และก็เป็นเรื่องปกติที่คล็อปป์จะไม่พอใจนักเตะ (ในบางครั้งบางคราว) หลายคนปั่นกระแสให้เลือกข้างกันว่าคนนั้นถูกคนนี้ผิด ผมอยากเปรียบเปรยเหมือนการทำงานร่วมกันในองค์กร มนุษย์ย่อมมีอีโก้คิดว่าตัวเอง"ถูกกว่า"อยู่แล้ว รวมถึงการ"ไม่เข้าใจกันในวิธีการ" ซึ่งหลักๆเป้าหมายเราคือเส้นทางเดียวกัน แต่ในเคสเมื่อคืน สิ่งที่ผิดแปลกคือภาพมันออกมาดูไม่ดีต่อองค์กรหรือสโมสรนั่นแหละ เดี๋ยวต่างคนตื่นมาก็ต่างลืม ฝรั่งยิ่งเป็นคนเคลียร์กันพูดตรงๆกันไม่เก็บไว้อยู่แล้ว สรุปสำหรับผมเรื่องทำนองนี้เป็นเรื่องปกติมากที่เกิดได้กับทุกคนบนโลกนี้ และเป็นเรื่องปกติที่นับวันประสิทธิภาพของเราจะค่อยๆเสื่อมถอย ซึ่งในวันนึงจะมีคนรุ่นใหม่พร้อมจะมาแทนที่เราเสมอ แต่ส่วนตัวผมยังคง respect กับคนทั้งสองเสมอครับ

เอาจริงปกติมากเลย แต่แค่ซาล่่ถูกโฟกัส เพราะทีมอยู่ในช่วงแย่เฉยๆ

เถียงถึงขั้น เพื่อนต้องมาห้ามนิ ผมว่าไม่อะ น่าจะต้องระดับนึงอะ
ยิ่งไปทิ้งทวน ลอยๆแบบนั้นใส่นักข่าว ยิ่งทำให้คิดได้ไปเรื่อยอะ

มาเน่ มิลเนอร์ เฮนโด้ มีไปพูดอะไรแบบนั้นมั้ยละ เถียงในเกม จบคือจบ ยิ่งบอสออกมาบอก ว่าไม่มีอะไรแล้ว อีก

Passion สูง ผมว่าปกติ อยากลงไม่ได้ลง กีฬาอื่นก็มี สุดท้ายก็ดีกัน

ไม่ต้องอะไรมากครับอีก1สัปดาห์ถัดมาท่านก็มีเรื่องปวดหัวอื่นๆให้คิดแทนที่ละ

จริงๆมันเป็นเรื่องปกติแหละการทะเลาะมีปากเสียงกัน ถ้ามืออาชีพพอจบเก็บปัญหาก็จบไป แต่ที่มันแบบนี้เพราะมันคือลิเวอร์พูลแค่นั้นแหละ ข่าวมันขายได้ + แฟนหลายๆทีมที่เป็นคู่กรณีกันก็รอซ้ำในวันที่ไม่ประสบความสำเร็จ ลองกลับกันถ้าตอนนี้ทีมยังอยู่ที่ 1 เมื่อวานทีมชนะ ข่าวพวกนี้มันก็ขายไม่ได้เหมือนตอนนี้หรอกครับ

ผมเฉย ๆ ตอนที่ทะเลาะกันในเกม
แต่บังโมมันเริ่มแย่กว่าเคสอื่น ไม่ใช่แค่เพราะโมโดนโฟกัสมากกว่าใคร คือตอนที่คล็อปเคลียกับนักข่าวว่าจบเรื่องแล้ว บังโมแกดันเลือกที่จะไปสุมไฟเพิ่มกับนักข่าวเฉย ถ้าคุณด่าพรี่โด้ที่สัมภาษณ์นักข่าวด่าทีมยังไง เคสนี้ก็ใกล้เคียงกัน

ตอนมาเน่ มิลเนอร์เถียงกันจบเกมจบเรื่อง ของมิลเนอร์มันทันจบเกมด้วยซ้ำ ผมก็หวังว่ามันจะไม่มีอะไรมากกว่านี้ ไม่ได้อยากมานั่งด่านักเตะตัวเองหรอก

"อารมณ์" ตัวเดียวล้วนๆครับ

ถ้าตีกันระหว่างเกม มันก็เรื่องปรกติ นะเอาจริง มันมีกันแทบทุกคนยิ่งพวกระดับตัวหลักของทีม แต่ถ้า มาตีกันทีหลัง มาตีกันออกสื่ออันนี้ ไม่ใช่เรื่องเล็ก

ทุกเคสมันก็ "อารมณ์" ทั้งนั้นหละครับ แต่ทุกคนจบเรื่องได้หลังจบเกม ซาล่าก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่หงุดหงิดใส่คล็อป มันเป็นเรื่องปกติ ทุกครั้งจบเกมก็จบกัน

แค่ครั้งนี้เจ้าตัวไม่ยอมจบ ถ้าตัวเองจบไม่ได้ ก็ต้องรับผลที่ตามหลังเกม

ตอนนี้เห็นใจซาลาห์สุดๆ คือถามว่ามันผิดมั้ย ก็ผิดที่ไปออกอาการหน้างาน แต่ถ้าจะบอกว่า "เห้ยขายแม่งทิ้งไปดิ๊" ผมมองว่าไม่ถึงขนาดนั้น

แต่ใครจะมองแบบไหนก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคนหละนะ ช่วงนี้เป็นช่วงที่แย่ซาลาห์ด้วยหละ อะไรมันเข้ามาใส่ มันก็ไปกระตุ้นในเชิงลบทั้งนั้น ลองเปลี่ยนเป็นพ่อหมี หรือฟานไดค์ไปใส่แทนโรลซาลาห์ ผมเชื่อว่าไม่เดือดขนาดนี้ เหมือนที่เม้นแรกบอก

ถ้าท่านพูดมาในทำนองนี้ก็คือพยามจะหาคนผิดนั่นละครับ ทั้งๆที่ภายในเขารู้ดีกว่าเรา มันอาจจะด่ากันห้ามกันแบบนี้ในห้องแต่งตัวมานานแล้วก็ได้ แต่เราเพิ่งมาเห็นพึ่งมาตื่นเต้นกัน ไม่ต้องรอรับผลอะไรหรอกเพราะไม่มีนักเตะคนไหนใหญ่กว่าสโมสรอยู่แล้ว ยังไงวันนึงซาล่าก็ต้องย้ายออกไปครับ องค์กรเค้าระดับโลกยังไงเขาก็จัดการได้อยู่แล้ว สิ่งที่ผมจะสื่อคือเกมการแข่งขันมันเข้มข้นกดดันมากๆและการมีปากเสียงกันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปรกติธรรมดา แค่นั้นเลย

ผมไม่อะไรอยู่ละครับ ผมแฟนมิลาน ที่มาแอบดูหงษ์เพราะคล็อป

คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า เอะอะจะมายัดเยียดว่าคนอื่นคิดอะไรทำไม

ผมไม่ได้มาหาคนผิด แค่บอกว่าสิ่งที่ซาล่าทำครั้งนี้มันไม่ถูกต้อง ถ้าเปลี่ยนเป็นคล็อปทำแบบซาล่า ผมก็จะบอกว่าที่คล็อปทำมันไม่ถูกต้อง ซึ่งเรื่องที่ไม่ถูกต้องไม่ใช่เรื่องการเถียงกันในสนาม แต่คือการไปเปิดประเด็นกับนักข่าวต่อหลังเกม

นักกีฬาอาชีพทุกคนไม่มีใครควรทำ และมันไม่เหมือนเคสอื่น หรือเคสก่อน ๆ ของเจ้าตัวเองด้วยซ้ำที่มันจบได้หลังเกม ความมืออาชีพที่ซาล่าเคยมีมากสุด ๆ คนนึง เมื่อคืนแกไม่ได้เป็นเหมือนเคย

ละการรอรับผลที่ตามมา คือการโดนวิจารณ์จากสังคมโซเชียล นักวิจารณ์ หรืออื่น ๆ ที่ผมพิมพ์มาทั้งหมดตรงไหนที่มันดูแล้วไม่ใช่เรื่องจริงมั้ย

ซาล่าห์มันผิดอยู่แล้วครับ
ยกเว้นคล็อปป์ไปพูดไม่ดีใส่ ซึ่งไม่น่าใช่
แต่เรื่องแบบนี้คนเป็นโค้ชเจอประจำ และรับมือได้
ส่วนซาล่าห์ ผมว่าก็รอดูอาทิตย์หน้า ผมคิดว่าสุดท้ายเดี๋ยวก็เคลียร์กันได้ กลับมาเหมือนเดิม

แต่ถ้าจังหวะแค่นี้จะไล่แห่ซาล่าห์เลย ก็เกินไป
ถ้าจะขายซาล่าห์ก็เป็นเรื่องฟุตบอล ไม่ใช่แค่เพราะจังหวะแค่นี้
ที่ผ่านมาเขาก็ทำเพื่อทีมมาตลอด