Spoil
*ผมแคปภาพจากวีดีโอ ตอนถ่ายคลิปนี้คือผมหมดหน้าที่ตรงนั้นแล้ว*
ขอเกริ่นก่อนนะครับคือผมพึ่งกลับมาจากสวนทุเรียนได้แป๊บเดียวเพิ่งอาบน้ำอะไรเสร็จ
คือกะว่าเดี๋ยวจะไปนอนดูอะไรสักหน่อยแล้วค่อยหลับกลางวันเพราะวันนี้อากาศร้อนมากๆ
แล้วอยู่ๆผมก็ได้ยินเสียงครืดบนถนน ซึ่งผมอนุมานได้เลยว่าต้องมีรถมอเตอร์ไซค์ล้มแน่ๆ
พอผมวิ่งออกไปหน้าบ้านโอเคใช่จริงๆด้วย บอกตามตรงใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียววิ่งโตงเตงเลย
แล้วภาพที่ผมเห็นตอนแรกคือมีผู้หญิง 2 คน คนข้างหลังใส่ชุดนักเรียน มัธยมปลาย ผู้หญิง
แล้วก็แม่เขาด้วยแม่เขาเป็นคนขับ ส่วนเรื่องเกิดอุบัติเหตุได้อย่างไร เดี๋ยวเราค่อยว่ากันอีกที
ด้วยความที่มันเป็นหน้าบ้านผม เยื้องไปนิดหน่อยมันจะมีโรงเก็บของอยู่ข้างบ้านผมก็เลยพาน้องเขา
แล้วก็แม่เขาด้วยมาหลบร้อนอยู่ที่หน้าโรงเก็บของใต้ต้นไม้ ภาพที่ผมเห็นคือ แผลถลอกตามแขนขา
แล้วก็มีส่วนเนื้อที่หลุดไปตรงนิ้วมือ ถึงจุดนี้ผมบอกน้องว่า "น้องไม่ต้องมองนะโอเค เดี๋ยวพี่จัดการให้"
คือตอนแรกน้องเขาก็ยังมีสติดีนะเพราะว่าผมก็บอกว่า"เดี๋ยวพี่มา น้องรอพี่แป๊บนึงนะ พี่จะไปเอาเก้าอี้
ไปเอาผ้าไปเอาน้ำสะอาดน้ำเย็นแล้วก็พวกอุปกรณ์ทำแผลมาให้" แล้วผมก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้านแล้วไปเอา
ของทุกอย่างมา และตอนนี้แหละที่ผมเห็นว่าน้องกำลังกลัวตัวสั่นเพราะว่าต้องใช้น้ำเกลือและแอลกอฮอล์
ในการล้างแผลและทุกคนก็รู้ว่ามันโคตรมหาแสบขนาดไหนแล้วคิดดูว่าอากาศร้อนมาก 41 องศาคิดดูสิ
แต่ด้วยความที่ผมเป็นผู้ชายและน้องเขาก็เป็นผู้หญิงผมเลยพูดกับน้องเขาว่า"น้องครับพี่จำเป็นต้องจับมือหนูนะ
นะครับ" น้องเขาก็พยักหน้า เอาจริงผมก็อยากจะทำให้เบามือที่สุดนะ เพราะว่าผมไม่อยากให้น้องเขาต้องเจ็บเยอะ
ก็พยายามเบามือที่สุดและทำให้เร็ว แผลตรงมือน้องยังพอทนได้แต่ว่าน้องก็กำมือถือไว้แน่นเลยเพราะคงแสบมากๆ
แล้วแผลที่ใหญ่สุดอยู่ตรงที่หัวเข่าตอนนี้แหละที่ผมเห็นว่าน้องแบบน้องกลัวมากๆ ผมก็เลยให้น้องเขา วางมือถือลง
แล้วบอกให้น้องเขา"เอามือมาจับแขนพี่หนูจะหยิกก็ได้แต่หนูต้องอดทนให้ได้นะ" พอผมเห็นว่าน้องเขาหายใจช้าลง
ผมก็เลยรีบเช็ดแผลอย่างเร็วที่สุด เอาตามความรู้สึกการบีบรัดที่แขนผมนะ ผมว่าน้องเขาแบบเจ็บจนอยากจะกรี๊ดเลย
แต่ก็นั่นแหละน้องเขาก็ร้องไห้เลยส่วนผมก็คือมันไม่มีทิชชู่อ่ะมีแต่สำลีก็เลยเอาสำลีสะอาด มาซับน้ำตาให้นิดหน่อย
คือตอนนี้พอผมล้างแผลอะไรให้น้องเสร็จ ก็เริ่มมีคนแถวบ้านเขาแบบออกมาช่วยมาดูอะไรเงี่ยผู้หญิงทั้งนั้น พี่ๆป้าน้าอา
แต่ตอนนั้นผมก็ยืนพัดลมให้น้องนั่งบนเก้าอี้อยู่ แล้วอยู่ๆน้องเขาก็บอกว่า"หนูไม่ไหวแล้ว" แล้วหน้าน้องก็ซีดลงตาเริ่มลอย
จนตอนนั้นผมเพิ่งรู้ตัวว่าน้องเขากำลังจะวูบ แล้วด้วยความที่ผมก็ยืนอยู่ข้างๆด้านขวาน้องเขาอยู่แล้ว ก็เลยรับตัวน้องทัน
บอกก่อนนะถึงจะเป็นผู้หญิงผอมบางหรือว่าอะไรแต่เวลาเขาวูบน่ะเขาทิ้งตัวเลยนะแล้วแบบมันเหมือนจะแบบหนักกว่าปกติ
พอถึงจุดนี้คนก็เริ่มโวยวายส่วนแม่น้องเขาก็สติก็เริ่มจะไม่นิ่งเพราะว่าลูกเป็นลมชักเกร็งอยู่ก็เข้าใจได้แต่ดีนะที่มีพี่ข้างบ้าน
พี่เขาเป็น อสม แล้วพี่เขาก็ผ่านอบรมการกู้ชีพมาแล้วและที่สำคัญคือพี่เขาเป็นผู้หญิง เพราะถึงจุดนี้คือทุกคนก็น่าจะรู้กันว่า
เราต้องถอดเสื้อหรือปลดกระดุมเสื้อปลดเข็มขัดกระโปรงกางเกง ทำให้หลวมให้โปร่งให้อากาศถ่ายเทได้ดีที่สุดที่จะทำได้
และแน่นอนว่าสิ่งนี้ผมไม่สามารถทำได้เพราะผมเป็นผู้ชายและน้องก็เป็นผู้หญิง แต่ถ้าหากตรงนั้นไม่มีผู้หญิงเลย ผมก็ต้องทำ
และหลังจากนี้ผมจะมีบทบาทน้อยลงเพราะว่าผมต้องถอยออกมาให้ผู้หญิงด้วยกันเขาปฏิบัติหน้าที่ได้ ส่วนผมทำได้แค่ยืนดูห่างๆ
และในที่สุดลด 1669 ก็มาจนได้ถ้าเอาแบบไม่เกรงใจกันไอห่..จากจุดเกิดเหตุไปสถานีอนามัยที่มีรถกู้ชีพอยู่ห่างกันแค่ 1.1 กิโล
แต่ผ่านไป 21 นาทีกว่าจะมา กูเหลือจะเชื่อ หาคนขับรถไม่ได้หรือไงวะโคตรหงุดหงิดกว่าจะมาได้น้องเขาเป็นลมชักเกร็ง เคสแดง
จนถึงตอนนี้คือเจ้าหน้าที่ได้พาน้องเขากับคุณแม่เขาพาไปส่งที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ ส่วนคนที่มาดูก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
ส่วนผม ตอนแรกคิดว่าคงไม่ต้องไปหรอกมั้ง เพราะว่าพ่อเขา พี่ชายน้องเขาก็มากันแล้ว มันหมดหน้าที่ของผมตรงนั้นแล้วจริงๆ
แต่ผมยอมรับตรงๆนะบ้านผมเขาเรียกว่าอยู่ไม่ทิ่น ผมไม่สามารถหยุดคิดว่าน้องเขาจะเป็นยังไงบ้างได้เลยแม้แต่สักนิดเดียวเลย
ก็เลยลุกขึ้นหยิบกุญแจรถแล้วก็ขับรถตามไปที่โรงพยาบาลก็พอไปถึงห้องฉุกเฉินก็เจอคุณพ่อของน้องเขาแล้วก็พวกญาติๆเขา
ผมสรุปให้เลยเพราะมันยาวไปแล้ว คือ คุณแม่ของน้องเขาบาดเจ็บตรงบริเวณท่อนแขนด้านบนต้องใส่เฝือกอ่อน พักฟื้น 5 วัน
ส่วนน้องผู้หญิงเบื้องต้นมีอาการวิงเวียนศีรษะจากการกระแทก ถึงจะไม่รุนแรงแต่ก็จำเป็นต้องเข้าเครื่อง CT scan อย่างละเอียด
แล้วคุณหมอได้ให้น้องเขาแอดมิดโรงพยาบาล 1 คืน เพื่อสังเกตอาการ พอคุณพยาบาลเขาพาน้องออกมาจากห้องมาหน้าตึก
แล้วผมเห็นว่าน้องเขาลืมตาอยู่ได้หันหน้ามาโอ้โหเหมือนกับว่าหายใจอิ่มท้องได้อีกครั้ง ไอยาใจจะขาดให้ได้ กลัวน้องเขาเป็นอะไร
ผมนั่งคุยกับคุณแม่น้องเขาได้แป๊บนึง คุณพ่อกับคุณแม่น้องเขา เขาชวนผมเข้าไปดูน้องว่าเป็นไง ผมก็เดินไปกับเขานั่นแหละ
แต่ว่าผมก็ไม่ได้เดินเข้าไปในห้องพร้อมเขานะผมยืนรออยู่หน้าประตูมองจากไกลๆ แต่สักพักเขาก็เรียกให้ผมเดินเข้าไปอยู่ดี
พอผมเข้าไปเห็นน้องนอนอยู่โอเคตอนนั้นผมว่าโอเคละ น้องคงไม่เป็นอะไรแล้ว แล้วแม่น้องเขากับพ่อน้องเขาบอกว่าพี่คนนี้
ที่ช่วยเอาน้ำเย็นช่วยทำแผลช่วยพัดลมให้หนู น้องเขาหันมาดูแล้วก็ยกมือไหว้ผมก็ยกมือไหว้กลับ ก็ยิ้มให้แหละแต่ใส่แมสอยู่
รู้ไหมน้องเขาบอกว่าไงหนูจำอะไรไม่ได้เลยผมนี่ขำก๊ากในใจเลยเพราะว่าสมัยผมขับมอเตอร์ไซค์คว่ำผมก็จำห่..อะไรไม่ได้เลย
รู้ตัวอีกทีอยู่บนรถฉุกเฉินโครงไปโครงมาจะอ้วกให้ได้พอถึงโรงพยาบาลความทรงจำเริ่มกลับมาทีละนิดทีละนิด อ๋อลงหลุมคว่ำ
หลังจากที่ได้เห็นน้องเขามีสติสามารถตอบโต้พูดคุยได้ผมก็คิดว่าคราวนี้แหละมันหมดหน้าที่ผมแล้วจริงๆผมควรกลับบ้านได้แล้ว
ก่อนกลับก็ยกมือไหว้พวกญาติๆน้องเขา แล้วก็บอกกับน้องเขาว่า"หายไวๆนะน้อง พี่กลับก่อน" ก็เดินออกมาแยกย้ายกลับบ้าน
สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกว่าสำหรับคนที่อ่านจนมาถึงพาร์ทนี้นะ ถ้าขับรถมอเตอร์ไซค์ใส่เถอะครับหมวกกันน็อคน่ะ ช่วยได้เยอะ
อ๋อเกือบลืม พอผมกลับถึงบ้านพวกพี่ๆแถวบ้านล้อยับเลย อาหวังๆ อาหวังเชี่...ไร ลุงหวังเหอะ อายุผมน๊อครอบน้องเขาได้รอบนึง
น้อง ม.4 (15-16) ผม เดือนหน้า (31)
ปล.ยังไงก็ขอให้น้องเขาไม่เป็นอะไรมากหายไวๆนะครับหนู(จริงๆพูดใต้กันนะคำว่าหนูจริงๆเป็นหนุ่ยผมแปลงภาษากลางให้)
Spoil
*รถครอบครัวน้องเขาครับเรากลับออกมาจากโรงพยาบาลพร้อมกัน*
อันนี้เกี่ยวกับทุเรียน
เนี่ย ตอนแรกตั้งใจจะมาให้ความรู้เป็นวิทยาทานในการตัดสินใจลูกไหนควรอยู่ลูกไหนควรตัดทิ้ง เอาไว้วันหน้าละกันครับ