จบแล้วแบบนี้

ผมว่ามันจะกลายเป็น new normal แล้วล่ะครับ
มองไม่ออกว่าจะแก้ไขยังไงจริงๆ

อดทนครับ ถ้าภาครัฐมันยังไม่ยอมแก้ไขอะไรอยู่แบบนี้ ขับรถผ่านแยกต่างๆเห็นเครื่องพ่นน้ำก้ได้แต่ถอนหายใจ

ยังไม่สามารถ ยังไม่สะดวกที่จะพาทุกคนย้ายออกไปได้ครับ ก็ต้องปรับตัว แก้ปัญหากันไป อยู่ ๆ ไปครับ

มันไม่ได้น่าอยู่อะไรแล้ว อากาศก็ร้อน วุ่นวายอีก จะเจริญ ก็ไม่เจริญ จะชิลก็ไม่ชิล ผมว่าช่วงตอนยี่สิบกว่าปีที่แล้ว น่าอยุ่มาก

ก็มันไม่ใช่เมืองฐานเสียงเขา... อ้าว บ้านเกิดเขาเลยเหรอ ท่ดๆ

เคยอยู๋ตอนค่า ฝุ่น 800 ครับ

เป้นงี้มา สิบปี สถิติมะเร็งปอดเยอะสุดในไทย ไม่โกหกใครครับภาคเหนื่อ ผ่อนส่งมะเร็งกันรุ่นสู๋รุ่นง

หวยออกใครซวยก็ตามนั้น

มันพึ่งมาหนักจัดๆตอนผมเรียนจบออกมานี้หละ

ตอนสมัยเรียนก็มีนิดหน่อย เผาไร่ข้าวโพด

ต้องว่าทั้งภาคเหนือ ไม่ใช่แค่เชียงใหม่

ท่านๆ ที่อยู่ กทม. คงเข้าใจความรู้สึกกันดีนะว่าเป็นไง

ผมคนเชียงใหม่นะ แต่มองว่าเชียงใหม่ช่วงที่น่าอยู่ที่สุด คือ ก่อนที่นิมมานจะบูมครับ

น่าจะช่วงประมาณปี 2545-2548 ราวๆนั้นครับ อากาศดี รถไม่ติด slow life ได้ครับ

แต่ตอนนี้คือ ตรงกันข้ามกับที่ว่ามาหมดเลยครับ

ปรับตัวก่อนไหมครับ อย่าเพิ่งต่อต้าน ยังไงก็ต้องอยู่ อย่าเพิ่งใช้เซลฟ์แสตนดาร์ด

ถ้าห้องไม่กว้าง เปิดเครื่องฟอกแบบเงียบเลยก็ได้ ใจร่มๆ สักพักมันก็ดีครับ

เรื่องฝุ่นเนี่ย จริงๆมันมีมาตลอดครับ อาจจะไม่หนักขนาดนี้
แต่เมื่อก่อนมันไม่มีมาตรวัดออกมาเป็นตัวเลข ให้ตื่นตูม แค่นั้นเอง

มันยากสำหรับคนใหม่ๆ เพราะมันมีความเมืองท่องเที่ยวซ้อนทับอยู่ แต่จริงๆคนโลคอลรู้อยู่แล้วว่าต้องยังไง ชีวิตประจำวันมันมีอยู่ และหาได้ทั่วไปในเมืองด้วย ไม่จำเป็นต้องขวนขวาย

ใจเย็นๆครับ คนแห่มาหาที่ มาทำธุรกิจเชียงใหม่ มันต้องมีอะไรแน่ๆครับ

ไม่ต้องหวังพึ่งใครเลยครับ พึ่งตัวเอง เครื่องฟอกห หน้ากาก ห้องความดัน เรื่องฝุ่นไม่เคยได้รับการแก้ไขจริงๆสักอย่าง ไม่ต้องถึงกับเรื่อง เผา เรื่อง เพื่อนบ้านไรหรอก แมส pm แค่ให้ความรู้คนทั่วไป ยังไม่มี

ช่วงฝุ่นเยอะ ผู้ว่า นายกเทศบาล อบต จะเงียบๆหน่อย ไม่ค่อยออกงาน กลัวคนถาม เดี๋ยวต้องเอาเครื่องออกมาพ่นน้ำอีก

เพราะมันเจริญที่สุดรองจากกทม.นี่แหละเลยถึงอยู่ได้มาถึงทุกวันนี้ แต่มันก็แค่หน้าสื่อนั่นแหละที่ดูว่าเจริญอะ

ทั้งจังหวัดมีห้างใหญ่แค่ 3 ที่ ที่เหลือคือพวกบิ๊กซีโลตัสแม็คโคร ตัดภาพไปที่กทม. เยอะกว่าไม่รู้ตั้งกี่เท่า

ไหนจะค่าแรงที่โดนกดอีก ระบบขนส่งสาธารณะนี่รถแดงครองเมือง รถแดงเชียงใหม่ = แท็กซี่กทม. เห้เหมือนกันไม่ต่าง อยู่เชียงใหม่ถ้าไม่มีมอไซเป็นอย่างน้อย = เดินทางลำบาก

ส่วนเรื่องกินลองบอกมาก่อนก็ได้ครับว่าอยู่แถวไหน เผื่อจะช่วยแนะนำให้ได้ ผมอยู่ในเมืองใกล้เมย่า ค่อนข้างจะรู้แหล่งกิน ไม่แพงอยู่ เลือกร้านดีๆ หรือร้านดีๆ ทั้งอร่อยทั้งถูกครับ ไข่เจียวไข่ดาวฟองละ 5 บาทก็มี

เอาจริงๆ ถึงจะบ่นกัน แต่ถ้าให้เลือกอยู่ ผมขออยู่เชียงใหม่นะ ไม่ชอบชีวิตกทม. มันดูเร่งรีบไปหมด วุ่นวายแบบวุ่นวายโคตรๆ ไม่ชอบเอาซะเลย เชียงใหม่นี่คืออยู่กึ่งกลางพอดี ไม่เร่งไม่ช้าเกินไป ใครที่บอกค่าครองชีพแพง ถ้าคุณรู้แหล่ง มันจะไม่แพงเลยเอาจริงๆ รถที่ว่าติดเทียบกับที่กทม.ไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ช่วงที่รถเชียงใหม่ติดที่สุดคือช่วงเทศกาลที่คนมาเที่ยวกัน แต่ถ้าวันปกติวันทำงาน สบายกว่ากทม.เยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ผมกล้าเอาหัวเป็นประกันเลย

***อันนี้อยู่ในเงื่อนไขที่มีเงินที่รับได้นะครับ*** ส่วนใหญ่ไม่อยากอยู่กันก็เพราะกดค่าแรงนี่แหละ เพราะอยู่นี่ก็โดนกดค่าแรง ความเจริญก้าวหน้ายังสู้กทม.ไม่ได้ ตรงนี้เป็นรองมากๆ

ส่วนเรื่องฝุ่นควันนี่....ผมปล่อยจอยละครับ ไม่หวังเห้กับรัฐบาลเห้นี่ละ ดูแลตัวเองกันไปครับ

ผมว่าไม่ตกครับ ถ้าตกกก็ตกนิดเดียว ไม่ตกง่ายๆแน่นอนครับ

เพราะถ้าตกมันตกไปนานละครับ เพราะมันเป็นปัญหาแบบนี้มาสิบๆปีแล้ว นับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีตกไปก็แค่ช่วงโควิด ตอนนี้เริ่มกลับมาบูมแล้ว คอนโดขึ้นเป็นดอกเห็ดเรื่อยๆ

ทุกวันนี้หันไปทางไหนก็มีแต่คนเกาหลี มองไปทางไหนก็มีแต่คนจีน นททเต็มไปหมด

เพราะสุดท้ายแล้วฝุ่นภาคเหนือมันก็มาเหมือนฤดูกาล ที่เหลือของปีนั้นปลอดโปร่ง

เมื่อก่อนมันไม่เป็นแบบนี้นะครับ หน้าร้อนก็ไม่ร้อนขนาดนี้ ฝุ่นก็ไม่ขนาดนี้ รถเอย คนเอย ก็ไม่ได้เยอะขนาดนี้ มันเคยน่าอยู่จริงๆนะครับ

ฝุ่นเกิดจากอะไรก่อนครับ
ไม่ใช่อยุ่ดีๆมันก็เกิด ถ้าประชากรยังมีจิตสำนึกต่ำ
อย่าไปหวังจะอก้ปัญหาได้