ขออนุญาตินะครับ

ไอที่บอกอายุเยอะแล้วไม่น่ามีที่ไหนรับ
แปลว่ายังไม่ได้ลองใช่ไหมครับ
ไปสายอื่นก็ได้ครับ

ลองก่อน
อย่าพึ่งหมิ่นเงินน้อย
ยังไงท่านก็มีพื้นฐานครอบครัวดีอยู่แล้ว
ทำงานประจำเพื่อเป็น Income อีกทาง
แล้วก็ฝึกตัวเองไปด้วยครับ

หาหนังสือมาอ่าน คุยกันตัวเอง ตกผลึกความคิดตัวเองให้ได้ก่อน ค่อยลงมือทำ

ไปอยู่กับพระแบบ ชูศรี ครับ

คิดเร็วๆกับสถานการณ์แบบนี้

เป็นผม ผมเลือกเรียนรู้ด้านการลงทุน หุ้นไทย หุ้นนอก ก็ว่ากันไป

ทำอะไรขายเบาๆในบ้านฮะ ให้แกร๊บ ไลน์แมนมารับ
เปิดวันละ 4-5 ชม. ทำเบาๆให้พอมีรายได้อีกทาง แก้เบื่อด้วยฮะ
ถ้ารายได้พอมี ตัวที่เคยเป็น income ก็แบ่งเก็บ แบ่งลงทุนไปฮะ

มีรายได้จากห้องเช่าอยู่แล้ว ก็ลองต่อยอดจากตรงนี้ดูไหม

ยังมีคนแย่กว่าคุณอีกเยอะครับ เช่นผม

ผมบอกตรงๆนะ มนุษย์เรามีข้อเสียอยู่อย่าง คือถ้ายังไม่ใกล้ตายหรือใกล้อด คิดอะไรไม่ค่อยออกหรอกครับ ต้องรอให้จวนตัวจริงๆ เค้าเรียกสัญชาตญาณการเอาตัวรอด ลองทำตัวให้เข้าใกล้ดูครับ เผื่อมีไอเดียดีๆ

ขายตึกนอนชิลต่อครับ

อย่าคิดว่าผมดูถูกนะ อันนี้ผมแนะนำตามข้อมูลที่ท่านให้มา
ผมว่าที่ว่ามาว่าไม่กล้าขยับไปลงทุน อันนี้ผมเห็นด้วย
เพราะผมเป็นห่วงว่าการที่ท่านเองก็ยอมรับว่าไม่ค่อยเอาไหน และไม่ได้ทำงานประจำมานาน
การลงทุนทำธุรกิจอะไรใหม่ ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี ท่านมีโอกาสเจ๊งได้สูงมาก
คนจะทำธุรกิจต้องมีแพสชั่น มีวินัย มีคอนเนกชั่น ขยันมากๆ โดยเฉพาะช่วงแรกๆ
แต่ท่านไม่ใช่คนแคแรคเตอร์ประมาณนั้น ไม่น่าเสี่ยงเอาเงินไปละลาย

ผมแนะนำ อย่างแรก ท่านวางแผนการเงินตัวเองก่อนเลย
เงินสดมีเท่าไหร่ รายได้จาก passive มีเท่าไหร่
ค่าใช้จ่ายที่เป็น fixed cost มีเท่าไหร่ คือต้องจ่ายประจำ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ โทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต ภาษีโรงเรือนต่างๆ
ค่าใช้จ่ายจากการอุปโภค บริโภค ท่านต้องใช้เท่าไหร่ที่ผ่านมา
ทีนี้ไปดูว่าเงินสด และสินทรัพย์ท่าน ให้ดอกผลกลับมาเท่าไหร่ พอกับค่าใช้จ่ายไหม เหลือเก็บให้ไปลงทุนอีกไหม

อย่างต่อมา ปิดความเสี่ยงของตัวเองก่อนเลย
เช่น ซื้อประกันอุบัติเหตุให้ตัวเอง ปีละ 4-5 พัน
ซื้อประกันสุขภาพปีละ 2 หมื่น
ประกันโรคร้ายแรงเท่าที่ไหว
ประกันชีวิตถ้าไม่มีลูกเมีย ไม่มีพ่อแม่ต้องดูแล ไม่ต้องซื้อก็ได้
เอาความเสี่ยงตัวเองก่อน เพราะไม่งั้น เกิดวันหนึ่งล้มป่วย หรือเป็นโรคร้ายแรงแล้วต้องใช้เงินรักษาเยอะๆ ชีวิตท่านจะล้มเอา ต้องเอาเงินเก็บมาใช้ เอาทรัพย์สินมาขาย แล้วไม่มีงาน

ต่อมา ก็ไปศึกษาสองอย่างครับ
1. ลงทุน
เก็บเงินสดส่วนหนึ่งเป็น cash flow ให้มีสภาพคล่อง แต่อย่าเก็บทั้งหมดไว้ในนี้ แบ่งเอาไปลงทุน
แยกออกเป็นเสี่ยงต่ำ เสี่ยงสูง แต่จริงๆ แนะนำให้เลือกเสี่ยงต่ำดีกว่า
2. งานที่เป็นแนวฟรีแลนซ์ที่ไม่ต้องลงทุน
เช่น ไลฟ์ขายของใน tiktok ที่เราไม่ต้องสต๊อกของเอง ขายได้ ได้เปอร์เซนต์
หรือถ่ายคลิปวิดีโอขาย พวกนี้ลงทุนความรู้ศึกษาหาคอร์สเรียน 4-5 พันได้ ลงทุนกับความรู้บ้างสักหน่อย
ลองใช้เวลาไล่ดูพวกยูทูปที่แนะนำงานอิสระดู แล้วเลือกสักอันที่คิดว่าตัวเองพอจะเรียนรู้และทำได้เองที่บ้าน
พวกนี้พอถึงเวลาต้องลงทุน ก็แค่คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ แค่ 3-4 หมื่น ยังไม่เข้าเนื้อมากนัก
แต่ถ้าไปลงทุนทำธุรกิจ อาจจะใช้เงินหลายแสน

พยายามหา value ให้ตัวเองคับ พัฒนาตัวเองทุกวัน มากน้อยไม่เปนไร

การมีเงินใช้ไม่เดือดร้อนเปนต้นทุนชีวิตที่ดีแล้ว

อยู่เฉยๆครับ
ลงทุนนั้นนี่ เกรงว่าจะมรดกจะลดเร็วกว่าเดิม

passive ที่ว่าเดือนละเท่าไหร่ครับ
และสามารถขี้นค่าเช่าได้มั้ยครับ

ขายหมูปิ้ง ครับ คอมเมนท์ยอดนิยม 55

เป็นผมจะทำงานให้ได้เงินเดือนพอใช้แบบที่ไม่ต้องไปใช้เงินจากมรดกมาก เดือนละ 3-4 หมื่นก็น่าจะพอแหละ น้องในทีมคนนึง ไม่มีภาระ เปนคน กทม พ่อแม่มีบ้านหลายที่ปล่อยเช่า รถก็ใช้ของที่บ้าน คือไม่มีหนี้สินอะไรเลย เงินเดือนมัน 30000 หน่อยๆ ทำงานไปไม่นาน แอบเหนเงินใน บช มันตอนมันโอนค่าข้าวให้ หลักแสน++เลย คือ เงินเดือนเข้าเรื่อยๆ แต่ค่าใช้จ่ายไม่ค่อยมี

เรื่องลงทุน ถ้าไม่เชี่ยวชาญกัวจะหมดไวกว่าเดิมอะดิ