดนใจ ก็เลยทำให้แกมาได้ไกลจริงๆ โดนที่ไม่โดนว่า โดนขุดด้วย ยุคนึงเคยเป็นกลุ่มนั่นกลุ่มนี้ เคยแซวคนนี้

ขนาดไปอยู่แบบนั้นแป๊ปเดียวนะพี่โนส ยังได้แมงหวี่ ได้กลัวผีมาเล่า ควรเอาความจริงแบบเนี๊ยมาฟาดให้สังคมไทยตื่น ตื่น แล้วก็ตื่น คนทำเกษตรของจริงอ่ะโครตเหนื่อยโครตลำบาก ผมก็ลูกชาวนาอ่ะ และไม่อยากกลับไปทำเกษตรโว้ย ตอนเด็กกุเหนื่อยมาพอแล้วจริงๆเหมือนกัน ไม่อินกับวิถีเกษตรใดๆทั้งนั้น

คือจริงๆความหมายมันก็สามารถดิ้นได้ในระดับนึงนะ อย่างเช่นถ้าเจ้าซื้อหรือใช้ของหรูแล้วเราไปแย้งว่า "สอนให้พอเพียง แต่ตัวเองนี่ของหรูเชียว" สลิ่มก็จะดีเฟนด์ว่า "ท่านหมายถึงมีมากก็ใช้มาก มีน้อยก็ใช้น้อย ขอแค่ไม่เบียดเบียนคนอื่นไง" แต่ผญบ.คนก่อน เขาได้พูดถึงกรณีที่คนอยากมีชีวิตที่ดีกว่ามั้ยล่ะ ถ้าพูด เขาพูดแบบไหน ความหมายแรกเขาอาจจะหมายถึงว่า ถ้าไม่มีก็อนุญาตให้ขวนขวายเพื่อมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ ไม่ถือว่าไม่รู้จักพอ หรือความหมายที่สองคือ อยากมีชีวิตที่ดีขึ้น = ไม่รู้จักพอทันทีโดยไม่ดู case by case กันแน่

ผมดูละ เขาไม่ได้ด่าตัวเองว่าตัวเองอยากพอเพียงแต่ทำไม่ได้หรอ หรือว่าผมข้ามตรงไหนไป

งง ตรงแต่ละคนแม่งนิยาม ขอตัวเองไม่เหมือนกันสักคน แล้วมาบอกว่า ต้องอย่างนั้นต้องอย่างนี้ โง่ไม่เข้าใจ

พวกมึงยังอธิบายไม่ตรงกันสักอัน แล้วจริงๆชุดข้อมูลที่เราใช้อ้างอิงจริงๆ คืออะไรยังไม่มีใครบอกได้เลย

เออจะได้รู้ว่าตูเข้าใจผิด

ทั้งฝนเทียม พอเพียง โคกหนองนา กระจายทุกอัน

คือมันมีภาพที่เค้าสื่อมา ที่ไม่สมฐานะของ พรีเซนเตอร์ด้วยไง


ทั้งหลอดยาสีฟัน ทั้งดินสอกุด มัธยัสถ์ขนาดนั้นเรียกว่า พอเพียงหรือเปล่า



ขนาดคนมีทรัพย์สิน ล้นฟ้า ยังประหยัดขนาดนี้ แล้วคนที่มีบ้านหลังเดียว กินเงินเดือน ไม่มีเงินเก็บมาก ๆ ควรจะทำยังไง

ได้ยินยาสีฟันนี่กรรไกรในมือผมสั่นเลยครับ

คำว่าพอเพียงนี้คือ อะไร ถ้าแบบว่า ใช้กินเหลือ ทุกวันนี้เกษตรหลายคนก็พอเพียงนะ แต่มีเงินเก็บก็เยอะ บางคนก็ไม่ค่อยมี

แต่ถ้าทำตามแบบนักวิชาการที่ไม่เคยทำอะ บอกเลยว่าพัง แน่ๆ

เรื่องทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงนี่ ปัญหาอยู่ที่มีหน่วยงานราชการ องค์กร กลุ่มคนต่างๆ พยายามจะเอาเรื่องนี้มาตีขยายให้เป็นเรื่อง Micro คือการเอามาปรับใช้กับครัวเรือน จากเดิมที่มาเป็นเรื่อง Macro คือแนวทางเชิงนโยบายบริหารราชการ จะว่าเพื่อเอาใจ เอาหน้า หรืออะไรก็ตาม ทีนี้ก็เลยกลายเป็นต่างคนต่างตีความกันเองสนุกสนาน เลยเถิดเละเทะไปหมด กลายเป็นการพูดโดยขาดความเข้าใจที่มาที่ไป กลายเป็นคำศักดิ์สิทธิ์ที่เอาไว้แปะในการเขียนโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกันเลยก็ตาม จนกลายสภาพเป็นอย่างที่เห็นตอนนี้