คิดว่าสองคนนี้มีส่วนกับผลงานของทีมไหมครับ นโยบายเอยอะไรเอย ปั้นเด็กตั้งป๊อด อื่นๆ ผมว่ามีส่วนเลย เอกบาลีย์กับหุ่นส่วนอีกคนที่ไม่ค่อยออกหน้า มีข่าวสาวสองคนนี้ไม่ยอมให้ปลดป๊อด ส่วนท๊อดก็โดนด่าเพราะออกหน้า

ปีหน้าถ้าป๊อดยังคุมต่อผมคิดว่าคงไม่ดีไปกว่านี้แล้วละครับ เหนื่อย

มันก็ต้องมีอยู่แล้วก็มันเป็น DOF ตัวที่มันซื้อมาไม่มีดีซักตัว Palmer มันของ Joe Shield ปัญหาทุกอย่างเริ่มจากทีมบริหารทั้งหมดอะ

เอาตามที่เข้าใจ

DOF 2 คน คือ Paul Winstanley กับ Laurence Stewart

Laurence Stewart (โมนาโก) เป็นคนร่าเริง เข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ดี ผู้เล่นโมนาโก ก็ไอซาสี่กับบาเดียชีล 555

Paul Winstanley (ไบร์ทตัน) ไม่ได้เป็นคนเข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ง่าย เป็นเด็กข้างไข่เสี่ยเอ็ก อารมณ์ทำงานร่วมกัน ดีลงาน ซื้อตัว ตัดสินใจด้วยกัน มีเสี่ยเอ็กซ์คุ้มกะลาหัวอยู่ ถ้าไม่มีเสี่ยเอ้กซ์ อาจโดนตั้งคำถามไปแล้ว แต่ตอนนี้อนาคตสดใส

โจ ชิล (เซ้าท์ อดีตแมนซิ) เป็นแมวมองเด็กเส้นเข้าใหม่ เข้ามาก็รีเควสเด็กตัวเองจะเอาให้ได้ บอร์ดก็จัดให้ 2ตัว ตัวนึงปังตัวนึงแป้ก ตอนนี้ได้รับความนิยมสุดในหมู่เพื่อนร่วมงาน

โจ ชิลด์ มันคล้ายๆหัวหน้าแมวมอง เป็น ผอ ฝ่ายสรรหานักเตะ น่าจะเป็นคนรับนโยบายมาแล้วไปหานักเตะตามนโยบายมากกว่านะ

ส่วนระดับบริหารที่เป็น DOF คือ วินสแตนลี่ย์ กับ สจ๊วต ครับ น่าจะมีส่วนในนโยบาย

แต่ผมคิดว่าไอ้นโยบายปั้นเด็ก มันเป็นแนวทางจากเจ้าของทีมมากกว่า ดูมันมีแผนจะทำทีมทรงนี้ตั้งแต่แรกแล้วถึงได้ตั้งใจจะซื้อสโมสรลูกไว้หลายๆประเทศที่โดดเด่นเรื่องปั้นเด็ก

แต่ที่ DOF 2 คนมีส่วนผิดคือสามารถเสนอแนะนำได้ว่านโยบายนี้ ดีไม่ดี ยังไง ควรปรับเปลี่ยนมั้ย แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไร ไม่รู้ขัดแล้วแต่เขาไม่ฟัง หรือเป็น Yes man เออออตามเจ้าของทีมไปเรื่อย เหมือน พอช

มีเรื่องที่น่าสนใจคือ Felix ที่ฤดูกาลนี้ค่อนข้างแม่นเรื่องในสโมสร ( เรื่องสปอนเซอร์ , เรื่องนักเตะที่ทีมสนใจ ปีนี้ เฟลิก มาก่อน แมต ลอร์ หลายเรื่อง ) เคยรายงานไว้ช่วงก่่อนตลาดมกราว่า วินสแตนลี่ย์ เสนอและพยายามโน้มน้าวบอร์ดบริหารคนอื่นๆให้ทีมซื้อ โทนี่ย์ ตอนตลาดมกราหลังพ้นโทษแบน แต่ก็ไม่เกิดขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ข่าวนี้มันก็แสดงให้เห็นว่าบางที DOF ก็อาจจะไม่ได้เห็นด้วยกับเรื่อง อายุไม่เกิน 25 ก็ได้นะ ( ถ้าข่าวนี้แม่นนะ แต่อย่างที่บอก เฟลิก ปีนี้แม่น )

ส่วน สจ๊วต โดนเพ่งเล็งเรื่อง บาเดียชิล กับ ดิซาซี่ ที่กากคู่ครับ คนคิดว่า สจ๊วต เป็นคนเสนอ 2 คนนี้มาเพราะเคยทำงานด้วยกันตอน สจ๊วต อยู่ โมนาโก

ดีลอื่นๆที่กาก มาดูเอเก้ คนเดากันว่า พ็อตเตอร์ เป็นคนรีเควส เพราะเคยสนใจมาตั้งแต่ตอนคุม ไบรท์ตัน แล้ว

แจ๊คสัน นี่ไม่รู้ใครมีเควส

มูดริค นี่ไม่รู้ใครรีเควสเหมือนกัน แต่คนที่เดินดีลและเจรจาคือ เอ็กซ์บาลี่ คนเลยเดาๆกันว่า เอ็กซ์บาลี่ มันอยากได้เองรึเปล่า

จำสลับหรือป่าว ผอ.กีฬา. 2คน มันคือ ลอเรนซ์ สจ๊วต กับ พอล วินสแตนลี่ย์

โจ ชิลด์ มันหัวหน้าฝ่ายสรรหานักเตะเรียกง่ายๆก็หัวหน้าแมวมอง

บทสัมภาษณ์ทั้ง2 อันเชิญทั้ง2ออกไปพร้อมกับไอ่พอชด้วย

พอล วินสแตนลีย์ และลอเรนซ์ สจ๊วร์ต:

“ประสบการณ์ของเมาริซิโอ มาตรฐานความเป็นเลิศ คุณภาพความเป็นผู้นำ และอุปนิสัยจะเป็นประโยชน์ต่อสโมสรฟุตบอลเชลซีในขณะที่เราก้าวไปข้างหน้า”

“เขาเป็นโค้ชที่ชนะเลิศ ซึ่งเคยทำงานในระดับสูงสุดในลีกและภาษาต่างๆ”

“หลักปฏิบัติ แนวทางยุทธวิธี และความมุ่งมั่นในการพัฒนาของเขา ล้วนทำให้เขาเป็นผู้สมัครที่โดดเด่น

แก้ละครับ เล่นในมือถือลำบากหน่อย จำผิด 555

อารมณ์หุ่นเชิดอะผมว่า 2 ผอ.กีฬา เอาจริงๆตั้งแต่ดูบอลมาก็เพิ่งเคยเจอทีมอะไรตั้ง ผอ.กีฬาตั้ง 2คน ของทีมอื่นเขาจะเป็นแบบ ผอ.กีฬาคนนึง ผอ.เทคนิคคนนึง อะไรแบบนั้นแต่ของเชลซีแม่งมั่วไปหมด

ืี่ที่ไอ้2คนนี้มันยังอยู่ได้ก็เพราะเป็นหุ่นเชิดให้เจ้าของอะแหละผมว่าอารมณ์แบบไม่ขัดใจเจ้าของว่าไงผมว่างั้นเพราะถ้าขัดใจจะโดนแบบ วีเวลล์ อดีตผอ.เทคนิค จากข่าวคือแกเป็นคนแรกที่เรียกร้องให้ปลดพอตเตอร์และบอกให้ทีมเซ็นนาเกลส์มันน์จริงๆมีเรื่องการเลือกนักเตะอีกแกเสนอใครไปนี่แหละแต่เจ้าของไม่สนใจไม่ฟังเสียงผอ.เทคนิคที่มีความรู้ด้านการบริหารสโมสรฟุตบอลมากกว่าตัวเจ้าของเองสุดท้ายวีเวลล์ก็ต้องออกเพราะแกมองว่าแกไม่มีสิทธิมีเสียงอะไรเลยก่อนเซ็นบอกจะให้ทำอย่างพอมาจริงไม่ให้ทำอะไรเลยบทบาทของแกมีเหมือนไม่มีก็เลยออกเลย

ดูง่ายๆว่าเจ้าของโง่เรื่องบริหารฟุตบอลแค่ไหนก็ตรงไม่ฟังคำแนะนำของผอ.เทคนิคที่มีประสบการณ์แต่ไปเอาหัวหน้าแมวมองของทีมอย่างไบรท์ตันมาเป็นผอ.กีฬาบริหารสโมสรไม่โง่จริงไม่น่าจะทำอะไรแบบนี้ได้

เจ้าของแม่งไม่รู้ห่าไรเกี่ยวกับฟุตบอลเลย แม่งสักแต่มีตังค์

อุตส่ามี คริสโตเฟอร์ วีเวลล์ อยุ่เเล้วเเท้ๆ ที่สมควรตั้งเป็น ผอ. เสือกไปตั้ง ไอพอลล์กะไอสจ๊วจ ที่เป็นเเมวมอง
มาเป็นผอ.