คิดจากส่วนแบ่งลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดและโฆษณาของพรีเมียร์ลีก (Premier League’s centralised broadcast and commercial deals.)

ไอเดียแรกอยู่ที่ 4.5 เท่าของส่วนแบ่งของทีมที่ได้รับน้อยที่สุด (ตัวอย่างที่ยกมาเมื่อฤดูกาลก่อนคือเซาแธมป์ตัน ได้ส่วนแบ่งที่ £103.6m) แต่จากการที่แต่ละสโมสรไม่เห็นด้วยกับไอเดียนี้ คาดว่าน่าจะจบลงที่ 5 เท่า


ตัวอย่างของ Athletic ทำคลิปไว้ มีส่วนแบ่งในแต่ละกรณีชัดเจนทั้งเงินรางวัล, ส่วนแบ่งลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด, Utility Fee, Merit payment ซึ่งแชมป์ได้ £176.2m
ซึ่งมีคนจัดอันดับว่าพรีเมียร์ลีกเป็นลีกที่ส่วนแบ่งทีมแชมป์กับทีมบ๊วยเหลื่อมล้ำน้อยที่สุดใน Top 5 League


ตอนนี้เป็นการโหวตเริ่มทำร่าง โดยจะมีการหารือถึงรายละเอียดต่างๆ แล้วจะเข้าไปเสนอในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีในเดือนมิถุนายนต่อไป



เสริม ถ้าหากกฎนี้เริ่มใช้ตั้งแต่ฤดูกาลก่อน เชลซีคือทีมเดียวที่ใช้เงินเกินเพดาน แต่ส่วนแบ่งของพรีเมียร์ลีกเองก็เติมโตขึ้นทุกปี ก็ต้องรอดูอีกทีว่าเชลซีจะเหลือช่องว่างแค่ไหน

ทำออกมาสูสีเลย คือสามารถใช้เงินเต็มที่ประมาณนี้ได้ทุกปีแหละ ขอแค่ไม่ทุ่มเกิน

พวกทีมล่างๆเหลืองบโคตรเยอะเลย

ทีมล่างๆเหลืองบจากเพดานนี้เยอะ แต่ก็ไปติด squad cost control ที่ใช้เงินได้ 85% จาก revenue อยู่ดี

สรุปว่าสถานการณ์น่าจะคล้ายๆเดิมรึเปล่าครับ

เพียงแต่ว่ากันพวกทุ่มบ้าเลือดแบบเสี่ยท็อด 1-2 ปีหลัง แต่โดยปกติคือไม่ได้ใช้เกินกันอยู่แล้ว

ส่วนทีมเล็กก็ยังมีข้อจำกัดจาก FFP ของยูฟ่าอยู่ดี เข้าใจถูกมะ

ทีมเล็กมีข้อจำกัดจาก Squad Cost Control ที่โหวตกันก่อนหน้านี้ (ผมเข้าใจว่าให้มาแทน FSR) มันต่างจากของ Uefa คือของ Uefa อยู่ที่ 70% ในปี 2025/26 ครับ ส่วนของพรีเมียร์ลีกจะอยู่ที่ 85%

เหมือนกับว่าเพดานนี้มาขวางพวกทีมที่ revenue สูง พยายามไม่ให้เสียเปรียบกันเกินไปฮะ

ซิตี้ แมนยู แทบขยับไม่ได้เลย

ส่วนเชลซีน่าจะมีลดล้างสต๊อค

เชลซี ปีที่แล้ว ใช้เงินซื้อเยอะ + นักเตะมันล้นด้วย ไม่ได้ขาย มีนักเตะชุดใหญ่ 30 กว่าคนค่าเหนื่อยมันเลยบานครับ ค่าเหนื่อยเยอะกว่าชาวบ้านเขา

ตอนนี้เริ่มปกติละ เดี๋ยวจบฤดูกาลนี้ก็คงโละพวกค่าเหนื่อยแพงๆอีกรอบ น่าจะทันปี 2025 เพราะถึงตอนนั้นก็คงไม่ต้องซื้ออะไรมากละ ตลาดหน้าน่าจะซื้อชุดใหญ่ทิ้งทวนตามแผน 4 ตลาด

ถ้า *4.5 ติด 2 ทีม ถ้า*5 ติดทีมเดียวสินะ
คงต้องคุยกันอีกทีเรื่องตัว * ว่าจะจบที่เท่าไหร่

แมนยูไม่ใช้เงื่อนไขเพิ่มสัญญากับหมากและวารานแล้ว
ค่าเหนื่อยก็พอเบาลงหน่อย

ผมมองว่าปัญหาของเชลซีนอกจากตัวค่าเหนื่อยแพงคือพวกค่าตัวแพงแล้ว amortisation 7-8 ปีครับ ต้องแบกกันไปยาวๆหน่อยถ้าจะไม่ให้ขายขาดทุน

ถ้าตอน 2025 ทีมมันลงตัวแล้ว ก็พอไหวอยู่ ถึงตอนนั้นมันก็ไม่ต้องเสริมเยอะแล้ว ทีมชุดนี้ก็ใช้ได้ยาวๆ

แต่ถ้าเอาง่ายๆว่าซัมเมอร์หน้าที่จะซื้อ 3-4 ตัว ( กองหน้า , เซ็นเตอร์ , แบ๊คซ้าย , ปีกซ้าย ) เพื่อแก้ไขปัญหา แล้วถ้ายังไม่เข้าเป้าอีก

ถึงตอนนั้นก็ใช้กระสุนไปเกือบหมดแล้ว เด็กปั้นที่จะขายทำกำไรก็ใกล้หมดละ จากนั้นถ้าจะเติมกระสุนเพื่อแก้ไขทีมอีกรอบก็ต้องขายตัวที่พึ่งซื้อมาในยุคเจ้าของใหม่เพื่อเอาไปซื้อตัวใหม่อีกรอบ ซึ่งยากที่จะขายให้ได้กำไรในทางบัญชีเพราะค่าตัดจำหน่ายแต่ละคนเหลืออีกหลายปี

ที่น่าจะทำก่อนตอนตลาดหน้าก็ขายขาดพวกตัวค่าตัดจำหน่ายแพงๆที่ไม่ใช่ตัวหลักออกให้หมด ลูกากู , เกป้า , ซีเยค , คูคู พวกนี้น่าจะโดนปล่อย ก็จะลดค่าตัดจำหน่ายรายปีไป 30-40 ลป

ที่อาจจะโดนอีกคนก็ สเตอริ่ง นี่ก็จะลดได้ทั้งค่าเหนื่อยและค่าตัดจำหน่ายเลย

ก็จะเหลือ 2 คนที่มีแววจะปล่อยยากมากคือ โฟฟาน่า กับ มูดริค ถ้าจะปล่อยคงไปรอปล่อยหลังจบฤดูกาลหน้านู่นเลย ( เอ็นคุนคู กับ ชิลเวล ถ้าเจ็บยาวอีกก็มีโอกาสโดนโละ )

แบบนี้ลีคจะสนุกขึ้นแน่นอน แต่ว่า ucl จะยากไปอีกมั้ย