#SSxLaLiga | การเผชิญหน้ากันระหว่างบาร์เซโลน่า กับเรอัล มาดริด ในครั้งล่าสุด เป็นคาร์โล อันเชล็อตติ ที่สามารถเพิ่มสถิติเก็บชัยชนะเป็นเกมที่ 4 เทียบเท่ากับชาบี้ เอร์นานเดซ จากการดวลฝีมือกันทั้งหมด 8 เกม

ศึก “เอล กลาซิโก้” ยกแรกของฤดูกาล 2023/24 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรอัล มาดริด พลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะบาร์เซโลน่า ถึงเอสตาดี้ โอลิมปิก เด มอนจูอิก 2 - 1 และแซงขึ้นสู่จ่าฝูงเป็นที่เรียบร้อย

บาร์ซ่า ขึ้นนำก่อนตั้งแต่ 6 นาทีแรก จากอิลคาย กุนโดกัน แต่ราชันชุดขาว ได้จู๊ด เบลลิงแฮม เหมาคนเดียว 2 ประตูในครึ่งหลัง และต่อไปนี้คือ 5 ปัจจัยที่ทำให้ทีมของคาร์โล อันเชล็อตติ เก็บ 3 คะแนนในเกมนี้

เบลลิงแฮม สร้างอิมแพกต์ให้มาดริด

แน่นอนว่า เหตุผลหลักที่ทำให้เรอัล มาดริดเป็นผู้ชนะ นั่นคือจู๊ด เบลลิงแฮม มิดฟิลด์ดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษวัย 20 ปี ซึ่ง 2 ประตูจากเกมล่าสุด ทำให้ตอนนี้เขายิงไปแล้ว 13 ประตู จาก 13 นัดแรก รวมทุกรายการ

สถิติการยิงประตูของเบลลิงแฮม นับตั้งแต่เริ่มต้นซีซั่นนี้ เทียบเท่ากับอัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ แข้งระดับตำนานของสโมสร เขาคือผู้สร้างอิมแพกต์ในการลงเล่นเอล กลาซิโก้ ครั้งแรกในชีวิต

ตัวสำรองราชันชุดขาว ช่วยเปลี่ยนเกม

ชาบี้ เอร์นานเดซ เฮดโค้ชของบาร์เซโลน่า ได้วางแท็กติกที่น่าสนใจบางอย่าง เช่นการดันชูเอา คันเซโล่ ขึ้นไปเป็นกองหน้าฝั่งขวา และให้อิลคาย กุนโดกัน เล่นเกมรุกมากขึ้น ซึ่งก็ทำได้เป็นอย่างดีในครึ่งแรก

อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นครึ่งหลัง คาร์โล อันเชล็อตติ เทรนเนอร์ของเรอัล มาดริด ได้เปลี่ยนผู้เล่นสำรองอย่างเอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า, โฆเซลู รวมถึงลูก้า โมดริช ช่วยให้เกมของราชันชุดขาวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

คามาวิงก้า ทำได้ดีทั้งเกมรับและเกมรุก

เมื่อเริ่มเกมครึ่งหลังได้ 7 นาที เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า มิดฟิลด์ดาวรุ่งทีมชาติฝรั่งเศส วัย 20 ปี ถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทนเฟอร์ลันด์ เมนดี้ และเล่นในตำแหน่งฟูลแบ็กฝั่งซ้าย ซึ่งเขาก็ทำผลงานได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว

คามาวิงก้าสามารถรับมือกับแนวรุกของบาร์ซ่าได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งชูเอา คันเซโล่, เฟร์มิน โลเปซ รวมถึงลามีน ยามาล อีกทั้งยังสามารถพาบอลไปยังแดนหน้า ทำให้เกมบุกของเรอัล มาดริดดีขึ้นแทบจะในทันที

การ์บาฮาล ช่วยเกมรับราชันชุดขาวได้ดี

ดานี่ คาบาฮาล แบ็กขวาของเรอัล มาดริด ได้สวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีมลงเล่นเอล กลาซิโก้ และโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นหัวใจสำคัญในแนวรับของทีม โดยเฉพาะการรับมือกับเกมรุกฝั่งซ้ายของบาร์ซ่า

ดาวเตะชาวสเปนวัย 31 ปี มีช็อตสำคัญที่ช่วยให้ทีมยังอยู่ในเกม คือการสกัดลูกยิงของเจา เฟลิกซ์ และเฟร์มิน โลเปซ ในช่วงครึ่งแรก แม้จะเสียใบเหลืองจากการทำฟาวล์เฟลิกซ์ แต่โดยรวมแล้วถือว่าทำได้ดี

บิ๊กเซฟของเกป้า ช่วยมาดริดเอาตัวรอด

เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า ผู้รักษาประตูของเรอัล มาดริด กับการลงเฝ้าเสาในเกมแห่งฤดูกาลอย่างเอล กลาซิโก้ เป็นครั้งแรกในชีวิต เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ต้นสังกัดของเขา บุกมาคว้า 3 แต้มถึงถิ่นมอนจูอิก

นายทวารชาวสเปนวัย 29 ปี โชว์การเซฟจังหวะสำคัญในครึ่งหลังถึง 2 ครั้ง เริ่มจากบล็อกลูกยิงของโรนัลด์ อเราโฆ่จากระยะเผาขน ช่วงต้นครึ่งหลัง และป้องกันลูกยิงของราฟินญ่า ช่วง 5 นาทีสุดท้ายของเกม

ชัยชนะของเรอัล มาดริดในนัดล่าสุด ทำให้พวกเขามีคะแนนมากกว่าบาร์เซโลน่า 4 แต้ม ก่อนที่ทั้ง 2 ทีมจะพบกันอีกครั้ง ช่วงปลายเดือนเมษายน ปีหน้า ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่อาจมีผลต่อการลุ้นแชมป์

ปัจจัยเดียว
ไอ้จู๊ด

ห้ปัจจัยมีจู๊ดไปซะสี่

เอาตรงๆ ลูกที่2 โชคล้วนๆ เกมส์นี่ สมควรจบ1-1นะผมว่า
ปัจจัยอะไรทั้งหมด คือลูก2มันเฉลบมา เข้าทางพอดี กองหลังไม่มีใครคิดว่าจะมาเเบบนั้นได้
บาซ่า ซวยไป หรือ มาดริดโชคเข้าข้างพอดีลูก2

ส่วนลูกเเรก ยอมน้องจู๊ด ยิงไฟลุกเลย

ผมยังขอชมเฉพาะนัดนี้นะ ขอชมอันเช่ แก้เกมดีจริงๆ (แต่ต้นเกมก็ไม่น่าส่งลูกรักมาเลย) ลงมาเปลี่ยนเกมเลย ส่วนจู๊ด ก็สร้างความแตกต่างได้เฉพาะตัว

เคยได้ยินคำว่า แทบอิน หรือ โพซิชั่น มั้ย

แถวบ้านเรียก เข้าฮอส กับ หาตำแหน่ง

จู๊ด ถูกจัดวางไว้ในตำแหน่งกลางตัวรุก ถ้าไม่สอดเข้าไปมันก็ไม่แปลก

แต่กลางสอดเข้าไปหาตำแหน่ง เข้าฮอส หรือ โอกาสยิง มันคือ เซนต์ฟุตบอล(ที่เกิดจากความตั้งใจ)

ถ้ามองผิวเผิน โอเคลูกมันแฉล่บมา แต่ถ้านักฟุตบอล ไม่พาตัวเองไปอยู่ตำแหน่งตรงนั้น

โอกาสจะได้ยิง มันก็คือ...ศูนย์

ดังนั้นสิ่งเหล่านี้คือ เซนต์ฟุตบอล หรือที่เรียกว่าสัญชาตญาณ (ซึ่งมันมีอยู่ในตัว จู๊ด)

เพราะคุณไม่มีทางรู้หรอกว่า ฟุตบอลจะมาถึงคุณแบบไหน เวลาไหน

ดังนั้นสิ่งที่คุณทำและฝึกฝนได้ คือ การพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่สร้างโอกาส (ทำประตู)

ไม่ใช่ฟลุ๊ค 100%

เเอบงงนิดหน่อย ฟลุ๊ค??? ผมไม่ได้บอกเเบบนั้นนี่นา
จังหวะมีโชคนักเตะทำได้ ก้อโอเค อันนี้ผมเมาหรือใครมึนน้อ

จู้ด กับ คามาวิงก้า คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ในเกมส์นี้

แอบเสียดาย 2 จังหวะ
โฆเซลู จังหวะหลุดควรจะกระชากไปยิง ดันดึงถ่วงเวลารอเพื่อน วิ่งมาเติม อย่างมึน กระชากคนเดียวไม่เป็น
จังหวะที่ สอง ตัดสินใจยิงช้าจนโดนมาสกัด สงสัยอยากจะเลี้ยงถึง 3 หลาแล้วค่อยยิงมั้ง เป็น เบนเซม่านีหายไปละ

เกินไปมั้งคับ กับคำว่า "โชคล้วนๆ" มันเป็นจังหวะเข้าทำอยู่แล้ว จู้ดเค้าก็ตั้งใจยิงชัดเจนนะคับ จังหวะนี่ผมก็ไม่รู้ว่าคนเปิดตั้งใจเปิดให้ โมดริช หรือตั้งใจเปิดให้จู้ด โมดริชเกี่ยวไม่ติดมันเลยผ่านไปถึงจู้ด ซึ่งการเปิดลูกนี้สามารถเล่นได้ทั้ง 2 คน เพียงแต่ว่าจู้ดเป็นคนได้บอลและซัดเข้าไป เพราะฉะนั้น ลูกนี้ไม่ได้ เรียกว่า โชคล้วนๆ น่ะคับ Try to Win เล่นเพื่อชัยชนะคับ มันก็ต้องทุ่มเท กับการเข้าฮอสเข้าทำประตูกันอยู่แล้ว

ไม่ใช่โชคล้วนๆสิครับ
มันมี วิชั่น + off the ball แบบเก่งๆร่วมด้วย

คำว่า ลูกที่สอง โชคล้วนๆ ยังไม่เรียกว่าฟลุ๊ค อีกรึ พิมพ์มาเองชัดเจนขนาดนั้น

คนแบบคุณให้ค่าแค่เรื่องโชค มันก็คือฟลุ๊คที่ได้นั่นแหละจังหวะนั้น

แต่คุณไม่ให้ค่าการยืนตำแหน่ง การเคลื่อนที่ และการแทบอิน(เข้าฮอส) ที่เป็นเซนต์ฟุตบอลสักนิด

จ้างั้นเอาตามนั้น บอลมาเเบบนี้ ฝีมือเลยละ ตามนั้นๆ

ครับ ยอมเลยคับ 55