อยู่ในช่วงปรับตัวครับ ช้า เร็ว แล้วแต่คนครับ

ทำไปให้สุดความสามารถ

ผมก็เป็น โทรไปหาแม่ เกือบร้องไห้นะ แต่ได้พลังมาเยอะเลย ถึงแม่ไม่ได้พูดอะไร

สุดท้ายมันก็ผ่านไปได้เอง ลุยครับ

ทำงานมาเรื่อยๆ 5-6 ปี ไม่มีปัญหาอะไรหนักหนามากมาย

พอเจอหัวหน้างานคนใหม่ 9 เดือนละ โคตรเบื่อเลย

ตรงนี้จริงครับ การทำงานเพื่อนร่วมงานไม่ดีไม่มีผลเท่าหัวหน้างานงี่เง่าและบ้าอำนาจที่สุด ตรงนี้ทำให้ทนต่อการกดดันยาก

ถ้าเรื่องความยากของงานมีคนให้คำปรึกษาอย่างรุ่นพี่หรือเพื่อนที่ทำงานสายนี้ไหมอ่าครับ บางทีผมก็ได้พี่ๆนี่ล่ะให้คำแนะนำ ความคาดหวังมีเสมอ แต่ดีกว่าเค้าไม่คาดหวังไรเลย เพราะคนที่เค้าไม่คาดหวังคือคนที่เค้าไม่เอาแล้วอ่ะครับ

ออกแน่ครับแต่คงรอรับโบนัสก่อนละค่อยไป ถึงจะมีประสบการณ์ ก็จะได้ 2 ปีละ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเก่งขึ้นเลย แต่อยู่ต่อก็คงไม่ได้เก่งขึ้นอยู่ดี ส่วนเรื่องภาษาตอนนี้ก็พยายามอยู่ครับแต่ไอ้งานที่ทำมันทำให้หมดไฟมากๆ จนบางทีกลับห้องมาก็ไม่อยากทำอะไรละ

คนอื่นให้กำลังใจไปเยอะแล้วเนอะครับ ให้ผมเป็น echo board แล้วกัน

ผมสอนทุกคนว่า อย่าเพิ่ง”รีบ”กับที่ทำงานใหม่ อย่าเพิ่งกดดันตัวเอง ไม่ว่าจะตำแหน่งที่สูงขึ้น ไม่สูงขึ้น ที่ทำงานใหม่ ฯลฯ สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไปมันมีผลกระทบต่อ”ความรู้สึก”ของเราอยู่แล้วครับ อย่างไรก็ดี เราต้อง quantify สิ่งที่เรารู้สึกออกมาเป็นตัวเลขหรืออะไรที่วัดได้ให้ได้ (tangible results)

คุณอาจจะยังรู้สึกว่ามือไม่ถึง แต่ถ้าเราตัดความรู้สึกออกล่ะ คุณทำอะไรเสร็จแล้ว คุณกำลังทำอะไรอยู่ และคุณจะทำอะไรต่อ (Done, Doing, Next) และที่ผ่านมา คุณสังเกตเห็นอะไรบ้าง อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้คุณทำงานที่คุณทำอยู่ไม่สำเร็จ (challenges & constraints) ได้มีการพยายามแก้ไขในส่วนของคุณหรือยัง และได้มีการคุยกับ mentor หรือโค้ช หรือหัวหน้างานมั้ยครับ ถ้าไม่มี ลองหาเวลาคุยดู ถ้าเค้าไม่สนใจ ส่วนตัวผมว่านี่ก็เป็นสิ่งนึงที่ทดไว้ในใจได้เลยว่าองค์กรนี้ไม่ value การ onboarding พนักงานใหม่

สิ่งนึงที่เป็นปัญหาสำหรับพนักงานใหม่เสมอๆคือ เรามีความตั้งใจและความกระตือรือร้นที่จะพยายามทำอะไรให้สำเร็จครับ แต่เราต้อง assess ทั้งตัวเองและสถานการณ์เสมอๆว่าสิ่งที่เราคิดตั้งอยู่บนพื้นฐานที่เป็นไปได้หรือไม่ เพราะ overexpectation มันจะยิ่งทำให้เราดาวน์ไปอีกครับ ผมแนะนำ new joiner บ่อยๆว่า พยายามมองหา quick win หรือ small win ให้ได้ เพราะมันจะทำให้เรารู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง และ”ซื้อ”trust จากคนรอบตัวได้ด้วยเช่นกันครับ

ผมแนะนำว่าลองทำการวิเคราะห์ตัวเองดูนะครับ ทำ 30/60/90 days plan มา ว่าที่ผ่านมาเรา”ได้รับ”อะไรจากที่นี่บ้าง และ onboarding process ที่เค้าให้เรามามีอะไรบ้าง แล้วค่อยมาคิดกันต่อว่าจะทำอย่างไร… แต่ส่วนตัวแล้ว ผมเชื่อในหลักการ 3w3m3y มากกว่า คือ 3 weeks แรกคุณน่าจะรู้แล้วว่าอะไรยากง่ายหรือคุณคลิกกับที่ๆนึงหรือเปล่า และปัญหามีอะไรบ้าง (ตามที่ผมบอกไปด้านบน) แล้วพอครบ 3 months ค่อยมาดูว่า เออ เราฟิตอินหรือยังนะ แล้วปัญหาที่เจอใน 3 weeks มันถูกแก้ไปหรือยังหรือลดน้อยไปหรือยัง ส่วน 3 years คือ ถ้าคุณอยู่ที่ใดที่นึงได้เกินสามปี แปลว่านั่นเป็นที่ๆดีพอสำหรับคุณในระยะยาวแล้วครับ

อย่างไรก็ดี อย่างที่บอกไปด้านบนว่าถ้าหัวหน้าเอาแต่ตำหนิ แต่ไม่พยายามจะช่วยเหลือ ผมว่าอันนี้ก็ต้องมี concerns บางอย่างแล้วครับ เพราะในการทำงาน ผมมองว่าคนเราจะ”มีความสุข”ได้ เกิดขึ้นจากสี่ปัจจัย -> หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน เนื้องาน และโอกาสในการเรียนรู้และเติบโต (จะเห็นว่าผมไม่พูดถึงเรื่องเงินเลย เพราะต่อให้เงินเยอะ แต่สี่ปัจจัยนี้ไม่ดี คนเราก็อยากลาออกอยู่ดี)

ถ้าต้องการคำปรึกษา ทัก DM มาได้ตลอดเวลาครับ

ต้องมั่นใจในตัวเองครับ เค้ากล้ารับเรา แสดงว่าเราต้องมีดีในระดับนึง ลองวางแผนแยก scope งานแยกปัญหาออกมาแล้วค่อยๆวางแผน อันไหนเราด้อยก็ค่อยๆพัฒนาครับ

ส่วนผม30กลางแล้ว เงินเดือนเพิ่มเริ่มขยับเยอะหน่อย แต่ทำงานรัฐวิสาหกิจ อยู่ใน comfort zone ผมก็หาความรู้เรื่องอื่นเสริมเอาครับ

เอาจริงนะ ผมบ่นๆงานตัวเอง แต่ก็พยายามมองว่างานคนอื่นแม่งก็ยากเหมือนกัน แค่คนละแบบ

เอาจริงๆนะ ผมว่างานขาย”คน”แบบคุณ ยากนะ เพราะมันนอกจากมี certain criteria แล้ว มันยังมีเรื่อง culture fit รวมไปถึงกระทั่งไอ้ความรู้สึกที่เป็น subjective ระหว่างสองปาร์ตี้อีก

ผมไม่ชอบงานแบบคุณเลยให้ตายเหอะ รู้สึกคอนโทรลไรไม่ได้เลย 55

ผมย้ายมาบริษัทต่างชาติ โคตเครียดช่วงประเมิณโปร ไม่มีสอนงานเพราะเข้ามาเป็น Senior แล้ว

แถมเพื่อนร่วมงานรอบข้างก็เก่ง ผู้บริหารก็กดดันต้องมีผลงานนะ ไม่งั้นก็ไม่ผ่านโปร เครียด นอนไม่หลับ ฝันร้าย

กระดกเบียทุกวัน สุดท้ายบอกตัวเองว่า ทำเท่าที่ทำได้ ถ้าไม่ผ่านโปรก็ไม่เป็น ได้ประสบการณ์ ได้เรียนรู้ข้อผิดพลาด แล้วไปหาที่แก้ไข

อย่ากดดันตัวเองจนความคิดมันมาปิดกั้นไอเดียในการทำงาน อันตรายมากถ้าเป็นพวกสายงานที่ต้องใช้ไอเดีย ในการปรับปรุง

ถ้าผ่านไปได้ คุณจะเก่งได้มากกว่านี้อีกเยอะ เพราะทนรับความกดดันได้


ปล.ผมผ่านโปรแล้ว คิดว่าคงอยู่ถึงโบนัสละก็ออก ผมตรัสรู้แล้วว่าเงินประมาณไหนผมโอเค และ ตอนนี้ผมคงเลือกความสุขมากกว่าเงิน

mindset เปลี่ยน ทุกอย่างเปลี่ยน
ใช้หลัก !ผมมันเลว พูดคำหยาบ ขอโทษด้วยครับ! หาคำตอบให้ได้