ที่ตั้งเกาะฮาวาย ห่างจากแผ่นดินแม่อเมริกา ถึง 3,700 กิโลเมตร แถมอยู่ใกล้เม็กซิโกมากกว่าเสียอีก

ปี 1778 นักสำรวจชาวอังกฤษ กัปตันเจมส์ คุก ได้แล่นเรือมาพบกับหมู่เกาะฮาวายเข้าโดยบังเอิญ เขานำลูกเรือขึ้นฝั่งเพื่อสำรวจเกาะและได้พบกับการดูแลปรนนิบัติอย่างดีด้วยอาหารเลิศรส คลอไปกับเสียงเพลงและศิลปะการแสดงตระการตา

แต่เมื่อคุกเดินทางกลับมาที่ฮาวายอีกครั้งในปีต่อมา หลายอย่างกลับเปลี่ยนไป อาหารเลิศรสกลายเป็นสรรพาวุธที่จี้คอ เสียงเพลงถูกกลบด้วยเสียงรัวกลองรบ บ้างเชื่อว่าการปฏิบัติหน้ามือเป็นหลังเท้านี้ เป็นเพราะคุกนำวัตถุสักการะบูชาของชาวฮาวายมาต่อเป็นรั้ว บ้างก็ว่าช่วงนั้นเป็นฤดูแห่งสงคราม (Season of War) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ชาวฮาวายมีพิธีบูชายัญมนุษย์

ชาวฮาวายบนเกาะได้แอบขึ้นไปเรือของคุกและขโมยเรือมาได้ลำหนึ่ง คุกและลูกเรือของเขาจึงตอบโต้ด้วยการจับราชาของชาวฮาวายมาเป็นตัวประกัน ซึ่งการตอบโต้ของทั้งสองฝ่ายคล้ายสุมไฟใส่กัน ผลสุดท้ายกัปตันเจมส์ คุกและลูกเรือสี่นายต้องจบชีวิตลงในสงครามครั้งนั้น

เรื่องราวการเดินทางของคุกถูกพิมพ์เป็นหนังสือและบอกเล่าปากต่อปาก จากบาร์เหล้าในเมืองท่า สู่ตลาดที่เหล่าพ่อค้าต่างล้อมวงแลกเปลี่ยนสินค้า และจนถึงโบสถ์ที่เซ็งแซ่ด้วยเสียงสรรเสริญพระเจ้า เบนเข็มการเดินทางของชาวยุโรปจำนวนมากสู่หมู่เกาะที่ตั้งอยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิกแห่งนี้

สอง การเติบโตของอุตสาหกรรมน้ำตาลโดยนายทุนผิวขาว นอกจากทำให้แรงงานต่างถิ่นอพยพเข้ามาในฮาวายเป็นจำนวนมากแล้ว นายทุนกลุ่มนี้ยังเข้ามามีอิทธิพลต่อการเมืองของฮาวายอย่างมาก โดยเฉพาะการปฏิวัติโค่นล้มราชบัลลังก์ในปี 1893 และสาม โรคระบาดที่มาพร้อมชาวยุโรป ซึ่งทำให้ประชากรพื้นเมืองฮาวายลดลงจาก 300,000 คนเหลือเพียง 60,000-70,000 คน

ราวปลายศตวรรษที่ 19 การเมืองภายในของฮาวายวุ่นวายอีกครั้งเมื่อมีกษัตริย์สิ้นพระชนม์โดยไม่ได้ทิ้งพินัยกรรมเอาไว้ จึงเปิดทางให้สหรัฐฯ ดันกษัตริย์คาราคัวอา (Kalākaua) ซึ่งตนเองสนับสนุนขึ้นเป็นผู้ปกครองฮาวายและกดดันให้เซ็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรฮาวาย 1887 หรือ Bayonet Constitution ซึ่งลดอำนาจของกษัตริย์ลง และกระจายอำนาจออกไปให้กลุ่มนายทุนน้ำตาลเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในทางการเมือง

ในปี 1891 ราชินี ลิลีอูกาลานิ (Liliʻuokalani) ได้ขึ้นมาครองอำนาจต่อจากกษัตริย์คาราคัวอาที่ทรงประชวร เธอประกาศรื้อฟื้นอำนาจของสถาบันกษัตริย์ หากถูกขัดขวางจากกลุ่มนายทุนน้ำตาลที่เรียกร้องให้ฮาวายผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งกับสหรัฐฯ ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวก็ได้รับเสียงสนับสนุนจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เพราะฮาวายถือเป็นอู่ข้าวอู่น้ำและจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญในมหาสมุทรแปซิฟิก

ในปี 1893 การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองในฮาวายมาถึงจุดสำคัญ เมื่อขบวนปฏิวัติซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากทูตสหรัฐฯ จอห์น แอล สตีเวน (John L. Stevens) และกองทัพ ได้จับกุมราชินีลิลีอูกาลานิแล้วเปลี่ยนราชอาณาจักรฮาวายให้กลายเป็นสาธารณรัฐฮาวายในช่วงสั้นๆ ก่อนผนวกฮาวายเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ เพื่อใช้ในการต่อสู้สงคราม สเปนิช-อเมริกัน ในปี 1898 ภายใต้สนธิสัญญา Newsland Solution และกลายมาเป็นรัฐที่ 50 ของสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 18 มีนาคม 1959



บทมความดูซอฟต์ๆนะ เพราะจริงๆมีการใช้กำลังกับราชินีเกาะฮาวายกับชาวเกาะในพื้นที่ที่จงรักราชินี

ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นที่ถูกอเมริกากดดันไม่ส่งน้ำมันให้เลย จึงมีเหตุการณ์โจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ เป็นการปลุกยักษ์ตัวใหม่ของโลกขึ้นมาอย่างแท้จริง แต่วันนั้นก็โชคดีที่เรือบรรทุกเครื่องบินไปลาดตระเวน จึงทำให้กองทัพเรืออเมริกาฟื้นตัวไวในระยะหนึ่งแล้วประกาศสงครามโลกกับญี่ปุ่น ซึ่งประชาชนอเมริกันโกรธญี่ปุ่น จึงเข้าอาสาสมัครเป็นทหารเพื่อเป็นตัวแทนประเทศชาติเอาคืนญี่ปุ่นมากมาย สาเหตุที่ญี่ปุ่นไประเบิด เพราะไม่ให้กองเรืออเมริกามารบกวนญี่ปุ่นระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นเอง ซึ่งญี่ปุ่นก็วางแผนใหญ่ว่า ถ้าชนะศึกมิดเวย์ จะบุกแผ่นดินแม่อเมริกา สุดท้ายก็แพ้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นอเมริกาเริ่มเป็นฝ่ายไล่ตีจนกระทั่งหย่อนนิวเคลียร์ไป 2 ลูก

จริงก็เป็นประวัติศาสตร์ด้านมืด นอกจากน้ำตาลในตอนนั้น คือแหล่งสำคัญด้านอาหารของอเมริกา แต่เกาะฮาวาย ที่ตั้งคือ ด่านหน้าด่านสุดท้ายของอเมริกาในมหาสมุทรแปซิฟิก ถ้าดูแผนที่ใกล้กับเม็กซิโกกว่าอีก แต่อเมริกายึดนั้น เพื่อต้องการเอาเกาะฮาวายเป็นเกาะที่ไว้ใช้ป้องกันแผ่นดินแม่ในเชิงรับ แต่ได้มาด้วยเชิงรุกจนกระทั่งขยายอาณาเขตทางกองทัพเรือเกือบทั้งมหาสมุทรแปซิฟิกจนถึงปัจจุบัน เกาะเล็กเกาะน้อยในมหาสมุทรแปซิฟิกส่วนใหญ่ ตกอยู่ในการปกครองของอเมริกา มีสิทธิ์เท่ากับพลเมืองอเมริกัน ยกเว้นเลือกตั้งประธานาธิบดี เท่านั้น

ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ด้านมืดของอเมริกา จริงๆมืดตั้งแต่ ตีกับอินเดียนแดงละ แต่เกาะฮาวายถือเป็นประวัติศาสตร์ด้านมืดตลอดกาลของอเมริกา แต่อเมริกาที่ยึดเพราะ เพื่อจุดยุทธศาสตร์ เพื่อให้แผ่นดินแม่อเมริกา ปลอดภัยให้มากที่สุด ถ้าเกาะฮาวายถูกยึด ก็เหมือนแผ่นดินแม่ของอเมริกาไม่ปลอดภัย แต่จริงๆแล้ว ตามหลักถ้าศัตรูที่อื่นเช่นจีนยึดเกาะฮาวายได้ โลกพังแน่นอน เพราะเกาะฮาวายคือรัฐที่ 50 ของอเมริกา ถ้าถูกยึด อเมริกาใช้นิวเคลียร์แน่นอน จริงๆ คงใช้ตั้งแต่ยึดเกาะกวมแล้วมั้ง

ถ้าจีนกับรัสเซียหรือศัตรูอเมริกา อยากจะชนะอเมริกา อยากจะคิดการโครตใหญ่บุกไปถึงแผ่นดินแม่อเมริกา ต้องชนะศึกที่เกาะฮาวายเท่านั้นคือโจทย์บังคับ

นี่แหละเป็นเหตุผลที่สมัยนั้นญี่ปุ่นเปิดสงคราม

คือพวกชาติตะวันตกอื่นๆแม่มล่าอาณานิคม ยึดทำเล ทรัพยากรดีๆ กันเป็นล่ำเป็นสัน

พอญี่ปุ่นจะทำบ้าง แม่งแบนไม่ขายของ ขายน้ำมันให้เฉย

ถึงว่าทำไมสลิ่มเกลียดเมกา

อเมริกาคุมเกาะฮาวายจริงจังปี 1893 ในขณะสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นปี 1939

ตอนนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วครับ อีกทั้งอเมริกาในเมื่อกว่าจะประกาศเอกราชจากเจ้าอาณานิคมจากอังกฤษได้ ก็ลากเลือดละครับ แต่อเมริกานี้ยังพออ้างได้ว่าไปลงทุน กับ ชนะสเปน แบบฟิลิปปินส์ กับ ภายในลาตินอเมริกา เพื่อปลดปล่อยผู้ใต้อาณานิคม แต่อเมริกาก็วางแผนสูงไว้แล้วครับ ว่ายึดเสร็จก็เอาเป็นบริวารต่อ

ญี่ปุ่นเป็นพวกกับเยอรมัน และฮิตเลอร์ก็มีแนวความคิดไม่เหมือนชาวบ้าน อเมริกาถึงสนับสนุนพันธมิตรครับ หรือรู้ว่ายังไงพันธมิตรจะชนะ และในอเมริกามีชาวยิวอยู่บาน ฮิตเลอร์ยังไงก็ต้องตีกับอเมริกาอยู่ดี และอเมริกาคือผู้ที่ทำให้เยอรมันแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1

หลังจากจบสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เข้าสงครามเย็นไงครับ อเมริกาบังคับให้ยุโรปคลายอาณานิคมออกไป สั่งพวกอดีตมหาอำนาจเก่าอย่าง อังกฤษ ฝรั่งเศส ต้องยอมคายออกอะครับ ขืนไม่คายออกมา เดี่ยวคอมมิวนิสต์เข้ามาให้คนในพื้นที่ต่อต้านเจ้าอาณานิคมที่ตอนนั้นไม่มีปัญญาจะรักษาอาณานิคมแล้วครับ เงินไม่เหลือที่จะดูแลแล้ว หมดตูดไปกับสงครามโลกครั้งที่ 2 หมดแล้ว สุดท้ายอเมริกาก็มองเกมส์ออกว่า คอมมิวนิสต์เริ่มขยายแล้วจริงๆ ซึ่งถูกต้องจริงๆ

สงครามโลกไม่เท่าไหร่หลังจบสงครามเย็นถูกแทรกซึมไปทุกประเทศบางประเทศแตกออกเป็นสองฝ้ายตีกันเองเป็นสงครามกลางเมืองอีกยาวเลย

อยากให้ท่านนำเสนอกรณีเปอร์โตริโก้ด้วยครับ
อันนั้นผมว่าแย่กว่าฮาวายอีก มาแบบครึ่งๆ กลางๆ ยึดก็ยึด แต่ไม่ให้สิทธิพลเมือง

แต่ก็นะ.. ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ