ช่องว่างจะถ่างขึ้น
เด็กที่จะเกิดขึ้นจะมาจากสองกลุ่มใหญ่
คนรวย มีลูกได้ไม่มีปัญหา มีปัญญาเลี้ยงมีปัญญาให้คุณภาพชีวิตที่ดีได้
คนจน มีลูกเพราะไม่คิดอะไรเลย เยได้ก็เลี้ยงได้
กลุ่มที่เด็กจะหายไปคือ ลูกของคนชั้นกลาง
เพราะงั้น คนชั้นกลางโดยกำเนิดจะลดลง ทรัพย์สินของคนชั้นกลางรุ่นก่อนจะไหลไปอยู่กับคนรวยที่มีปัญญาซื้อ คนรวยจะรวยเพิ่มขึ้นอีก คนจนก็จะต้องดิ้นรนมากขึ้น เหนื่อยแทบตายถีบตัวขึ้นมาได้แค่คนชั้นกลาง
งานมันก็ยังมีแหละ แต่ด้วยการศึกษาของไทยจะยิ่งทำให้ลำบากเข้าไปอีก จะโดนแย่งงานจากเพื่อนบ้านตัวเองนี่แหละ ระดับแรงงานจะโดนแย่งด้วยพม่า เขมร
ระดับออฟฟิศจะเป็นพวกฟิลิปปิน เวียดนามที่ใช้ภาษาอังกฤษได้
ถ้าข้อด๊อาจจะเป็นด้วยเทคโนโลยีสามารถทำงานข้ามประเทศได้โดยอยู่กับบ้านไม่ต้องเดินทางไปไหน ถ้าฝีมือดีรับงานได้ทั่วโลก โอกาสก็เพิ่มขึ้น มีตัวช่วยเยอะมากขึ้นไม่ว่าจะโปรเเกรมหรือ AI จนคนเดียวสามารถรับงานบางอย่างแบบครบวงจรทั้งกระบวนการได้เลย

น้อยไม่พอ คุณภาพต่ำด้วย ไม่มุ่งสร้างทักษะ เน้นเป็นดาราติ๊กต๊อก

เด็ก วัยทำงาน 30% ของประเทศ จะต้องทำงานจ่ายภาษี
ดูแลสวัสดิรัฐ โครงสร้างสาถารณูปโภค ให้สังคมผู้สูงอายุ 70%
ของประเทศ

ประเทศไม่มี innovation
ประเทศมีกิจกรรมทางสังคมต่ำ
ประเทศมีอุตสาหรรมหลัก ที่โลกใบนนี้จะหยุดใช้
หุ้นจะไม่มีทางกลับไปที่ 1700
ไม่มีการจ้างงาน รายได้ไม่โตตามเงินเฟ้อที่พุ่งแบบโหดสะส
เด็กเก่งๆ สมองไหล ไปอยู่ ต่างประเทศ

เอาเป็นว่ากองทุนโพธฺ์ ไม่ทำแล้ว ประเทศนี้ใกล้แล้ว

***เดชะบุญ ยังมีพระสยามเทวาธิราช ให้น้ำท่าพื้นดินท่องเที่ยว มาค้ำยันไว้อยู่


ล้มสิครับ รูป พีรมิดคว่ำแบบนี้

Let it be.

คิดว่าอนาคตคนจะน้อยลง โลกจะอุดมสมบุรณ์มากขึ้น สบายขึ้นแล้วก็ จะกลับมา เยอะขึ้่นละใช่ชีวิตยากขึ้นวนไปจนกว่าโลกแตก55

ทำนายไว้เลยว่า

พวกเด็กเก่งจะย้ายประเทศ

เพราะแบกทั้งคนแก่ ทั้งออนิวรุ่นเดียวกันไม่ไหว

อยากมีครับ และไม่กลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป

จริงๆประชากรโลกมัน overpopulation มานานมากแล้วนะ เกิดน้อยเป็นผลดีกับสิ่งแวดล้อม เป็นผลเสียกับทุนนิยม ในอนาคตคงมีเศรษฐกิจพังระดับโลกอีกสัก 2-3 รอบ

เด็กเกิดน้อยลง แต่ผมไปดูพวกม.รัฐดังๆแทบทุกม. ดันรับนักศึกษามากขึ้นกว่าเมื่อก่อนพอสมควร แถมจ่ายค่าเทอมแพงขึ้นด้วยเพราะออกนอกระบบ โรงเรียนมัธยมรัฐดังๆก็รับเด็กมากขึ้นเช่นกัน ทั้งที่อัตราการเกิดน้อย

ที่หนักเลยคือ จ่ายภาษีแบกคนเกษียณ

คิดดูถ้า คนทำงานเหลือ 20% แบก ประชากรที่เหลือ 80%

ลองคิดภาพว่า คนในบริษัทลาออกไป 40% แต่รับกลับมาได้แค่ 10%
นั่นคือภาพที่จะเกิดขึ้นเมื่อ เจน X Y เกษียณไปหมด

ภาษีที่เก็บได้จะหายไปเท่าไหร่ แต่พวกคนทำงาน เจนอัลฟ่า ยังต้องจ่ายภาษีเพื่อเลี้ยงคนแก่ที่มีจำนวนมหาศาล

ลำบากกว่าราเพราะ ไอ้พวกที่มีอำนาจชีเป็นเป็นชี้ตายประเทศก่อนหน้านี้และในปัจจุบันมันไม่แบ่งทรัพยากรให้ทั่วถึง เราจึงไม่หลุดพ้นระดับรายได้แบบนี้ตลอดไป

ผมว่าเด็กรุ่น alpha จะมีโอกาสที่จะเป็น global citizen มากกว่ารุ่นก่อนๆ เยอะ เพราะภาษาที่ดีกว่า ใช้ technology ได้ดีกว่า และปัญหาในประเทศก็เยอะ ทั้งสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม โดยให้มองภาพเหมือนคนยุโรป อเมริกา ที่ใช้ภาษาอังกฤษ เค้าก็สามารถไปทำงาน ไปใช้ชีวิตที่ประเทศไหนก็ได้ คนรุ่นนี้จะแสวงหาโอกาสที่จะไปแน่นอน ส่วนเรื่องปัญหาอื่นๆ ก็มองดูประเทศอย่างญี่ปุ่น หรือเกาหลีเป็นตัวอย่าง เพราะเค้าเจอปัญหานี้ก่อนเราแล้ว แต่สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือสิ่งแวดล้อม อุณหภูมิสูงขึ้นทุกปีแบบนี้ และปัญหามลพิษก็ไม่สามารถแก้ไขได้ คนรุ่นหลังจะใช้ชีวิตอยู่กันยังไง

ผมว่าก็ปรับตัวกันไปแหละ มหาลัย รร.ดังๆเข้าง่ายขึ้นเพราะเด็กลดลงแต่ที่นั่งมหาลัยมีเยอะ
แต่จบมาแล้วจะมีคุณภาพรึเปล่าขึ้นกับแต่ละคน

ถ้ามีความรู้ความสามารถก็อยู่ได้สบาย ถ้าแค่เรียนให้จบๆไม่มีความรู้ก็อาจลำบากเพราะมีทั้งต่างด้าวและAI ทำแทนได้แน่ๆ

การเกษียณก็คงขยายไปที่ 65ปีในไม่ช้านี้ และถ้าคนแก่แต่ยังไม่รวยหรือดันตายช้า ก็คงใช้วิธีขยายปีต่อปีไปเรื่อยๆแบบสมัครใจ แต่จ้างรับเงินเดือนแค่แบบพอใช้ดีกว่าอยู่บ้านแล้วใช้เงินเก็บ