ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2, 3
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status: FCB
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Jan 2011
ตอบ: 6248
ที่อยู่: Camp nou
โพสเมื่อ: Mon Jun 19, 2023 02:32
[RE]ความท้าทายของพรรคก้าวไกลในเส้นทางการเมือง
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
ผมเคยเห็นผ่านๆช่วงที่มีการอบรม สส.ใหม่ ว่ามีการหยิบยก ประวัติทางการเมืองญี่ปุ่น ของ พรรค DJP ที่ทั้งรุ่งโรจน์จนตกต่ำ มาเป็น Case Study ในการอบรม สส.

ซึ่งบริบท ความรุ่งโรจน์ คล้าย ก้าวไกล สมควร ที่ชนะมาจากการรวมเสียงจากฐานทั้งสองฝั่ง เป็นทั้งความหวังการเมืองแบบใหม่ และมีความหลากหลาย ความต้องการ

จนเป็น 1 ในสาเหตุหลัก ของความตกต่ำ เพราะ บาลานซ์​ความต้องการ ของทั้ง2ฝั่งไม่ได้ จนไม่เคยได้รับเลือกอีกเลย

ผมเชื่อว่าพรรคมี Case Study ให้เรียนรู้พอสมควรว่าจะบริหาร และ ตระหนักถึงปัญหานี้ แบบไหน

แต่อนาคตก็ไม่แน่นอน ก็ถือเป็นเรื่องน่าคิดและท้าทายเหมือนที่ท่านตั้งครับ

 
เห็นด้วยครับ จริงๆพรรครู้อยู่แล้วแหละ และคงมีการวางแผนเตรียมการว่าฐานเสียงจะเป็นสองฝั่ง เพราะเขาสื่อสารเพื่อจับคนสองฝั่งตั้งแต่ต้น ที่ผมเขียนว่าเรื่องน้องหยกเป็นระฆังที่ดังก็เหมือนเป็นแค่เครื่องย้ำเตือน ว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆให้พรรครับรู้ อย่างที่เห็นกว่าพรรคจะแถลงการณ์ถึงเรื่องนี้ก็เล่นซะหลายวันทีเดียว คงลำบากใจและเลือกวิธีสื่อสารอยู่ไม่น้อย

สำหรับเรื่องว่ามีการยกcase studyนั้นผมไม่เคยรู้มาก่อน ถือว่าดีมากครับที่ได้ยินว่าพรรคดเตรียมการรับมือไว้ แต่นั่นแหละ สถานการณ์ใหม่ๆมันเกิดขึ้นเสมอ ปัจจัยเล็กๆก็ล้วนเปลี่ยนแปลงเรื่องใหญ่ๆได้ ไม่ใช่เพียงแต่การเมือง ในฐานะฐานเสียงคนนึงก็คาดหวังให้พรรคสามารถจัดการรับมือกับปัญหาพวกนั้นได้อย่างราบรื่นครับ

Edited: ผมว่าคุณทิมแกประเมินญี่ปุ่นไว้สูงมากนะ นี่แกเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ด้วย ซึ่งผมว่าน่าสนใจเลย เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศนึงที่contextซับซ้อนมาก อย่างเคยได้ยินว่าแอร์ไทยที่บริการคนญี่ปุ่น ต่อหน้าสุภาพมาก เหมือนพอใจในบริการ ลับหลังนี่คือด่ายับจริงๆ  

กว่าจะได้ชัยชนะมาว่ายากแล้ว แต่การรักษามันไว้ให้นานยิ่งยากกว่า แหละครับ

ผมเคยเขียนกระทู้ในนี้ไปครั้งนึงเดือน2เดือนก่อน ว่า การบริหารความต้องการยากจริงๆ

และไม่ได้แค่บริหารเสียงที่ได้มาอย่างเดียว แต่มันคือการบริหาร เสียงทั้งหมด60-70ล้านเสียง,ความต้องการ

คุณอยู่นิ่งๆ1วันเดี๋ยวปัญหาก็วิ่งมาหาเอง ฝ่ายนึงได้ประโยชน์ ก็ต้องมี อีกฝ่ายเสียประโยชน์

และปัจจุบัน มันเปราะบางที่สุด เพราะเป็นช่วงที่มีการตื่นรู้ทางการเมือง สมัยใหม่อย่างเข้มข้น และ มาจากคนGenใหม่

ที่ ความต้องการค่อนข้างรุนแรง เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านรุ่นสู่รุ่น และห่างกันมาก ระหว่าง กลุ่ม ผบห ประเทศ กับ ฝ่ายเรียกร้อง มันเลยมีเคสแบบน้องมา และมันสุดขั้ว

รบ.ก่อนมันเลือกทิ้งความต้องการ ของ ฝั่งหนึ่งชัดเจน มันเลยบอกว่า บริหารประเทศง่าย

แต่ รบ.ที่ดีมันทำแบบนั้นไม่ได้

ส่วนญี่ปุ่น ผมว่ายังว่าความซับซ้อนไม่เท่าประเทศเราครับ 55

ของเค้า รัฐบาล กับ ประชาชน โดยตรงชัดเจน

แต่ของเรา มันหลายเลเยอร์มากๆ รัฐบาล ประชาชน ทหาร สถาบัน ราชการ มันรวมอยู่ในการเมืองหมด

ซับซ้อนกว่ากันเยอะ และมันกระทบกันหมดด้วย

 
ก็จริงครับท่าน แม้ญี่ปุ่นซับซ้อนอย่างไร หรือซับซ้อนคนละมุมแล้วนั้น พี่ไทยเรานี่โคตรจะซับซ้อนจริงๆ บริหารยังไงวะนั่น เอาจริงๆทหารมันภายใต้สถาบันแหละครับ เป็นผมจะมองที่บริหารเรื่องสถาบันเป็นหลัก ถึงแม้ส่วนตัวอยากจะไม่ให้มีสถาบัน แต่ดูแล้วน่าจะยังไปขั้นนั้นไม่ได้ในอนาคตอันใกล้ คงต้องอยู่ร่วมกันแบบเสียไม่ได้ไปก่อน ประชาชนมุมมองก็โคตรจะต่าง เศรษฐกิจ การแข่งขันในเวทีโลก แค่คิดถึงคนเป็นนายกแล้วก็เหนื่อยแทน555
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
แข้งเจลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 2324
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jun 19, 2023 02:53
ความท้าทายของพรรคก้าวไกลในเส้นทางการเมือง
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
ผมเคยเห็นผ่านๆช่วงที่มีการอบรม สส.ใหม่ ว่ามีการหยิบยก ประวัติทางการเมืองญี่ปุ่น ของ พรรค DJP ที่ทั้งรุ่งโรจน์จนตกต่ำ มาเป็น Case Study ในการอบรม สส.

ซึ่งบริบท ความรุ่งโรจน์ คล้าย ก้าวไกล สมควร ที่ชนะมาจากการรวมเสียงจากฐานทั้งสองฝั่ง เป็นทั้งความหวังการเมืองแบบใหม่ และมีความหลากหลาย ความต้องการ

จนเป็น 1 ในสาเหตุหลัก ของความตกต่ำ เพราะ บาลานซ์​ความต้องการ ของทั้ง2ฝั่งไม่ได้ จนไม่เคยได้รับเลือกอีกเลย

ผมเชื่อว่าพรรคมี Case Study ให้เรียนรู้พอสมควรว่าจะบริหาร และ ตระหนักถึงปัญหานี้ แบบไหน

แต่อนาคตก็ไม่แน่นอน ก็ถือเป็นเรื่องน่าคิดและท้าทายเหมือนที่ท่านตั้งครับ

 
เห็นด้วยครับ จริงๆพรรครู้อยู่แล้วแหละ และคงมีการวางแผนเตรียมการว่าฐานเสียงจะเป็นสองฝั่ง เพราะเขาสื่อสารเพื่อจับคนสองฝั่งตั้งแต่ต้น ที่ผมเขียนว่าเรื่องน้องหยกเป็นระฆังที่ดังก็เหมือนเป็นแค่เครื่องย้ำเตือน ว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆให้พรรครับรู้ อย่างที่เห็นกว่าพรรคจะแถลงการณ์ถึงเรื่องนี้ก็เล่นซะหลายวันทีเดียว คงลำบากใจและเลือกวิธีสื่อสารอยู่ไม่น้อย

สำหรับเรื่องว่ามีการยกcase studyนั้นผมไม่เคยรู้มาก่อน ถือว่าดีมากครับที่ได้ยินว่าพรรคดเตรียมการรับมือไว้ แต่นั่นแหละ สถานการณ์ใหม่ๆมันเกิดขึ้นเสมอ ปัจจัยเล็กๆก็ล้วนเปลี่ยนแปลงเรื่องใหญ่ๆได้ ไม่ใช่เพียงแต่การเมือง ในฐานะฐานเสียงคนนึงก็คาดหวังให้พรรคสามารถจัดการรับมือกับปัญหาพวกนั้นได้อย่างราบรื่นครับ

Edited: ผมว่าคุณทิมแกประเมินญี่ปุ่นไว้สูงมากนะ นี่แกเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ด้วย ซึ่งผมว่าน่าสนใจเลย เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศนึงที่contextซับซ้อนมาก อย่างเคยได้ยินว่าแอร์ไทยที่บริการคนญี่ปุ่น ต่อหน้าสุภาพมาก เหมือนพอใจในบริการ ลับหลังนี่คือด่ายับจริงๆ  

กว่าจะได้ชัยชนะมาว่ายากแล้ว แต่การรักษามันไว้ให้นานยิ่งยากกว่า แหละครับ

ผมเคยเขียนกระทู้ในนี้ไปครั้งนึงเดือน2เดือนก่อน ว่า การบริหารความต้องการยากจริงๆ

และไม่ได้แค่บริหารเสียงที่ได้มาอย่างเดียว แต่มันคือการบริหาร เสียงทั้งหมด60-70ล้านเสียง,ความต้องการ

คุณอยู่นิ่งๆ1วันเดี๋ยวปัญหาก็วิ่งมาหาเอง ฝ่ายนึงได้ประโยชน์ ก็ต้องมี อีกฝ่ายเสียประโยชน์

และปัจจุบัน มันเปราะบางที่สุด เพราะเป็นช่วงที่มีการตื่นรู้ทางการเมือง สมัยใหม่อย่างเข้มข้น และ มาจากคนGenใหม่

ที่ ความต้องการค่อนข้างรุนแรง เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านรุ่นสู่รุ่น และห่างกันมาก ระหว่าง กลุ่ม ผบห ประเทศ กับ ฝ่ายเรียกร้อง มันเลยมีเคสแบบน้องมา และมันสุดขั้ว

รบ.ก่อนมันเลือกทิ้งความต้องการ ของ ฝั่งหนึ่งชัดเจน มันเลยบอกว่า บริหารประเทศง่าย

แต่ รบ.ที่ดีมันทำแบบนั้นไม่ได้

ส่วนญี่ปุ่น ผมว่ายังว่าความซับซ้อนไม่เท่าประเทศเราครับ 55

ของเค้า รัฐบาล กับ ประชาชน โดยตรงชัดเจน

แต่ของเรา มันหลายเลเยอร์มากๆ รัฐบาล ประชาชน ทหาร สถาบัน ราชการ มันรวมอยู่ในการเมืองหมด

ซับซ้อนกว่ากันเยอะ และมันกระทบกันหมดด้วย

 
ก็จริงครับท่าน แม้ญี่ปุ่นซับซ้อนอย่างไร หรือซับซ้อนคนละมุมแล้วนั้น พี่ไทยเรานี่โคตรจะซับซ้อนจริงๆ บริหารยังไงวะนั่น เอาจริงๆทหารมันภายใต้สถาบันแหละครับ เป็นผมจะมองที่บริหารเรื่องสถาบันเป็นหลัก ถึงแม้ส่วนตัวอยากจะไม่ให้มีสถาบัน แต่ดูแล้วน่าจะยังไปขั้นนั้นไม่ได้ในอนาคตอันใกล้ คงต้องอยู่ร่วมกันแบบเสียไม่ได้ไปก่อน ประชาชนมุมมองก็โคตรจะต่าง เศรษฐกิจ การแข่งขันในเวทีโลก แค่คิดถึงคนเป็นนายกแล้วก็เหนื่อยแทน555  

เรื่องทหารกับสถาบัน ผมเห็นต่างกับท่านนิดนึงครับ

การอยู่ใต้ปีก มันกึ่งๆการบังคับ ให้อยู่ครับ โดยการใช้วาทกรรม จรภด และตลอดรุ่นก่อน ก็อยู่ในฐานะ น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ทำอะไรก็ต้องเกรงใจกัน

จนมารุ่นนี้ที่เอาคนของตัวเองที่ไว้ใจและพร้อมรับใช้ไปอยู่ในตำแหน่งคุมกำลังทั้งหมดครับ

และแน่นอน มันต้องมีฝ่ายไม่พอใจอยู่ในนั้นด้วยที่โดนข้ามหน้า เหยียบตำแหน่ง ขึ้นไป

เอาแค่พี่น้องกัน ยังกองกำลังสนับสนุน เป็นส่วนตัวคนละกลุ่มเลยครับ

แต่เอาจริงฝ่ายถืออาวุธ ยังไงก็อยากเป็นใหญ่สุดครับ ไม่ต้องการผ่านใคร โกยได้สะดวกไม่ต้องมาแบ่ง

ทั้งพม่า เขมรผู้นำเผด็จการ รวยกว่าไทยมากๆหลายเท่าเลยนะครับ เพราะโกยเข้าตัวเน้นๆ ไม่ต้องแบ่งมาส่ง

เห็นแค่หลานฮุนเซน นี่ใช้ชีวิตขนาดนั่ง Private jet ไปทั่วโลก ได้เกือบทุกอาทิตย์ มีทั้ง Bugatti Ferrari Koenigsegg
ครบ นี่แค่หลานนะ!

ทหารไทยก็อยากเอาตามบ้าง

โดยส่วนตัวผมบอกมาตลอดว่า ควรจะให้ยังคงไว้อยู่ เพื่อคานอำนาจ ของ ฝ่ายถืออาวุธ ไม่งั้นมันก็ไม่ต่างจากพม่า เขมร ครับ

แต่แก้กฎหมาย และ ตัดขาดจากอำนาจ การเมือง การทหาร ให้น้อยสุด

ให้เหลือแค่เป็น สัญลักษณ์​ ประเทศไปเหมือน อังกฤษ ญี่ปุ่น หรือ ประเทศแถบยุโรป

ถ้าจะไม่ให้มีเลยอย่างน้อยควรปฏิรูปทหารให้สำเร็จ แบบเด็ดขาดครับ ถึงจะลดความเสี่ยงตรงนี้ได้

โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
แก้ไขล่าสุดโดย FreezE[v] เมื่อ Mon Jun 19, 2023 02:57, ทั้งหมด 1 ครั้ง
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status: FCB
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Jan 2011
ตอบ: 6248
ที่อยู่: Camp nou
โพสเมื่อ: Mon Jun 19, 2023 09:12
[RE]ความท้าทายของพรรคก้าวไกลในเส้นทางการเมือง
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
ผมเคยเห็นผ่านๆช่วงที่มีการอบรม สส.ใหม่ ว่ามีการหยิบยก ประวัติทางการเมืองญี่ปุ่น ของ พรรค DJP ที่ทั้งรุ่งโรจน์จนตกต่ำ มาเป็น Case Study ในการอบรม สส.

ซึ่งบริบท ความรุ่งโรจน์ คล้าย ก้าวไกล สมควร ที่ชนะมาจากการรวมเสียงจากฐานทั้งสองฝั่ง เป็นทั้งความหวังการเมืองแบบใหม่ และมีความหลากหลาย ความต้องการ

จนเป็น 1 ในสาเหตุหลัก ของความตกต่ำ เพราะ บาลานซ์​ความต้องการ ของทั้ง2ฝั่งไม่ได้ จนไม่เคยได้รับเลือกอีกเลย

ผมเชื่อว่าพรรคมี Case Study ให้เรียนรู้พอสมควรว่าจะบริหาร และ ตระหนักถึงปัญหานี้ แบบไหน

แต่อนาคตก็ไม่แน่นอน ก็ถือเป็นเรื่องน่าคิดและท้าทายเหมือนที่ท่านตั้งครับ

 
เห็นด้วยครับ จริงๆพรรครู้อยู่แล้วแหละ และคงมีการวางแผนเตรียมการว่าฐานเสียงจะเป็นสองฝั่ง เพราะเขาสื่อสารเพื่อจับคนสองฝั่งตั้งแต่ต้น ที่ผมเขียนว่าเรื่องน้องหยกเป็นระฆังที่ดังก็เหมือนเป็นแค่เครื่องย้ำเตือน ว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆให้พรรครับรู้ อย่างที่เห็นกว่าพรรคจะแถลงการณ์ถึงเรื่องนี้ก็เล่นซะหลายวันทีเดียว คงลำบากใจและเลือกวิธีสื่อสารอยู่ไม่น้อย

สำหรับเรื่องว่ามีการยกcase studyนั้นผมไม่เคยรู้มาก่อน ถือว่าดีมากครับที่ได้ยินว่าพรรคดเตรียมการรับมือไว้ แต่นั่นแหละ สถานการณ์ใหม่ๆมันเกิดขึ้นเสมอ ปัจจัยเล็กๆก็ล้วนเปลี่ยนแปลงเรื่องใหญ่ๆได้ ไม่ใช่เพียงแต่การเมือง ในฐานะฐานเสียงคนนึงก็คาดหวังให้พรรคสามารถจัดการรับมือกับปัญหาพวกนั้นได้อย่างราบรื่นครับ

Edited: ผมว่าคุณทิมแกประเมินญี่ปุ่นไว้สูงมากนะ นี่แกเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ด้วย ซึ่งผมว่าน่าสนใจเลย เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศนึงที่contextซับซ้อนมาก อย่างเคยได้ยินว่าแอร์ไทยที่บริการคนญี่ปุ่น ต่อหน้าสุภาพมาก เหมือนพอใจในบริการ ลับหลังนี่คือด่ายับจริงๆ  

กว่าจะได้ชัยชนะมาว่ายากแล้ว แต่การรักษามันไว้ให้นานยิ่งยากกว่า แหละครับ

ผมเคยเขียนกระทู้ในนี้ไปครั้งนึงเดือน2เดือนก่อน ว่า การบริหารความต้องการยากจริงๆ

และไม่ได้แค่บริหารเสียงที่ได้มาอย่างเดียว แต่มันคือการบริหาร เสียงทั้งหมด60-70ล้านเสียง,ความต้องการ

คุณอยู่นิ่งๆ1วันเดี๋ยวปัญหาก็วิ่งมาหาเอง ฝ่ายนึงได้ประโยชน์ ก็ต้องมี อีกฝ่ายเสียประโยชน์

และปัจจุบัน มันเปราะบางที่สุด เพราะเป็นช่วงที่มีการตื่นรู้ทางการเมือง สมัยใหม่อย่างเข้มข้น และ มาจากคนGenใหม่

ที่ ความต้องการค่อนข้างรุนแรง เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านรุ่นสู่รุ่น และห่างกันมาก ระหว่าง กลุ่ม ผบห ประเทศ กับ ฝ่ายเรียกร้อง มันเลยมีเคสแบบน้องมา และมันสุดขั้ว

รบ.ก่อนมันเลือกทิ้งความต้องการ ของ ฝั่งหนึ่งชัดเจน มันเลยบอกว่า บริหารประเทศง่าย

แต่ รบ.ที่ดีมันทำแบบนั้นไม่ได้

ส่วนญี่ปุ่น ผมว่ายังว่าความซับซ้อนไม่เท่าประเทศเราครับ 55

ของเค้า รัฐบาล กับ ประชาชน โดยตรงชัดเจน

แต่ของเรา มันหลายเลเยอร์มากๆ รัฐบาล ประชาชน ทหาร สถาบัน ราชการ มันรวมอยู่ในการเมืองหมด

ซับซ้อนกว่ากันเยอะ และมันกระทบกันหมดด้วย

 
ก็จริงครับท่าน แม้ญี่ปุ่นซับซ้อนอย่างไร หรือซับซ้อนคนละมุมแล้วนั้น พี่ไทยเรานี่โคตรจะซับซ้อนจริงๆ บริหารยังไงวะนั่น เอาจริงๆทหารมันภายใต้สถาบันแหละครับ เป็นผมจะมองที่บริหารเรื่องสถาบันเป็นหลัก ถึงแม้ส่วนตัวอยากจะไม่ให้มีสถาบัน แต่ดูแล้วน่าจะยังไปขั้นนั้นไม่ได้ในอนาคตอันใกล้ คงต้องอยู่ร่วมกันแบบเสียไม่ได้ไปก่อน ประชาชนมุมมองก็โคตรจะต่าง เศรษฐกิจ การแข่งขันในเวทีโลก แค่คิดถึงคนเป็นนายกแล้วก็เหนื่อยแทน555  

เรื่องทหารกับสถาบัน ผมเห็นต่างกับท่านนิดนึงครับ

การอยู่ใต้ปีก มันกึ่งๆการบังคับ ให้อยู่ครับ โดยการใช้วาทกรรม จรภด และตลอดรุ่นก่อน ก็อยู่ในฐานะ น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ทำอะไรก็ต้องเกรงใจกัน

จนมารุ่นนี้ที่เอาคนของตัวเองที่ไว้ใจและพร้อมรับใช้ไปอยู่ในตำแหน่งคุมกำลังทั้งหมดครับ

และแน่นอน มันต้องมีฝ่ายไม่พอใจอยู่ในนั้นด้วยที่โดนข้ามหน้า เหยียบตำแหน่ง ขึ้นไป

เอาแค่พี่น้องกัน ยังกองกำลังสนับสนุน เป็นส่วนตัวคนละกลุ่มเลยครับ

แต่เอาจริงฝ่ายถืออาวุธ ยังไงก็อยากเป็นใหญ่สุดครับ ไม่ต้องการผ่านใคร โกยได้สะดวกไม่ต้องมาแบ่ง

ทั้งพม่า เขมรผู้นำเผด็จการ รวยกว่าไทยมากๆหลายเท่าเลยนะครับ เพราะโกยเข้าตัวเน้นๆ ไม่ต้องแบ่งมาส่ง

เห็นแค่หลานฮุนเซน นี่ใช้ชีวิตขนาดนั่ง Private jet ไปทั่วโลก ได้เกือบทุกอาทิตย์ มีทั้ง Bugatti Ferrari Koenigsegg
ครบ นี่แค่หลานนะ!

ทหารไทยก็อยากเอาตามบ้าง

โดยส่วนตัวผมบอกมาตลอดว่า ควรจะให้ยังคงไว้อยู่ เพื่อคานอำนาจ ของ ฝ่ายถืออาวุธ ไม่งั้นมันก็ไม่ต่างจากพม่า เขมร ครับ

แต่แก้กฎหมาย และ ตัดขาดจากอำนาจ การเมือง การทหาร ให้น้อยสุด

ให้เหลือแค่เป็น สัญลักษณ์​ ประเทศไปเหมือน อังกฤษ ญี่ปุ่น หรือ ประเทศแถบยุโรป

ถ้าจะไม่ให้มีเลยอย่างน้อยควรปฏิรูปทหารให้สำเร็จ แบบเด็ดขาดครับ ถึงจะลดความเสี่ยงตรงนี้ได้

 
เรื่องมีไว้คานอำนาจกับทหารเนี่ย ไม่เคยได้ยินจากที่อื่นเลยครับ ก็น่าสนใจนะไอเดียนี้ แต่ในอุดมคติของผมคือไม่ต้องมีมัน แล้วลดกำลังทหารลงคงจะดีที่สุด อาจจะด้วยอคติส่วนตัวรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ผมรู้สึกว่าอะไรที่มันมีไว้แล้วต้องมานั่งเสียงบประมาณแผ่นดินให้โดยที่ไม่เกิดประโยชน์อะไร(ถ้าไม่นับเรื่องคานอำนาจ) ตัดได้ควรจะตัดให้หมด
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status: Cardiz Estrama Di Raizel
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Oct 2020
ตอบ: 1127
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jun 19, 2023 11:28
[RE: ความท้าทายของพรรคก้าวไกลในเส้นทางการเมือง]
ชอบมู้แบบนี้ครับ รู้สึกได้ความรู้และเข้าใจง่ายมากครับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status: FCB
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Jan 2011
ตอบ: 6248
ที่อยู่: Camp nou
โพสเมื่อ: Mon Jun 19, 2023 11:53
[RE: ความท้าทายของพรรคก้าวไกลในเส้นทางการเมือง]
Raizel` พิมพ์ว่า:
ชอบมู้แบบนี้ครับ รู้สึกได้ความรู้และเข้าใจง่ายมากครับ  
ขอบคุณครับ เห็นต่างติชมได้เสมอครับ เพราะผมไม่ได้เขียนเพื่อเป็นวิทยาทานทางการศึกษา ผมเองจะได้เรียนรู้ก็จากมุมมองที่แตกต่างของคนอ่านเช่นกันครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
แข้งเจลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 2324
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jun 19, 2023 13:48
ความท้าทายของพรรคก้าวไกลในเส้นทางการเมือง
Spoil
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
ผมเคยเห็นผ่านๆช่วงที่มีการอบรม สส.ใหม่ ว่ามีการหยิบยก ประวัติทางการเมืองญี่ปุ่น ของ พรรค DJP ที่ทั้งรุ่งโรจน์จนตกต่ำ มาเป็น Case Study ในการอบรม สส.

ซึ่งบริบท ความรุ่งโรจน์ คล้าย ก้าวไกล สมควร ที่ชนะมาจากการรวมเสียงจากฐานทั้งสองฝั่ง เป็นทั้งความหวังการเมืองแบบใหม่ และมีความหลากหลาย ความต้องการ

จนเป็น 1 ในสาเหตุหลัก ของความตกต่ำ เพราะ บาลานซ์​ความต้องการ ของทั้ง2ฝั่งไม่ได้ จนไม่เคยได้รับเลือกอีกเลย

ผมเชื่อว่าพรรคมี Case Study ให้เรียนรู้พอสมควรว่าจะบริหาร และ ตระหนักถึงปัญหานี้ แบบไหน

แต่อนาคตก็ไม่แน่นอน ก็ถือเป็นเรื่องน่าคิดและท้าทายเหมือนที่ท่านตั้งครับ

 
เห็นด้วยครับ จริงๆพรรครู้อยู่แล้วแหละ และคงมีการวางแผนเตรียมการว่าฐานเสียงจะเป็นสองฝั่ง เพราะเขาสื่อสารเพื่อจับคนสองฝั่งตั้งแต่ต้น ที่ผมเขียนว่าเรื่องน้องหยกเป็นระฆังที่ดังก็เหมือนเป็นแค่เครื่องย้ำเตือน ว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆให้พรรครับรู้ อย่างที่เห็นกว่าพรรคจะแถลงการณ์ถึงเรื่องนี้ก็เล่นซะหลายวันทีเดียว คงลำบากใจและเลือกวิธีสื่อสารอยู่ไม่น้อย

สำหรับเรื่องว่ามีการยกcase studyนั้นผมไม่เคยรู้มาก่อน ถือว่าดีมากครับที่ได้ยินว่าพรรคดเตรียมการรับมือไว้ แต่นั่นแหละ สถานการณ์ใหม่ๆมันเกิดขึ้นเสมอ ปัจจัยเล็กๆก็ล้วนเปลี่ยนแปลงเรื่องใหญ่ๆได้ ไม่ใช่เพียงแต่การเมือง ในฐานะฐานเสียงคนนึงก็คาดหวังให้พรรคสามารถจัดการรับมือกับปัญหาพวกนั้นได้อย่างราบรื่นครับ

Edited: ผมว่าคุณทิมแกประเมินญี่ปุ่นไว้สูงมากนะ นี่แกเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ด้วย ซึ่งผมว่าน่าสนใจเลย เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศนึงที่contextซับซ้อนมาก อย่างเคยได้ยินว่าแอร์ไทยที่บริการคนญี่ปุ่น ต่อหน้าสุภาพมาก เหมือนพอใจในบริการ ลับหลังนี่คือด่ายับจริงๆ  

กว่าจะได้ชัยชนะมาว่ายากแล้ว แต่การรักษามันไว้ให้นานยิ่งยากกว่า แหละครับ

ผมเคยเขียนกระทู้ในนี้ไปครั้งนึงเดือน2เดือนก่อน ว่า การบริหารความต้องการยากจริงๆ

และไม่ได้แค่บริหารเสียงที่ได้มาอย่างเดียว แต่มันคือการบริหาร เสียงทั้งหมด60-70ล้านเสียง,ความต้องการ

คุณอยู่นิ่งๆ1วันเดี๋ยวปัญหาก็วิ่งมาหาเอง ฝ่ายนึงได้ประโยชน์ ก็ต้องมี อีกฝ่ายเสียประโยชน์

และปัจจุบัน มันเปราะบางที่สุด เพราะเป็นช่วงที่มีการตื่นรู้ทางการเมือง สมัยใหม่อย่างเข้มข้น และ มาจากคนGenใหม่

ที่ ความต้องการค่อนข้างรุนแรง เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านรุ่นสู่รุ่น และห่างกันมาก ระหว่าง กลุ่ม ผบห ประเทศ กับ ฝ่ายเรียกร้อง มันเลยมีเคสแบบน้องมา และมันสุดขั้ว

รบ.ก่อนมันเลือกทิ้งความต้องการ ของ ฝั่งหนึ่งชัดเจน มันเลยบอกว่า บริหารประเทศง่าย

แต่ รบ.ที่ดีมันทำแบบนั้นไม่ได้

ส่วนญี่ปุ่น ผมว่ายังว่าความซับซ้อนไม่เท่าประเทศเราครับ 55

ของเค้า รัฐบาล กับ ประชาชน โดยตรงชัดเจน

แต่ของเรา มันหลายเลเยอร์มากๆ รัฐบาล ประชาชน ทหาร สถาบัน ราชการ มันรวมอยู่ในการเมืองหมด

ซับซ้อนกว่ากันเยอะ และมันกระทบกันหมดด้วย

 
ก็จริงครับท่าน แม้ญี่ปุ่นซับซ้อนอย่างไร หรือซับซ้อนคนละมุมแล้วนั้น พี่ไทยเรานี่โคตรจะซับซ้อนจริงๆ บริหารยังไงวะนั่น เอาจริงๆทหารมันภายใต้สถาบันแหละครับ เป็นผมจะมองที่บริหารเรื่องสถาบันเป็นหลัก ถึงแม้ส่วนตัวอยากจะไม่ให้มีสถาบัน แต่ดูแล้วน่าจะยังไปขั้นนั้นไม่ได้ในอนาคตอันใกล้ คงต้องอยู่ร่วมกันแบบเสียไม่ได้ไปก่อน ประชาชนมุมมองก็โคตรจะต่าง เศรษฐกิจ การแข่งขันในเวทีโลก แค่คิดถึงคนเป็นนายกแล้วก็เหนื่อยแทน555  

เรื่องทหารกับสถาบัน ผมเห็นต่างกับท่านนิดนึงครับ

การอยู่ใต้ปีก มันกึ่งๆการบังคับ ให้อยู่ครับ โดยการใช้วาทกรรม จรภด และตลอดรุ่นก่อน ก็อยู่ในฐานะ น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ทำอะไรก็ต้องเกรงใจกัน

จนมารุ่นนี้ที่เอาคนของตัวเองที่ไว้ใจและพร้อมรับใช้ไปอยู่ในตำแหน่งคุมกำลังทั้งหมดครับ

และแน่นอน มันต้องมีฝ่ายไม่พอใจอยู่ในนั้นด้วยที่โดนข้ามหน้า เหยียบตำแหน่ง ขึ้นไป

เอาแค่พี่น้องกัน ยังกองกำลังสนับสนุน เป็นส่วนตัวคนละกลุ่มเลยครับ

แต่เอาจริงฝ่ายถืออาวุธ ยังไงก็อยากเป็นใหญ่สุดครับ ไม่ต้องการผ่านใคร โกยได้สะดวกไม่ต้องมาแบ่ง

ทั้งพม่า เขมรผู้นำเผด็จการ รวยกว่าไทยมากๆหลายเท่าเลยนะครับ เพราะโกยเข้าตัวเน้นๆ ไม่ต้องแบ่งมาส่ง

เห็นแค่หลานฮุนเซน นี่ใช้ชีวิตขนาดนั่ง Private jet ไปทั่วโลก ได้เกือบทุกอาทิตย์ มีทั้ง Bugatti Ferrari Koenigsegg
ครบ นี่แค่หลานนะ!

ทหารไทยก็อยากเอาตามบ้าง

โดยส่วนตัวผมบอกมาตลอดว่า ควรจะให้ยังคงไว้อยู่ เพื่อคานอำนาจ ของ ฝ่ายถืออาวุธ ไม่งั้นมันก็ไม่ต่างจากพม่า เขมร ครับ

แต่แก้กฎหมาย และ ตัดขาดจากอำนาจ การเมือง การทหาร ให้น้อยสุด

ให้เหลือแค่เป็น สัญลักษณ์​ ประเทศไปเหมือน อังกฤษ ญี่ปุ่น หรือ ประเทศแถบยุโรป

ถ้าจะไม่ให้มีเลยอย่างน้อยควรปฏิรูปทหารให้สำเร็จ แบบเด็ดขาดครับ ถึงจะลดความเสี่ยงตรงนี้ได้

 
เรื่องมีไว้คานอำนาจกับทหารเนี่ย ไม่เคยได้ยินจากที่อื่นเลยครับ ก็น่าสนใจนะไอเดียนี้ แต่ในอุดมคติของผมคือไม่ต้องมีมัน แล้วลดกำลังทหารลงคงจะดีที่สุด อาจจะด้วยอคติส่วนตัวรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ผมรู้สึกว่าอะไรที่มันมีไว้แล้วต้องมานั่งเสียงบประมาณแผ่นดินให้โดยที่ไม่เกิดประโยชน์อะไร(ถ้าไม่นับเรื่องคานอำนาจ) ตัดได้ควรจะตัดให้หมด  
 


ตรงกันกับประโยคสุดท้ายผมครับ

ถ้าต้องการแบบนั้น ก็ควรจะต้องปฎิรูปทหารให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ให้ทหาร เป็นทหารมืออาชีพจริงๆ

ถึงจะได้ผลครับ

โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status: FCB
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Jan 2011
ตอบ: 6248
ที่อยู่: Camp nou
โพสเมื่อ: Mon Jun 19, 2023 13:54
[RE: ความท้าทายของพรรคก้าวไกลในเส้นทางการเมือง]
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
Spoil
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
ผมเคยเห็นผ่านๆช่วงที่มีการอบรม สส.ใหม่ ว่ามีการหยิบยก ประวัติทางการเมืองญี่ปุ่น ของ พรรค DJP ที่ทั้งรุ่งโรจน์จนตกต่ำ มาเป็น Case Study ในการอบรม สส.

ซึ่งบริบท ความรุ่งโรจน์ คล้าย ก้าวไกล สมควร ที่ชนะมาจากการรวมเสียงจากฐานทั้งสองฝั่ง เป็นทั้งความหวังการเมืองแบบใหม่ และมีความหลากหลาย ความต้องการ

จนเป็น 1 ในสาเหตุหลัก ของความตกต่ำ เพราะ บาลานซ์​ความต้องการ ของทั้ง2ฝั่งไม่ได้ จนไม่เคยได้รับเลือกอีกเลย

ผมเชื่อว่าพรรคมี Case Study ให้เรียนรู้พอสมควรว่าจะบริหาร และ ตระหนักถึงปัญหานี้ แบบไหน

แต่อนาคตก็ไม่แน่นอน ก็ถือเป็นเรื่องน่าคิดและท้าทายเหมือนที่ท่านตั้งครับ

 
เห็นด้วยครับ จริงๆพรรครู้อยู่แล้วแหละ และคงมีการวางแผนเตรียมการว่าฐานเสียงจะเป็นสองฝั่ง เพราะเขาสื่อสารเพื่อจับคนสองฝั่งตั้งแต่ต้น ที่ผมเขียนว่าเรื่องน้องหยกเป็นระฆังที่ดังก็เหมือนเป็นแค่เครื่องย้ำเตือน ว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆให้พรรครับรู้ อย่างที่เห็นกว่าพรรคจะแถลงการณ์ถึงเรื่องนี้ก็เล่นซะหลายวันทีเดียว คงลำบากใจและเลือกวิธีสื่อสารอยู่ไม่น้อย

สำหรับเรื่องว่ามีการยกcase studyนั้นผมไม่เคยรู้มาก่อน ถือว่าดีมากครับที่ได้ยินว่าพรรคดเตรียมการรับมือไว้ แต่นั่นแหละ สถานการณ์ใหม่ๆมันเกิดขึ้นเสมอ ปัจจัยเล็กๆก็ล้วนเปลี่ยนแปลงเรื่องใหญ่ๆได้ ไม่ใช่เพียงแต่การเมือง ในฐานะฐานเสียงคนนึงก็คาดหวังให้พรรคสามารถจัดการรับมือกับปัญหาพวกนั้นได้อย่างราบรื่นครับ

Edited: ผมว่าคุณทิมแกประเมินญี่ปุ่นไว้สูงมากนะ นี่แกเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ด้วย ซึ่งผมว่าน่าสนใจเลย เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศนึงที่contextซับซ้อนมาก อย่างเคยได้ยินว่าแอร์ไทยที่บริการคนญี่ปุ่น ต่อหน้าสุภาพมาก เหมือนพอใจในบริการ ลับหลังนี่คือด่ายับจริงๆ  

กว่าจะได้ชัยชนะมาว่ายากแล้ว แต่การรักษามันไว้ให้นานยิ่งยากกว่า แหละครับ

ผมเคยเขียนกระทู้ในนี้ไปครั้งนึงเดือน2เดือนก่อน ว่า การบริหารความต้องการยากจริงๆ

และไม่ได้แค่บริหารเสียงที่ได้มาอย่างเดียว แต่มันคือการบริหาร เสียงทั้งหมด60-70ล้านเสียง,ความต้องการ

คุณอยู่นิ่งๆ1วันเดี๋ยวปัญหาก็วิ่งมาหาเอง ฝ่ายนึงได้ประโยชน์ ก็ต้องมี อีกฝ่ายเสียประโยชน์

และปัจจุบัน มันเปราะบางที่สุด เพราะเป็นช่วงที่มีการตื่นรู้ทางการเมือง สมัยใหม่อย่างเข้มข้น และ มาจากคนGenใหม่

ที่ ความต้องการค่อนข้างรุนแรง เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านรุ่นสู่รุ่น และห่างกันมาก ระหว่าง กลุ่ม ผบห ประเทศ กับ ฝ่ายเรียกร้อง มันเลยมีเคสแบบน้องมา และมันสุดขั้ว

รบ.ก่อนมันเลือกทิ้งความต้องการ ของ ฝั่งหนึ่งชัดเจน มันเลยบอกว่า บริหารประเทศง่าย

แต่ รบ.ที่ดีมันทำแบบนั้นไม่ได้

ส่วนญี่ปุ่น ผมว่ายังว่าความซับซ้อนไม่เท่าประเทศเราครับ 55

ของเค้า รัฐบาล กับ ประชาชน โดยตรงชัดเจน

แต่ของเรา มันหลายเลเยอร์มากๆ รัฐบาล ประชาชน ทหาร สถาบัน ราชการ มันรวมอยู่ในการเมืองหมด

ซับซ้อนกว่ากันเยอะ และมันกระทบกันหมดด้วย

 
ก็จริงครับท่าน แม้ญี่ปุ่นซับซ้อนอย่างไร หรือซับซ้อนคนละมุมแล้วนั้น พี่ไทยเรานี่โคตรจะซับซ้อนจริงๆ บริหารยังไงวะนั่น เอาจริงๆทหารมันภายใต้สถาบันแหละครับ เป็นผมจะมองที่บริหารเรื่องสถาบันเป็นหลัก ถึงแม้ส่วนตัวอยากจะไม่ให้มีสถาบัน แต่ดูแล้วน่าจะยังไปขั้นนั้นไม่ได้ในอนาคตอันใกล้ คงต้องอยู่ร่วมกันแบบเสียไม่ได้ไปก่อน ประชาชนมุมมองก็โคตรจะต่าง เศรษฐกิจ การแข่งขันในเวทีโลก แค่คิดถึงคนเป็นนายกแล้วก็เหนื่อยแทน555  

เรื่องทหารกับสถาบัน ผมเห็นต่างกับท่านนิดนึงครับ

การอยู่ใต้ปีก มันกึ่งๆการบังคับ ให้อยู่ครับ โดยการใช้วาทกรรม จรภด และตลอดรุ่นก่อน ก็อยู่ในฐานะ น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ทำอะไรก็ต้องเกรงใจกัน

จนมารุ่นนี้ที่เอาคนของตัวเองที่ไว้ใจและพร้อมรับใช้ไปอยู่ในตำแหน่งคุมกำลังทั้งหมดครับ

และแน่นอน มันต้องมีฝ่ายไม่พอใจอยู่ในนั้นด้วยที่โดนข้ามหน้า เหยียบตำแหน่ง ขึ้นไป

เอาแค่พี่น้องกัน ยังกองกำลังสนับสนุน เป็นส่วนตัวคนละกลุ่มเลยครับ

แต่เอาจริงฝ่ายถืออาวุธ ยังไงก็อยากเป็นใหญ่สุดครับ ไม่ต้องการผ่านใคร โกยได้สะดวกไม่ต้องมาแบ่ง

ทั้งพม่า เขมรผู้นำเผด็จการ รวยกว่าไทยมากๆหลายเท่าเลยนะครับ เพราะโกยเข้าตัวเน้นๆ ไม่ต้องแบ่งมาส่ง

เห็นแค่หลานฮุนเซน นี่ใช้ชีวิตขนาดนั่ง Private jet ไปทั่วโลก ได้เกือบทุกอาทิตย์ มีทั้ง Bugatti Ferrari Koenigsegg
ครบ นี่แค่หลานนะ!

ทหารไทยก็อยากเอาตามบ้าง

โดยส่วนตัวผมบอกมาตลอดว่า ควรจะให้ยังคงไว้อยู่ เพื่อคานอำนาจ ของ ฝ่ายถืออาวุธ ไม่งั้นมันก็ไม่ต่างจากพม่า เขมร ครับ

แต่แก้กฎหมาย และ ตัดขาดจากอำนาจ การเมือง การทหาร ให้น้อยสุด

ให้เหลือแค่เป็น สัญลักษณ์​ ประเทศไปเหมือน อังกฤษ ญี่ปุ่น หรือ ประเทศแถบยุโรป

ถ้าจะไม่ให้มีเลยอย่างน้อยควรปฏิรูปทหารให้สำเร็จ แบบเด็ดขาดครับ ถึงจะลดความเสี่ยงตรงนี้ได้

 
เรื่องมีไว้คานอำนาจกับทหารเนี่ย ไม่เคยได้ยินจากที่อื่นเลยครับ ก็น่าสนใจนะไอเดียนี้ แต่ในอุดมคติของผมคือไม่ต้องมีมัน แล้วลดกำลังทหารลงคงจะดีที่สุด อาจจะด้วยอคติส่วนตัวรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ผมรู้สึกว่าอะไรที่มันมีไว้แล้วต้องมานั่งเสียงบประมาณแผ่นดินให้โดยที่ไม่เกิดประโยชน์อะไร(ถ้าไม่นับเรื่องคานอำนาจ) ตัดได้ควรจะตัดให้หมด  
 


ตรงกันกับประโยคสุดท้ายผมครับ

ถ้าต้องการแบบนั้น ก็ควรจะต้องปฎิรูปทหารให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ให้ทหาร เป็นทหารมืออาชีพจริงๆ

ถึงจะได้ผลครับ

 
MBTI ท่าน Typeอะไรครับเนี่ย ถือเป็นคนหนึ่งวิเคราะห์ได้ลึกซึ้งดีครับ(ไม่ใช่เพราะเราเห็นตรงกันนะ แต่รู้สึกได้เรียนรู้จากท่านเยอะพอควรเลย)
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
แข้งเจลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 2324
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jun 19, 2023 16:02
ความท้าทายของพรรคก้าวไกลในเส้นทางการเมือง
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
Spoil
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
ผมเคยเห็นผ่านๆช่วงที่มีการอบรม สส.ใหม่ ว่ามีการหยิบยก ประวัติทางการเมืองญี่ปุ่น ของ พรรค DJP ที่ทั้งรุ่งโรจน์จนตกต่ำ มาเป็น Case Study ในการอบรม สส.

ซึ่งบริบท ความรุ่งโรจน์ คล้าย ก้าวไกล สมควร ที่ชนะมาจากการรวมเสียงจากฐานทั้งสองฝั่ง เป็นทั้งความหวังการเมืองแบบใหม่ และมีความหลากหลาย ความต้องการ

จนเป็น 1 ในสาเหตุหลัก ของความตกต่ำ เพราะ บาลานซ์​ความต้องการ ของทั้ง2ฝั่งไม่ได้ จนไม่เคยได้รับเลือกอีกเลย

ผมเชื่อว่าพรรคมี Case Study ให้เรียนรู้พอสมควรว่าจะบริหาร และ ตระหนักถึงปัญหานี้ แบบไหน

แต่อนาคตก็ไม่แน่นอน ก็ถือเป็นเรื่องน่าคิดและท้าทายเหมือนที่ท่านตั้งครับ

 
เห็นด้วยครับ จริงๆพรรครู้อยู่แล้วแหละ และคงมีการวางแผนเตรียมการว่าฐานเสียงจะเป็นสองฝั่ง เพราะเขาสื่อสารเพื่อจับคนสองฝั่งตั้งแต่ต้น ที่ผมเขียนว่าเรื่องน้องหยกเป็นระฆังที่ดังก็เหมือนเป็นแค่เครื่องย้ำเตือน ว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆให้พรรครับรู้ อย่างที่เห็นกว่าพรรคจะแถลงการณ์ถึงเรื่องนี้ก็เล่นซะหลายวันทีเดียว คงลำบากใจและเลือกวิธีสื่อสารอยู่ไม่น้อย

สำหรับเรื่องว่ามีการยกcase studyนั้นผมไม่เคยรู้มาก่อน ถือว่าดีมากครับที่ได้ยินว่าพรรคดเตรียมการรับมือไว้ แต่นั่นแหละ สถานการณ์ใหม่ๆมันเกิดขึ้นเสมอ ปัจจัยเล็กๆก็ล้วนเปลี่ยนแปลงเรื่องใหญ่ๆได้ ไม่ใช่เพียงแต่การเมือง ในฐานะฐานเสียงคนนึงก็คาดหวังให้พรรคสามารถจัดการรับมือกับปัญหาพวกนั้นได้อย่างราบรื่นครับ

Edited: ผมว่าคุณทิมแกประเมินญี่ปุ่นไว้สูงมากนะ นี่แกเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ด้วย ซึ่งผมว่าน่าสนใจเลย เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศนึงที่contextซับซ้อนมาก อย่างเคยได้ยินว่าแอร์ไทยที่บริการคนญี่ปุ่น ต่อหน้าสุภาพมาก เหมือนพอใจในบริการ ลับหลังนี่คือด่ายับจริงๆ  

กว่าจะได้ชัยชนะมาว่ายากแล้ว แต่การรักษามันไว้ให้นานยิ่งยากกว่า แหละครับ

ผมเคยเขียนกระทู้ในนี้ไปครั้งนึงเดือน2เดือนก่อน ว่า การบริหารความต้องการยากจริงๆ

และไม่ได้แค่บริหารเสียงที่ได้มาอย่างเดียว แต่มันคือการบริหาร เสียงทั้งหมด60-70ล้านเสียง,ความต้องการ

คุณอยู่นิ่งๆ1วันเดี๋ยวปัญหาก็วิ่งมาหาเอง ฝ่ายนึงได้ประโยชน์ ก็ต้องมี อีกฝ่ายเสียประโยชน์

และปัจจุบัน มันเปราะบางที่สุด เพราะเป็นช่วงที่มีการตื่นรู้ทางการเมือง สมัยใหม่อย่างเข้มข้น และ มาจากคนGenใหม่

ที่ ความต้องการค่อนข้างรุนแรง เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านรุ่นสู่รุ่น และห่างกันมาก ระหว่าง กลุ่ม ผบห ประเทศ กับ ฝ่ายเรียกร้อง มันเลยมีเคสแบบน้องมา และมันสุดขั้ว

รบ.ก่อนมันเลือกทิ้งความต้องการ ของ ฝั่งหนึ่งชัดเจน มันเลยบอกว่า บริหารประเทศง่าย

แต่ รบ.ที่ดีมันทำแบบนั้นไม่ได้

ส่วนญี่ปุ่น ผมว่ายังว่าความซับซ้อนไม่เท่าประเทศเราครับ 55

ของเค้า รัฐบาล กับ ประชาชน โดยตรงชัดเจน

แต่ของเรา มันหลายเลเยอร์มากๆ รัฐบาล ประชาชน ทหาร สถาบัน ราชการ มันรวมอยู่ในการเมืองหมด

ซับซ้อนกว่ากันเยอะ และมันกระทบกันหมดด้วย

 
ก็จริงครับท่าน แม้ญี่ปุ่นซับซ้อนอย่างไร หรือซับซ้อนคนละมุมแล้วนั้น พี่ไทยเรานี่โคตรจะซับซ้อนจริงๆ บริหารยังไงวะนั่น เอาจริงๆทหารมันภายใต้สถาบันแหละครับ เป็นผมจะมองที่บริหารเรื่องสถาบันเป็นหลัก ถึงแม้ส่วนตัวอยากจะไม่ให้มีสถาบัน แต่ดูแล้วน่าจะยังไปขั้นนั้นไม่ได้ในอนาคตอันใกล้ คงต้องอยู่ร่วมกันแบบเสียไม่ได้ไปก่อน ประชาชนมุมมองก็โคตรจะต่าง เศรษฐกิจ การแข่งขันในเวทีโลก แค่คิดถึงคนเป็นนายกแล้วก็เหนื่อยแทน555  

เรื่องทหารกับสถาบัน ผมเห็นต่างกับท่านนิดนึงครับ

การอยู่ใต้ปีก มันกึ่งๆการบังคับ ให้อยู่ครับ โดยการใช้วาทกรรม จรภด และตลอดรุ่นก่อน ก็อยู่ในฐานะ น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ทำอะไรก็ต้องเกรงใจกัน

จนมารุ่นนี้ที่เอาคนของตัวเองที่ไว้ใจและพร้อมรับใช้ไปอยู่ในตำแหน่งคุมกำลังทั้งหมดครับ

และแน่นอน มันต้องมีฝ่ายไม่พอใจอยู่ในนั้นด้วยที่โดนข้ามหน้า เหยียบตำแหน่ง ขึ้นไป

เอาแค่พี่น้องกัน ยังกองกำลังสนับสนุน เป็นส่วนตัวคนละกลุ่มเลยครับ

แต่เอาจริงฝ่ายถืออาวุธ ยังไงก็อยากเป็นใหญ่สุดครับ ไม่ต้องการผ่านใคร โกยได้สะดวกไม่ต้องมาแบ่ง

ทั้งพม่า เขมรผู้นำเผด็จการ รวยกว่าไทยมากๆหลายเท่าเลยนะครับ เพราะโกยเข้าตัวเน้นๆ ไม่ต้องแบ่งมาส่ง

เห็นแค่หลานฮุนเซน นี่ใช้ชีวิตขนาดนั่ง Private jet ไปทั่วโลก ได้เกือบทุกอาทิตย์ มีทั้ง Bugatti Ferrari Koenigsegg
ครบ นี่แค่หลานนะ!

ทหารไทยก็อยากเอาตามบ้าง

โดยส่วนตัวผมบอกมาตลอดว่า ควรจะให้ยังคงไว้อยู่ เพื่อคานอำนาจ ของ ฝ่ายถืออาวุธ ไม่งั้นมันก็ไม่ต่างจากพม่า เขมร ครับ

แต่แก้กฎหมาย และ ตัดขาดจากอำนาจ การเมือง การทหาร ให้น้อยสุด

ให้เหลือแค่เป็น สัญลักษณ์​ ประเทศไปเหมือน อังกฤษ ญี่ปุ่น หรือ ประเทศแถบยุโรป

ถ้าจะไม่ให้มีเลยอย่างน้อยควรปฏิรูปทหารให้สำเร็จ แบบเด็ดขาดครับ ถึงจะลดความเสี่ยงตรงนี้ได้

 
เรื่องมีไว้คานอำนาจกับทหารเนี่ย ไม่เคยได้ยินจากที่อื่นเลยครับ ก็น่าสนใจนะไอเดียนี้ แต่ในอุดมคติของผมคือไม่ต้องมีมัน แล้วลดกำลังทหารลงคงจะดีที่สุด อาจจะด้วยอคติส่วนตัวรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ผมรู้สึกว่าอะไรที่มันมีไว้แล้วต้องมานั่งเสียงบประมาณแผ่นดินให้โดยที่ไม่เกิดประโยชน์อะไร(ถ้าไม่นับเรื่องคานอำนาจ) ตัดได้ควรจะตัดให้หมด  
 


ตรงกันกับประโยคสุดท้ายผมครับ

ถ้าต้องการแบบนั้น ก็ควรจะต้องปฎิรูปทหารให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ให้ทหาร เป็นทหารมืออาชีพจริงๆ

ถึงจะได้ผลครับ

 
MBTI ท่าน Typeอะไรครับเนี่ย ถือเป็นคนหนึ่งวิเคราะห์ได้ลึกซึ้งดีครับ(ไม่ใช่เพราะเราเห็นตรงกันนะ แต่รู้สึกได้เรียนรู้จากท่านเยอะพอควรเลย)  

เอาจริงๆ ผมไม่รู้ครับ ไม่เคยวัดหรือทำแบบทดสอบ

แต่ผมจะยึดหลักอย่างนึงคือ ความจริงในบริบท และ ความเป็นไปของสังคมจริงๆ ในช่วงนั้นๆครับ

ทั้งด้านมืด และ ด้านสว่าง ซึ่งมันมีจริง ในเลเยอร์ ของการใช้อำนาจในทางลับ และรวมถึง ความสัมพันธ์​การในด้านบุคคล
และเล่ห์เหลี่ยม

มาวิเคราะห์ด้วย

เหมือนเราดู Series ฝรั่งหนักๆจำพวก House of cards,Billions

พวกนี้ครับ การกระทำแสดงออกชวนให้คิดอย่างนึง แต่อาจจะหวังผลไปอีกแบบนึงก็ได้

บางอย่างอาจจะดูเลอะเทอะ ดู Conspiracy​ แต่มันมีจริงๆครับ

เลยต้องวิเคราะห์แบบ รอบด้านจริงๆ ไม่ได้เอาแค่ที่เราเห็นตามหน้าสื่อหรือตำรา

แต่พื้นฐานบนความถูกต้อง และ ปชต.ครับ และรูปธรรมนิยมครับ

ถ้าพูดในแง่หลัก หรือ นามธรรม ผมอาจไปไม่เป็นเลย หรืออาจจะไม่เป๊ะเท่า

อย่างแบบผมมันหมิ่นเหม่ถ้าเป็นอีกฝั่งจะหลุดไปเหมือนพวก แป๊ะลิ้ม หรือ พวก Topnews ทั้งหลายอะครับ


ประมาณนี้ครับ ผมอธิบายไม่เก่งเท่าไหร่
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
แก้ไขล่าสุดโดย FreezE[v] เมื่อ Mon Jun 19, 2023 16:09, ทั้งหมด 2 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status: FCB
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Jan 2011
ตอบ: 6248
ที่อยู่: Camp nou
โพสเมื่อ: Mon Jun 19, 2023 16:08
[RE: ความท้าทายของพรรคก้าวไกลในเส้นทางการเมือง]
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
Spoil
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
ผมเคยเห็นผ่านๆช่วงที่มีการอบรม สส.ใหม่ ว่ามีการหยิบยก ประวัติทางการเมืองญี่ปุ่น ของ พรรค DJP ที่ทั้งรุ่งโรจน์จนตกต่ำ มาเป็น Case Study ในการอบรม สส.

ซึ่งบริบท ความรุ่งโรจน์ คล้าย ก้าวไกล สมควร ที่ชนะมาจากการรวมเสียงจากฐานทั้งสองฝั่ง เป็นทั้งความหวังการเมืองแบบใหม่ และมีความหลากหลาย ความต้องการ

จนเป็น 1 ในสาเหตุหลัก ของความตกต่ำ เพราะ บาลานซ์​ความต้องการ ของทั้ง2ฝั่งไม่ได้ จนไม่เคยได้รับเลือกอีกเลย

ผมเชื่อว่าพรรคมี Case Study ให้เรียนรู้พอสมควรว่าจะบริหาร และ ตระหนักถึงปัญหานี้ แบบไหน

แต่อนาคตก็ไม่แน่นอน ก็ถือเป็นเรื่องน่าคิดและท้าทายเหมือนที่ท่านตั้งครับ

 
เห็นด้วยครับ จริงๆพรรครู้อยู่แล้วแหละ และคงมีการวางแผนเตรียมการว่าฐานเสียงจะเป็นสองฝั่ง เพราะเขาสื่อสารเพื่อจับคนสองฝั่งตั้งแต่ต้น ที่ผมเขียนว่าเรื่องน้องหยกเป็นระฆังที่ดังก็เหมือนเป็นแค่เครื่องย้ำเตือน ว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆให้พรรครับรู้ อย่างที่เห็นกว่าพรรคจะแถลงการณ์ถึงเรื่องนี้ก็เล่นซะหลายวันทีเดียว คงลำบากใจและเลือกวิธีสื่อสารอยู่ไม่น้อย

สำหรับเรื่องว่ามีการยกcase studyนั้นผมไม่เคยรู้มาก่อน ถือว่าดีมากครับที่ได้ยินว่าพรรคดเตรียมการรับมือไว้ แต่นั่นแหละ สถานการณ์ใหม่ๆมันเกิดขึ้นเสมอ ปัจจัยเล็กๆก็ล้วนเปลี่ยนแปลงเรื่องใหญ่ๆได้ ไม่ใช่เพียงแต่การเมือง ในฐานะฐานเสียงคนนึงก็คาดหวังให้พรรคสามารถจัดการรับมือกับปัญหาพวกนั้นได้อย่างราบรื่นครับ

Edited: ผมว่าคุณทิมแกประเมินญี่ปุ่นไว้สูงมากนะ นี่แกเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ด้วย ซึ่งผมว่าน่าสนใจเลย เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศนึงที่contextซับซ้อนมาก อย่างเคยได้ยินว่าแอร์ไทยที่บริการคนญี่ปุ่น ต่อหน้าสุภาพมาก เหมือนพอใจในบริการ ลับหลังนี่คือด่ายับจริงๆ  

กว่าจะได้ชัยชนะมาว่ายากแล้ว แต่การรักษามันไว้ให้นานยิ่งยากกว่า แหละครับ

ผมเคยเขียนกระทู้ในนี้ไปครั้งนึงเดือน2เดือนก่อน ว่า การบริหารความต้องการยากจริงๆ

และไม่ได้แค่บริหารเสียงที่ได้มาอย่างเดียว แต่มันคือการบริหาร เสียงทั้งหมด60-70ล้านเสียง,ความต้องการ

คุณอยู่นิ่งๆ1วันเดี๋ยวปัญหาก็วิ่งมาหาเอง ฝ่ายนึงได้ประโยชน์ ก็ต้องมี อีกฝ่ายเสียประโยชน์

และปัจจุบัน มันเปราะบางที่สุด เพราะเป็นช่วงที่มีการตื่นรู้ทางการเมือง สมัยใหม่อย่างเข้มข้น และ มาจากคนGenใหม่

ที่ ความต้องการค่อนข้างรุนแรง เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านรุ่นสู่รุ่น และห่างกันมาก ระหว่าง กลุ่ม ผบห ประเทศ กับ ฝ่ายเรียกร้อง มันเลยมีเคสแบบน้องมา และมันสุดขั้ว

รบ.ก่อนมันเลือกทิ้งความต้องการ ของ ฝั่งหนึ่งชัดเจน มันเลยบอกว่า บริหารประเทศง่าย

แต่ รบ.ที่ดีมันทำแบบนั้นไม่ได้

ส่วนญี่ปุ่น ผมว่ายังว่าความซับซ้อนไม่เท่าประเทศเราครับ 55

ของเค้า รัฐบาล กับ ประชาชน โดยตรงชัดเจน

แต่ของเรา มันหลายเลเยอร์มากๆ รัฐบาล ประชาชน ทหาร สถาบัน ราชการ มันรวมอยู่ในการเมืองหมด

ซับซ้อนกว่ากันเยอะ และมันกระทบกันหมดด้วย

 
ก็จริงครับท่าน แม้ญี่ปุ่นซับซ้อนอย่างไร หรือซับซ้อนคนละมุมแล้วนั้น พี่ไทยเรานี่โคตรจะซับซ้อนจริงๆ บริหารยังไงวะนั่น เอาจริงๆทหารมันภายใต้สถาบันแหละครับ เป็นผมจะมองที่บริหารเรื่องสถาบันเป็นหลัก ถึงแม้ส่วนตัวอยากจะไม่ให้มีสถาบัน แต่ดูแล้วน่าจะยังไปขั้นนั้นไม่ได้ในอนาคตอันใกล้ คงต้องอยู่ร่วมกันแบบเสียไม่ได้ไปก่อน ประชาชนมุมมองก็โคตรจะต่าง เศรษฐกิจ การแข่งขันในเวทีโลก แค่คิดถึงคนเป็นนายกแล้วก็เหนื่อยแทน555  

เรื่องทหารกับสถาบัน ผมเห็นต่างกับท่านนิดนึงครับ

การอยู่ใต้ปีก มันกึ่งๆการบังคับ ให้อยู่ครับ โดยการใช้วาทกรรม จรภด และตลอดรุ่นก่อน ก็อยู่ในฐานะ น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ทำอะไรก็ต้องเกรงใจกัน

จนมารุ่นนี้ที่เอาคนของตัวเองที่ไว้ใจและพร้อมรับใช้ไปอยู่ในตำแหน่งคุมกำลังทั้งหมดครับ

และแน่นอน มันต้องมีฝ่ายไม่พอใจอยู่ในนั้นด้วยที่โดนข้ามหน้า เหยียบตำแหน่ง ขึ้นไป

เอาแค่พี่น้องกัน ยังกองกำลังสนับสนุน เป็นส่วนตัวคนละกลุ่มเลยครับ

แต่เอาจริงฝ่ายถืออาวุธ ยังไงก็อยากเป็นใหญ่สุดครับ ไม่ต้องการผ่านใคร โกยได้สะดวกไม่ต้องมาแบ่ง

ทั้งพม่า เขมรผู้นำเผด็จการ รวยกว่าไทยมากๆหลายเท่าเลยนะครับ เพราะโกยเข้าตัวเน้นๆ ไม่ต้องแบ่งมาส่ง

เห็นแค่หลานฮุนเซน นี่ใช้ชีวิตขนาดนั่ง Private jet ไปทั่วโลก ได้เกือบทุกอาทิตย์ มีทั้ง Bugatti Ferrari Koenigsegg
ครบ นี่แค่หลานนะ!

ทหารไทยก็อยากเอาตามบ้าง

โดยส่วนตัวผมบอกมาตลอดว่า ควรจะให้ยังคงไว้อยู่ เพื่อคานอำนาจ ของ ฝ่ายถืออาวุธ ไม่งั้นมันก็ไม่ต่างจากพม่า เขมร ครับ

แต่แก้กฎหมาย และ ตัดขาดจากอำนาจ การเมือง การทหาร ให้น้อยสุด

ให้เหลือแค่เป็น สัญลักษณ์​ ประเทศไปเหมือน อังกฤษ ญี่ปุ่น หรือ ประเทศแถบยุโรป

ถ้าจะไม่ให้มีเลยอย่างน้อยควรปฏิรูปทหารให้สำเร็จ แบบเด็ดขาดครับ ถึงจะลดความเสี่ยงตรงนี้ได้

 
เรื่องมีไว้คานอำนาจกับทหารเนี่ย ไม่เคยได้ยินจากที่อื่นเลยครับ ก็น่าสนใจนะไอเดียนี้ แต่ในอุดมคติของผมคือไม่ต้องมีมัน แล้วลดกำลังทหารลงคงจะดีที่สุด อาจจะด้วยอคติส่วนตัวรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ผมรู้สึกว่าอะไรที่มันมีไว้แล้วต้องมานั่งเสียงบประมาณแผ่นดินให้โดยที่ไม่เกิดประโยชน์อะไร(ถ้าไม่นับเรื่องคานอำนาจ) ตัดได้ควรจะตัดให้หมด  
 


ตรงกันกับประโยคสุดท้ายผมครับ

ถ้าต้องการแบบนั้น ก็ควรจะต้องปฎิรูปทหารให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ให้ทหาร เป็นทหารมืออาชีพจริงๆ

ถึงจะได้ผลครับ

 
MBTI ท่าน Typeอะไรครับเนี่ย ถือเป็นคนหนึ่งวิเคราะห์ได้ลึกซึ้งดีครับ(ไม่ใช่เพราะเราเห็นตรงกันนะ แต่รู้สึกได้เรียนรู้จากท่านเยอะพอควรเลย)  

เอาจริงๆ ผมไม่รู้ครับ ไม่เคยวัดหรือทำแบบทดสอบ

แต่ผมจะยึดหลักอย่างนึงคือ ความจริงในบริบท และ ความเป็นไปของสังคมจริงๆ ในช่วงนั้นๆครับ

ทั้งด้านมืด และ ด้านสว่าง ซึ่งมันมีจริง ในเลเยอร์ ของการใช้อำนาจในทางลับ และรวมถึง ความสัมพันธ์​การในด้านบุคคล
และเล่ห์เหลี่ยม

มาวิเคราะห์ด้วย

เหมือนเราดู Series ฝรั่งหนักๆจำพวก House of cards,Billions

พวกนี้ครับ การกระทำแสดงออกชวนให้คิดอย่างนึง แต่อาจจะหวังผลไปอีกแบบนึงก็ได้

บางอย่างอาจจะดูเลอะเทอะ ดู Conspiracy​ แต่มันมีจริงๆครับ

เลยต้องวิเคราะห์แบบ รอบด้านจริงๆ ไม่ได้เอาแค่ที่เราเห็นตามหน้าสื่อหรือตำรา

แต่พื้นฐานบนความถูกต้อง และ ปชต.ครับ

อย่างแบบผมมันหมิ่นเหม่ถ้าเป็นอีกฝั่งจะหลุดไปเหมือนพวก แป๊ะลิ้ม หรือ พวก Topnews ทั้งหลายอะครับ


ประมาณนี้ครับ ผมอธิบายไม่เก่งเท่าไหร่
 
อืมๆ โดยส่วนตัวผมHidden Agendaพวกนี้ผมเรียนรู้จากสามก๊กก่อน(เด็กๆชอบอ่านมาก โดยเฉพาะพาร์ทที่วางแผนตลบกันไปมา หลอกลวงกันต่างๆ) ตามมาด้วยหนังสือLaw of power แล้วก็หลายๆอย่างประปราย ส่วนซีรีย์ฝรั่งว่าจะดูเรื่องที่พิธาแกเคยพูดอยู่เหมือนกันครับ เห็นว่าตรงกับชีวิตแก แต่ผมจำชื่อเรื่องไม่ได้แฮะ ไว้ว่างๆค่อยไปหา ฮ่าๆ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
แข้งเจลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 2324
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jun 19, 2023 16:19
ความท้าทายของพรรคก้าวไกลในเส้นทางการเมือง
Spoil
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
Spoil
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
ผมเคยเห็นผ่านๆช่วงที่มีการอบรม สส.ใหม่ ว่ามีการหยิบยก ประวัติทางการเมืองญี่ปุ่น ของ พรรค DJP ที่ทั้งรุ่งโรจน์จนตกต่ำ มาเป็น Case Study ในการอบรม สส.

ซึ่งบริบท ความรุ่งโรจน์ คล้าย ก้าวไกล สมควร ที่ชนะมาจากการรวมเสียงจากฐานทั้งสองฝั่ง เป็นทั้งความหวังการเมืองแบบใหม่ และมีความหลากหลาย ความต้องการ

จนเป็น 1 ในสาเหตุหลัก ของความตกต่ำ เพราะ บาลานซ์​ความต้องการ ของทั้ง2ฝั่งไม่ได้ จนไม่เคยได้รับเลือกอีกเลย

ผมเชื่อว่าพรรคมี Case Study ให้เรียนรู้พอสมควรว่าจะบริหาร และ ตระหนักถึงปัญหานี้ แบบไหน

แต่อนาคตก็ไม่แน่นอน ก็ถือเป็นเรื่องน่าคิดและท้าทายเหมือนที่ท่านตั้งครับ

 
เห็นด้วยครับ จริงๆพรรครู้อยู่แล้วแหละ และคงมีการวางแผนเตรียมการว่าฐานเสียงจะเป็นสองฝั่ง เพราะเขาสื่อสารเพื่อจับคนสองฝั่งตั้งแต่ต้น ที่ผมเขียนว่าเรื่องน้องหยกเป็นระฆังที่ดังก็เหมือนเป็นแค่เครื่องย้ำเตือน ว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆให้พรรครับรู้ อย่างที่เห็นกว่าพรรคจะแถลงการณ์ถึงเรื่องนี้ก็เล่นซะหลายวันทีเดียว คงลำบากใจและเลือกวิธีสื่อสารอยู่ไม่น้อย

สำหรับเรื่องว่ามีการยกcase studyนั้นผมไม่เคยรู้มาก่อน ถือว่าดีมากครับที่ได้ยินว่าพรรคดเตรียมการรับมือไว้ แต่นั่นแหละ สถานการณ์ใหม่ๆมันเกิดขึ้นเสมอ ปัจจัยเล็กๆก็ล้วนเปลี่ยนแปลงเรื่องใหญ่ๆได้ ไม่ใช่เพียงแต่การเมือง ในฐานะฐานเสียงคนนึงก็คาดหวังให้พรรคสามารถจัดการรับมือกับปัญหาพวกนั้นได้อย่างราบรื่นครับ

Edited: ผมว่าคุณทิมแกประเมินญี่ปุ่นไว้สูงมากนะ นี่แกเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ด้วย ซึ่งผมว่าน่าสนใจเลย เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศนึงที่contextซับซ้อนมาก อย่างเคยได้ยินว่าแอร์ไทยที่บริการคนญี่ปุ่น ต่อหน้าสุภาพมาก เหมือนพอใจในบริการ ลับหลังนี่คือด่ายับจริงๆ  

กว่าจะได้ชัยชนะมาว่ายากแล้ว แต่การรักษามันไว้ให้นานยิ่งยากกว่า แหละครับ

ผมเคยเขียนกระทู้ในนี้ไปครั้งนึงเดือน2เดือนก่อน ว่า การบริหารความต้องการยากจริงๆ

และไม่ได้แค่บริหารเสียงที่ได้มาอย่างเดียว แต่มันคือการบริหาร เสียงทั้งหมด60-70ล้านเสียง,ความต้องการ

คุณอยู่นิ่งๆ1วันเดี๋ยวปัญหาก็วิ่งมาหาเอง ฝ่ายนึงได้ประโยชน์ ก็ต้องมี อีกฝ่ายเสียประโยชน์

และปัจจุบัน มันเปราะบางที่สุด เพราะเป็นช่วงที่มีการตื่นรู้ทางการเมือง สมัยใหม่อย่างเข้มข้น และ มาจากคนGenใหม่

ที่ ความต้องการค่อนข้างรุนแรง เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านรุ่นสู่รุ่น และห่างกันมาก ระหว่าง กลุ่ม ผบห ประเทศ กับ ฝ่ายเรียกร้อง มันเลยมีเคสแบบน้องมา และมันสุดขั้ว

รบ.ก่อนมันเลือกทิ้งความต้องการ ของ ฝั่งหนึ่งชัดเจน มันเลยบอกว่า บริหารประเทศง่าย

แต่ รบ.ที่ดีมันทำแบบนั้นไม่ได้

ส่วนญี่ปุ่น ผมว่ายังว่าความซับซ้อนไม่เท่าประเทศเราครับ 55

ของเค้า รัฐบาล กับ ประชาชน โดยตรงชัดเจน

แต่ของเรา มันหลายเลเยอร์มากๆ รัฐบาล ประชาชน ทหาร สถาบัน ราชการ มันรวมอยู่ในการเมืองหมด

ซับซ้อนกว่ากันเยอะ และมันกระทบกันหมดด้วย

 
ก็จริงครับท่าน แม้ญี่ปุ่นซับซ้อนอย่างไร หรือซับซ้อนคนละมุมแล้วนั้น พี่ไทยเรานี่โคตรจะซับซ้อนจริงๆ บริหารยังไงวะนั่น เอาจริงๆทหารมันภายใต้สถาบันแหละครับ เป็นผมจะมองที่บริหารเรื่องสถาบันเป็นหลัก ถึงแม้ส่วนตัวอยากจะไม่ให้มีสถาบัน แต่ดูแล้วน่าจะยังไปขั้นนั้นไม่ได้ในอนาคตอันใกล้ คงต้องอยู่ร่วมกันแบบเสียไม่ได้ไปก่อน ประชาชนมุมมองก็โคตรจะต่าง เศรษฐกิจ การแข่งขันในเวทีโลก แค่คิดถึงคนเป็นนายกแล้วก็เหนื่อยแทน555  

เรื่องทหารกับสถาบัน ผมเห็นต่างกับท่านนิดนึงครับ

การอยู่ใต้ปีก มันกึ่งๆการบังคับ ให้อยู่ครับ โดยการใช้วาทกรรม จรภด และตลอดรุ่นก่อน ก็อยู่ในฐานะ น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ทำอะไรก็ต้องเกรงใจกัน

จนมารุ่นนี้ที่เอาคนของตัวเองที่ไว้ใจและพร้อมรับใช้ไปอยู่ในตำแหน่งคุมกำลังทั้งหมดครับ

และแน่นอน มันต้องมีฝ่ายไม่พอใจอยู่ในนั้นด้วยที่โดนข้ามหน้า เหยียบตำแหน่ง ขึ้นไป

เอาแค่พี่น้องกัน ยังกองกำลังสนับสนุน เป็นส่วนตัวคนละกลุ่มเลยครับ

แต่เอาจริงฝ่ายถืออาวุธ ยังไงก็อยากเป็นใหญ่สุดครับ ไม่ต้องการผ่านใคร โกยได้สะดวกไม่ต้องมาแบ่ง

ทั้งพม่า เขมรผู้นำเผด็จการ รวยกว่าไทยมากๆหลายเท่าเลยนะครับ เพราะโกยเข้าตัวเน้นๆ ไม่ต้องแบ่งมาส่ง

เห็นแค่หลานฮุนเซน นี่ใช้ชีวิตขนาดนั่ง Private jet ไปทั่วโลก ได้เกือบทุกอาทิตย์ มีทั้ง Bugatti Ferrari Koenigsegg
ครบ นี่แค่หลานนะ!

ทหารไทยก็อยากเอาตามบ้าง

โดยส่วนตัวผมบอกมาตลอดว่า ควรจะให้ยังคงไว้อยู่ เพื่อคานอำนาจ ของ ฝ่ายถืออาวุธ ไม่งั้นมันก็ไม่ต่างจากพม่า เขมร ครับ

แต่แก้กฎหมาย และ ตัดขาดจากอำนาจ การเมือง การทหาร ให้น้อยสุด

ให้เหลือแค่เป็น สัญลักษณ์​ ประเทศไปเหมือน อังกฤษ ญี่ปุ่น หรือ ประเทศแถบยุโรป

ถ้าจะไม่ให้มีเลยอย่างน้อยควรปฏิรูปทหารให้สำเร็จ แบบเด็ดขาดครับ ถึงจะลดความเสี่ยงตรงนี้ได้

 
เรื่องมีไว้คานอำนาจกับทหารเนี่ย ไม่เคยได้ยินจากที่อื่นเลยครับ ก็น่าสนใจนะไอเดียนี้ แต่ในอุดมคติของผมคือไม่ต้องมีมัน แล้วลดกำลังทหารลงคงจะดีที่สุด อาจจะด้วยอคติส่วนตัวรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ผมรู้สึกว่าอะไรที่มันมีไว้แล้วต้องมานั่งเสียงบประมาณแผ่นดินให้โดยที่ไม่เกิดประโยชน์อะไร(ถ้าไม่นับเรื่องคานอำนาจ) ตัดได้ควรจะตัดให้หมด  
 


ตรงกันกับประโยคสุดท้ายผมครับ

ถ้าต้องการแบบนั้น ก็ควรจะต้องปฎิรูปทหารให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ให้ทหาร เป็นทหารมืออาชีพจริงๆ

ถึงจะได้ผลครับ

 
MBTI ท่าน Typeอะไรครับเนี่ย ถือเป็นคนหนึ่งวิเคราะห์ได้ลึกซึ้งดีครับ(ไม่ใช่เพราะเราเห็นตรงกันนะ แต่รู้สึกได้เรียนรู้จากท่านเยอะพอควรเลย)  

เอาจริงๆ ผมไม่รู้ครับ ไม่เคยวัดหรือทำแบบทดสอบ

แต่ผมจะยึดหลักอย่างนึงคือ ความจริงในบริบท และ ความเป็นไปของสังคมจริงๆ ในช่วงนั้นๆครับ

ทั้งด้านมืด และ ด้านสว่าง ซึ่งมันมีจริง ในเลเยอร์ ของการใช้อำนาจในทางลับ และรวมถึง ความสัมพันธ์​การในด้านบุคคล
และเล่ห์เหลี่ยม

มาวิเคราะห์ด้วย

เหมือนเราดู Series ฝรั่งหนักๆจำพวก House of cards,Billions

พวกนี้ครับ การกระทำแสดงออกชวนให้คิดอย่างนึง แต่อาจจะหวังผลไปอีกแบบนึงก็ได้

บางอย่างอาจจะดูเลอะเทอะ ดู Conspiracy​ แต่มันมีจริงๆครับ

เลยต้องวิเคราะห์แบบ รอบด้านจริงๆ ไม่ได้เอาแค่ที่เราเห็นตามหน้าสื่อหรือตำรา

แต่พื้นฐานบนความถูกต้อง และ ปชต.ครับ

อย่างแบบผมมันหมิ่นเหม่ถ้าเป็นอีกฝั่งจะหลุดไปเหมือนพวก แป๊ะลิ้ม หรือ พวก Topnews ทั้งหลายอะครับ


ประมาณนี้ครับ ผมอธิบายไม่เก่งเท่าไหร่
 
อืมๆ โดยส่วนตัวผมHidden Agendaพวกนี้ผมเรียนรู้จากสามก๊กก่อน(เด็กๆชอบอ่านมาก โดยเฉพาะพาร์ทที่วางแผนตลบกันไปมา หลอกลวงกันต่างๆ) ตามมาด้วยหนังสือLaw of power แล้วก็หลายๆอย่างประปราย ส่วนซีรีย์ฝรั่งว่าจะดูเรื่องที่พิธาแกเคยพูดอยู่เหมือนกันครับ เห็นว่าตรงกับชีวิตแก แต่ผมจำชื่อเรื่องไม่ได้แฮะ ไว้ว่างๆค่อยไปหา ฮ่าๆ  
 


อย่างที่ ทิม ดู เคยเห็นสัมภาษณ์​ว่าดูเรื่อง

Designated Survivor ครับผมชอบเหมือนกัน

ผมจะชอบดูแนวการเมือง ธุรกิจ หักเหลี่ยม เฉือนคมพวกนี้ครับ

2เรื่องที่ผมบอกไปแล้วก็พวก Madame Secretary, Suscession

และอีกหลายเรื่อง แล้วมีปรับ บริบท ให้เข้ากับสังคมในหลายสถานการณ์ครับ ซึ่งบางอย่างก็ตรงจนน่าประหลาด

แต่ที่ผมชอบสุดคือ Billions ครับ มันทำให้เห็นการใช้อำนาจ เลห์เหลี่ยม ทั้งจากฝ่ายนายทุน ฝ่ายถือกฎหมาย การเมือง
ในระดับที่ซับซ้อน

และที่สำคัญ ไม่มีใครขาวไปหมด ครับ เมื่อเข้ามาอยู่ใน อาถรรพ์อำนาจ

มันโดนกลืนไปได้หมด จะมากจะน้อย ขึ้นอยู่กับแต่ละคน


โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
แก้ไขล่าสุดโดย FreezE[v] เมื่อ Mon Jun 19, 2023 16:28, ทั้งหมด 1 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status: FCB
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Jan 2011
ตอบ: 6248
ที่อยู่: Camp nou
โพสเมื่อ: Mon Jun 19, 2023 16:39
[RE: ความท้าทายของพรรคก้าวไกลในเส้นทางการเมือง]
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
Spoil
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
Spoil
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
ผมเคยเห็นผ่านๆช่วงที่มีการอบรม สส.ใหม่ ว่ามีการหยิบยก ประวัติทางการเมืองญี่ปุ่น ของ พรรค DJP ที่ทั้งรุ่งโรจน์จนตกต่ำ มาเป็น Case Study ในการอบรม สส.

ซึ่งบริบท ความรุ่งโรจน์ คล้าย ก้าวไกล สมควร ที่ชนะมาจากการรวมเสียงจากฐานทั้งสองฝั่ง เป็นทั้งความหวังการเมืองแบบใหม่ และมีความหลากหลาย ความต้องการ

จนเป็น 1 ในสาเหตุหลัก ของความตกต่ำ เพราะ บาลานซ์​ความต้องการ ของทั้ง2ฝั่งไม่ได้ จนไม่เคยได้รับเลือกอีกเลย

ผมเชื่อว่าพรรคมี Case Study ให้เรียนรู้พอสมควรว่าจะบริหาร และ ตระหนักถึงปัญหานี้ แบบไหน

แต่อนาคตก็ไม่แน่นอน ก็ถือเป็นเรื่องน่าคิดและท้าทายเหมือนที่ท่านตั้งครับ

 
เห็นด้วยครับ จริงๆพรรครู้อยู่แล้วแหละ และคงมีการวางแผนเตรียมการว่าฐานเสียงจะเป็นสองฝั่ง เพราะเขาสื่อสารเพื่อจับคนสองฝั่งตั้งแต่ต้น ที่ผมเขียนว่าเรื่องน้องหยกเป็นระฆังที่ดังก็เหมือนเป็นแค่เครื่องย้ำเตือน ว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆให้พรรครับรู้ อย่างที่เห็นกว่าพรรคจะแถลงการณ์ถึงเรื่องนี้ก็เล่นซะหลายวันทีเดียว คงลำบากใจและเลือกวิธีสื่อสารอยู่ไม่น้อย

สำหรับเรื่องว่ามีการยกcase studyนั้นผมไม่เคยรู้มาก่อน ถือว่าดีมากครับที่ได้ยินว่าพรรคดเตรียมการรับมือไว้ แต่นั่นแหละ สถานการณ์ใหม่ๆมันเกิดขึ้นเสมอ ปัจจัยเล็กๆก็ล้วนเปลี่ยนแปลงเรื่องใหญ่ๆได้ ไม่ใช่เพียงแต่การเมือง ในฐานะฐานเสียงคนนึงก็คาดหวังให้พรรคสามารถจัดการรับมือกับปัญหาพวกนั้นได้อย่างราบรื่นครับ

Edited: ผมว่าคุณทิมแกประเมินญี่ปุ่นไว้สูงมากนะ นี่แกเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ด้วย ซึ่งผมว่าน่าสนใจเลย เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศนึงที่contextซับซ้อนมาก อย่างเคยได้ยินว่าแอร์ไทยที่บริการคนญี่ปุ่น ต่อหน้าสุภาพมาก เหมือนพอใจในบริการ ลับหลังนี่คือด่ายับจริงๆ  

กว่าจะได้ชัยชนะมาว่ายากแล้ว แต่การรักษามันไว้ให้นานยิ่งยากกว่า แหละครับ

ผมเคยเขียนกระทู้ในนี้ไปครั้งนึงเดือน2เดือนก่อน ว่า การบริหารความต้องการยากจริงๆ

และไม่ได้แค่บริหารเสียงที่ได้มาอย่างเดียว แต่มันคือการบริหาร เสียงทั้งหมด60-70ล้านเสียง,ความต้องการ

คุณอยู่นิ่งๆ1วันเดี๋ยวปัญหาก็วิ่งมาหาเอง ฝ่ายนึงได้ประโยชน์ ก็ต้องมี อีกฝ่ายเสียประโยชน์

และปัจจุบัน มันเปราะบางที่สุด เพราะเป็นช่วงที่มีการตื่นรู้ทางการเมือง สมัยใหม่อย่างเข้มข้น และ มาจากคนGenใหม่

ที่ ความต้องการค่อนข้างรุนแรง เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านรุ่นสู่รุ่น และห่างกันมาก ระหว่าง กลุ่ม ผบห ประเทศ กับ ฝ่ายเรียกร้อง มันเลยมีเคสแบบน้องมา และมันสุดขั้ว

รบ.ก่อนมันเลือกทิ้งความต้องการ ของ ฝั่งหนึ่งชัดเจน มันเลยบอกว่า บริหารประเทศง่าย

แต่ รบ.ที่ดีมันทำแบบนั้นไม่ได้

ส่วนญี่ปุ่น ผมว่ายังว่าความซับซ้อนไม่เท่าประเทศเราครับ 55

ของเค้า รัฐบาล กับ ประชาชน โดยตรงชัดเจน

แต่ของเรา มันหลายเลเยอร์มากๆ รัฐบาล ประชาชน ทหาร สถาบัน ราชการ มันรวมอยู่ในการเมืองหมด

ซับซ้อนกว่ากันเยอะ และมันกระทบกันหมดด้วย

 
ก็จริงครับท่าน แม้ญี่ปุ่นซับซ้อนอย่างไร หรือซับซ้อนคนละมุมแล้วนั้น พี่ไทยเรานี่โคตรจะซับซ้อนจริงๆ บริหารยังไงวะนั่น เอาจริงๆทหารมันภายใต้สถาบันแหละครับ เป็นผมจะมองที่บริหารเรื่องสถาบันเป็นหลัก ถึงแม้ส่วนตัวอยากจะไม่ให้มีสถาบัน แต่ดูแล้วน่าจะยังไปขั้นนั้นไม่ได้ในอนาคตอันใกล้ คงต้องอยู่ร่วมกันแบบเสียไม่ได้ไปก่อน ประชาชนมุมมองก็โคตรจะต่าง เศรษฐกิจ การแข่งขันในเวทีโลก แค่คิดถึงคนเป็นนายกแล้วก็เหนื่อยแทน555  

เรื่องทหารกับสถาบัน ผมเห็นต่างกับท่านนิดนึงครับ

การอยู่ใต้ปีก มันกึ่งๆการบังคับ ให้อยู่ครับ โดยการใช้วาทกรรม จรภด และตลอดรุ่นก่อน ก็อยู่ในฐานะ น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ทำอะไรก็ต้องเกรงใจกัน

จนมารุ่นนี้ที่เอาคนของตัวเองที่ไว้ใจและพร้อมรับใช้ไปอยู่ในตำแหน่งคุมกำลังทั้งหมดครับ

และแน่นอน มันต้องมีฝ่ายไม่พอใจอยู่ในนั้นด้วยที่โดนข้ามหน้า เหยียบตำแหน่ง ขึ้นไป

เอาแค่พี่น้องกัน ยังกองกำลังสนับสนุน เป็นส่วนตัวคนละกลุ่มเลยครับ

แต่เอาจริงฝ่ายถืออาวุธ ยังไงก็อยากเป็นใหญ่สุดครับ ไม่ต้องการผ่านใคร โกยได้สะดวกไม่ต้องมาแบ่ง

ทั้งพม่า เขมรผู้นำเผด็จการ รวยกว่าไทยมากๆหลายเท่าเลยนะครับ เพราะโกยเข้าตัวเน้นๆ ไม่ต้องแบ่งมาส่ง

เห็นแค่หลานฮุนเซน นี่ใช้ชีวิตขนาดนั่ง Private jet ไปทั่วโลก ได้เกือบทุกอาทิตย์ มีทั้ง Bugatti Ferrari Koenigsegg
ครบ นี่แค่หลานนะ!

ทหารไทยก็อยากเอาตามบ้าง

โดยส่วนตัวผมบอกมาตลอดว่า ควรจะให้ยังคงไว้อยู่ เพื่อคานอำนาจ ของ ฝ่ายถืออาวุธ ไม่งั้นมันก็ไม่ต่างจากพม่า เขมร ครับ

แต่แก้กฎหมาย และ ตัดขาดจากอำนาจ การเมือง การทหาร ให้น้อยสุด

ให้เหลือแค่เป็น สัญลักษณ์​ ประเทศไปเหมือน อังกฤษ ญี่ปุ่น หรือ ประเทศแถบยุโรป

ถ้าจะไม่ให้มีเลยอย่างน้อยควรปฏิรูปทหารให้สำเร็จ แบบเด็ดขาดครับ ถึงจะลดความเสี่ยงตรงนี้ได้

 
เรื่องมีไว้คานอำนาจกับทหารเนี่ย ไม่เคยได้ยินจากที่อื่นเลยครับ ก็น่าสนใจนะไอเดียนี้ แต่ในอุดมคติของผมคือไม่ต้องมีมัน แล้วลดกำลังทหารลงคงจะดีที่สุด อาจจะด้วยอคติส่วนตัวรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ผมรู้สึกว่าอะไรที่มันมีไว้แล้วต้องมานั่งเสียงบประมาณแผ่นดินให้โดยที่ไม่เกิดประโยชน์อะไร(ถ้าไม่นับเรื่องคานอำนาจ) ตัดได้ควรจะตัดให้หมด  
 


ตรงกันกับประโยคสุดท้ายผมครับ

ถ้าต้องการแบบนั้น ก็ควรจะต้องปฎิรูปทหารให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ให้ทหาร เป็นทหารมืออาชีพจริงๆ

ถึงจะได้ผลครับ

 
MBTI ท่าน Typeอะไรครับเนี่ย ถือเป็นคนหนึ่งวิเคราะห์ได้ลึกซึ้งดีครับ(ไม่ใช่เพราะเราเห็นตรงกันนะ แต่รู้สึกได้เรียนรู้จากท่านเยอะพอควรเลย)  

เอาจริงๆ ผมไม่รู้ครับ ไม่เคยวัดหรือทำแบบทดสอบ

แต่ผมจะยึดหลักอย่างนึงคือ ความจริงในบริบท และ ความเป็นไปของสังคมจริงๆ ในช่วงนั้นๆครับ

ทั้งด้านมืด และ ด้านสว่าง ซึ่งมันมีจริง ในเลเยอร์ ของการใช้อำนาจในทางลับ และรวมถึง ความสัมพันธ์​การในด้านบุคคล
และเล่ห์เหลี่ยม

มาวิเคราะห์ด้วย

เหมือนเราดู Series ฝรั่งหนักๆจำพวก House of cards,Billions

พวกนี้ครับ การกระทำแสดงออกชวนให้คิดอย่างนึง แต่อาจจะหวังผลไปอีกแบบนึงก็ได้

บางอย่างอาจจะดูเลอะเทอะ ดู Conspiracy​ แต่มันมีจริงๆครับ

เลยต้องวิเคราะห์แบบ รอบด้านจริงๆ ไม่ได้เอาแค่ที่เราเห็นตามหน้าสื่อหรือตำรา

แต่พื้นฐานบนความถูกต้อง และ ปชต.ครับ

อย่างแบบผมมันหมิ่นเหม่ถ้าเป็นอีกฝั่งจะหลุดไปเหมือนพวก แป๊ะลิ้ม หรือ พวก Topnews ทั้งหลายอะครับ


ประมาณนี้ครับ ผมอธิบายไม่เก่งเท่าไหร่
 
อืมๆ โดยส่วนตัวผมHidden Agendaพวกนี้ผมเรียนรู้จากสามก๊กก่อน(เด็กๆชอบอ่านมาก โดยเฉพาะพาร์ทที่วางแผนตลบกันไปมา หลอกลวงกันต่างๆ) ตามมาด้วยหนังสือLaw of power แล้วก็หลายๆอย่างประปราย ส่วนซีรีย์ฝรั่งว่าจะดูเรื่องที่พิธาแกเคยพูดอยู่เหมือนกันครับ เห็นว่าตรงกับชีวิตแก แต่ผมจำชื่อเรื่องไม่ได้แฮะ ไว้ว่างๆค่อยไปหา ฮ่าๆ  
 


อย่างที่ ทิม ดู เคยเห็นสัมภาษณ์​ว่าดูเรื่อง

Designated Survivor ครับผมชอบเหมือนกัน

ผมจะชอบดูแนวการเมือง ธุรกิจ หักเหลี่ยม เฉือนคมพวกนี้ครับ

2เรื่องที่ผมบอกไปแล้วก็พวก Madame Secretary, Suscession

และอีกหลายเรื่อง แล้วมีปรับ บริบท ให้เข้ากับสังคมในหลายสถานการณ์ครับ ซึ่งบางอย่างก็ตรงจนน่าประหลาด

แต่ที่ผมชอบสุดคือ Billions ครับ มันทำให้เห็นการใช้อำนาจ เลห์เหลี่ยม ทั้งจากฝ่ายนายทุน ฝ่ายถือกฎหมาย การเมือง
ในระดับที่ซับซ้อน

และที่สำคัญ ไม่มีใครขาวไปหมด ครับ เมื่อเข้ามาอยู่ใน อาถรรพ์อำนาจ

มันโดนกลืนไปได้หมด จะมากจะน้อย ขึ้นอยู่กับแต่ละคน


 
โอ้วใช่เลยครับ Designated Survivor เนี่ยว่าจะดู พอดีเพิ่งยกเลิกNetflixไปสักครึ่งปี แล้วสมัครDisneyนับแต่นั้น ซึ่งยังไม่ครบปีเลยกะว่าครบเมื่อไหร่จะกลับไปดูเหมือนกันครับ ส่วนเรื่องอื่นๆที่แนะนำเดี๋ยวว่างๆจะไปดูครับว่าตรงเทสมั้ย ฮ่าๆ

"และที่สำคัญ ไม่มีใครขาวไปหมด ครับ เมื่อเข้ามาอยู่ใน อาถรรพ์อำนาจ

มันโดนกลืนไปได้หมด จะมากจะน้อย ขึ้นอยู่กับแต่ละคน" - Fact ครับ คนที่หลักการจ๋า ผมว่าชอบพลาตรงนี้ไป หรือต่อให้คิดดีแล้วว่าตัวเองไม่เป็น แต่ตัวเองก็โตมาต่างกับคนอื่นอีก โดนยัดอะไรใส่หัวไม่เหมือนกัน เจอชีวิตวัยเด็กที่ต่างกัน ผมคิดว่าขนาดหลายๆคนที่มีความเฉลียวฉลาดยังติดหล่มตรงนี้เยอะมากจริงๆครับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
แข้งเจลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 2324
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jun 19, 2023 17:04
ความท้าทายของพรรคก้าวไกลในเส้นทางการเมือง
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
Spoil
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
Spoil
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
ผมเคยเห็นผ่านๆช่วงที่มีการอบรม สส.ใหม่ ว่ามีการหยิบยก ประวัติทางการเมืองญี่ปุ่น ของ พรรค DJP ที่ทั้งรุ่งโรจน์จนตกต่ำ มาเป็น Case Study ในการอบรม สส.

ซึ่งบริบท ความรุ่งโรจน์ คล้าย ก้าวไกล สมควร ที่ชนะมาจากการรวมเสียงจากฐานทั้งสองฝั่ง เป็นทั้งความหวังการเมืองแบบใหม่ และมีความหลากหลาย ความต้องการ

จนเป็น 1 ในสาเหตุหลัก ของความตกต่ำ เพราะ บาลานซ์​ความต้องการ ของทั้ง2ฝั่งไม่ได้ จนไม่เคยได้รับเลือกอีกเลย

ผมเชื่อว่าพรรคมี Case Study ให้เรียนรู้พอสมควรว่าจะบริหาร และ ตระหนักถึงปัญหานี้ แบบไหน

แต่อนาคตก็ไม่แน่นอน ก็ถือเป็นเรื่องน่าคิดและท้าทายเหมือนที่ท่านตั้งครับ

 
เห็นด้วยครับ จริงๆพรรครู้อยู่แล้วแหละ และคงมีการวางแผนเตรียมการว่าฐานเสียงจะเป็นสองฝั่ง เพราะเขาสื่อสารเพื่อจับคนสองฝั่งตั้งแต่ต้น ที่ผมเขียนว่าเรื่องน้องหยกเป็นระฆังที่ดังก็เหมือนเป็นแค่เครื่องย้ำเตือน ว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆให้พรรครับรู้ อย่างที่เห็นกว่าพรรคจะแถลงการณ์ถึงเรื่องนี้ก็เล่นซะหลายวันทีเดียว คงลำบากใจและเลือกวิธีสื่อสารอยู่ไม่น้อย

สำหรับเรื่องว่ามีการยกcase studyนั้นผมไม่เคยรู้มาก่อน ถือว่าดีมากครับที่ได้ยินว่าพรรคดเตรียมการรับมือไว้ แต่นั่นแหละ สถานการณ์ใหม่ๆมันเกิดขึ้นเสมอ ปัจจัยเล็กๆก็ล้วนเปลี่ยนแปลงเรื่องใหญ่ๆได้ ไม่ใช่เพียงแต่การเมือง ในฐานะฐานเสียงคนนึงก็คาดหวังให้พรรคสามารถจัดการรับมือกับปัญหาพวกนั้นได้อย่างราบรื่นครับ

Edited: ผมว่าคุณทิมแกประเมินญี่ปุ่นไว้สูงมากนะ นี่แกเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ด้วย ซึ่งผมว่าน่าสนใจเลย เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศนึงที่contextซับซ้อนมาก อย่างเคยได้ยินว่าแอร์ไทยที่บริการคนญี่ปุ่น ต่อหน้าสุภาพมาก เหมือนพอใจในบริการ ลับหลังนี่คือด่ายับจริงๆ  

กว่าจะได้ชัยชนะมาว่ายากแล้ว แต่การรักษามันไว้ให้นานยิ่งยากกว่า แหละครับ

ผมเคยเขียนกระทู้ในนี้ไปครั้งนึงเดือน2เดือนก่อน ว่า การบริหารความต้องการยากจริงๆ

และไม่ได้แค่บริหารเสียงที่ได้มาอย่างเดียว แต่มันคือการบริหาร เสียงทั้งหมด60-70ล้านเสียง,ความต้องการ

คุณอยู่นิ่งๆ1วันเดี๋ยวปัญหาก็วิ่งมาหาเอง ฝ่ายนึงได้ประโยชน์ ก็ต้องมี อีกฝ่ายเสียประโยชน์

และปัจจุบัน มันเปราะบางที่สุด เพราะเป็นช่วงที่มีการตื่นรู้ทางการเมือง สมัยใหม่อย่างเข้มข้น และ มาจากคนGenใหม่

ที่ ความต้องการค่อนข้างรุนแรง เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านรุ่นสู่รุ่น และห่างกันมาก ระหว่าง กลุ่ม ผบห ประเทศ กับ ฝ่ายเรียกร้อง มันเลยมีเคสแบบน้องมา และมันสุดขั้ว

รบ.ก่อนมันเลือกทิ้งความต้องการ ของ ฝั่งหนึ่งชัดเจน มันเลยบอกว่า บริหารประเทศง่าย

แต่ รบ.ที่ดีมันทำแบบนั้นไม่ได้

ส่วนญี่ปุ่น ผมว่ายังว่าความซับซ้อนไม่เท่าประเทศเราครับ 55

ของเค้า รัฐบาล กับ ประชาชน โดยตรงชัดเจน

แต่ของเรา มันหลายเลเยอร์มากๆ รัฐบาล ประชาชน ทหาร สถาบัน ราชการ มันรวมอยู่ในการเมืองหมด

ซับซ้อนกว่ากันเยอะ และมันกระทบกันหมดด้วย

 
ก็จริงครับท่าน แม้ญี่ปุ่นซับซ้อนอย่างไร หรือซับซ้อนคนละมุมแล้วนั้น พี่ไทยเรานี่โคตรจะซับซ้อนจริงๆ บริหารยังไงวะนั่น เอาจริงๆทหารมันภายใต้สถาบันแหละครับ เป็นผมจะมองที่บริหารเรื่องสถาบันเป็นหลัก ถึงแม้ส่วนตัวอยากจะไม่ให้มีสถาบัน แต่ดูแล้วน่าจะยังไปขั้นนั้นไม่ได้ในอนาคตอันใกล้ คงต้องอยู่ร่วมกันแบบเสียไม่ได้ไปก่อน ประชาชนมุมมองก็โคตรจะต่าง เศรษฐกิจ การแข่งขันในเวทีโลก แค่คิดถึงคนเป็นนายกแล้วก็เหนื่อยแทน555  

เรื่องทหารกับสถาบัน ผมเห็นต่างกับท่านนิดนึงครับ

การอยู่ใต้ปีก มันกึ่งๆการบังคับ ให้อยู่ครับ โดยการใช้วาทกรรม จรภด และตลอดรุ่นก่อน ก็อยู่ในฐานะ น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ทำอะไรก็ต้องเกรงใจกัน

จนมารุ่นนี้ที่เอาคนของตัวเองที่ไว้ใจและพร้อมรับใช้ไปอยู่ในตำแหน่งคุมกำลังทั้งหมดครับ

และแน่นอน มันต้องมีฝ่ายไม่พอใจอยู่ในนั้นด้วยที่โดนข้ามหน้า เหยียบตำแหน่ง ขึ้นไป

เอาแค่พี่น้องกัน ยังกองกำลังสนับสนุน เป็นส่วนตัวคนละกลุ่มเลยครับ

แต่เอาจริงฝ่ายถืออาวุธ ยังไงก็อยากเป็นใหญ่สุดครับ ไม่ต้องการผ่านใคร โกยได้สะดวกไม่ต้องมาแบ่ง

ทั้งพม่า เขมรผู้นำเผด็จการ รวยกว่าไทยมากๆหลายเท่าเลยนะครับ เพราะโกยเข้าตัวเน้นๆ ไม่ต้องแบ่งมาส่ง

เห็นแค่หลานฮุนเซน นี่ใช้ชีวิตขนาดนั่ง Private jet ไปทั่วโลก ได้เกือบทุกอาทิตย์ มีทั้ง Bugatti Ferrari Koenigsegg
ครบ นี่แค่หลานนะ!

ทหารไทยก็อยากเอาตามบ้าง

โดยส่วนตัวผมบอกมาตลอดว่า ควรจะให้ยังคงไว้อยู่ เพื่อคานอำนาจ ของ ฝ่ายถืออาวุธ ไม่งั้นมันก็ไม่ต่างจากพม่า เขมร ครับ

แต่แก้กฎหมาย และ ตัดขาดจากอำนาจ การเมือง การทหาร ให้น้อยสุด

ให้เหลือแค่เป็น สัญลักษณ์​ ประเทศไปเหมือน อังกฤษ ญี่ปุ่น หรือ ประเทศแถบยุโรป

ถ้าจะไม่ให้มีเลยอย่างน้อยควรปฏิรูปทหารให้สำเร็จ แบบเด็ดขาดครับ ถึงจะลดความเสี่ยงตรงนี้ได้

 
เรื่องมีไว้คานอำนาจกับทหารเนี่ย ไม่เคยได้ยินจากที่อื่นเลยครับ ก็น่าสนใจนะไอเดียนี้ แต่ในอุดมคติของผมคือไม่ต้องมีมัน แล้วลดกำลังทหารลงคงจะดีที่สุด อาจจะด้วยอคติส่วนตัวรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ผมรู้สึกว่าอะไรที่มันมีไว้แล้วต้องมานั่งเสียงบประมาณแผ่นดินให้โดยที่ไม่เกิดประโยชน์อะไร(ถ้าไม่นับเรื่องคานอำนาจ) ตัดได้ควรจะตัดให้หมด  
 


ตรงกันกับประโยคสุดท้ายผมครับ

ถ้าต้องการแบบนั้น ก็ควรจะต้องปฎิรูปทหารให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ให้ทหาร เป็นทหารมืออาชีพจริงๆ

ถึงจะได้ผลครับ

 
MBTI ท่าน Typeอะไรครับเนี่ย ถือเป็นคนหนึ่งวิเคราะห์ได้ลึกซึ้งดีครับ(ไม่ใช่เพราะเราเห็นตรงกันนะ แต่รู้สึกได้เรียนรู้จากท่านเยอะพอควรเลย)  

เอาจริงๆ ผมไม่รู้ครับ ไม่เคยวัดหรือทำแบบทดสอบ

แต่ผมจะยึดหลักอย่างนึงคือ ความจริงในบริบท และ ความเป็นไปของสังคมจริงๆ ในช่วงนั้นๆครับ

ทั้งด้านมืด และ ด้านสว่าง ซึ่งมันมีจริง ในเลเยอร์ ของการใช้อำนาจในทางลับ และรวมถึง ความสัมพันธ์​การในด้านบุคคล
และเล่ห์เหลี่ยม

มาวิเคราะห์ด้วย

เหมือนเราดู Series ฝรั่งหนักๆจำพวก House of cards,Billions

พวกนี้ครับ การกระทำแสดงออกชวนให้คิดอย่างนึง แต่อาจจะหวังผลไปอีกแบบนึงก็ได้

บางอย่างอาจจะดูเลอะเทอะ ดู Conspiracy​ แต่มันมีจริงๆครับ

เลยต้องวิเคราะห์แบบ รอบด้านจริงๆ ไม่ได้เอาแค่ที่เราเห็นตามหน้าสื่อหรือตำรา

แต่พื้นฐานบนความถูกต้อง และ ปชต.ครับ

อย่างแบบผมมันหมิ่นเหม่ถ้าเป็นอีกฝั่งจะหลุดไปเหมือนพวก แป๊ะลิ้ม หรือ พวก Topnews ทั้งหลายอะครับ


ประมาณนี้ครับ ผมอธิบายไม่เก่งเท่าไหร่
 
อืมๆ โดยส่วนตัวผมHidden Agendaพวกนี้ผมเรียนรู้จากสามก๊กก่อน(เด็กๆชอบอ่านมาก โดยเฉพาะพาร์ทที่วางแผนตลบกันไปมา หลอกลวงกันต่างๆ) ตามมาด้วยหนังสือLaw of power แล้วก็หลายๆอย่างประปราย ส่วนซีรีย์ฝรั่งว่าจะดูเรื่องที่พิธาแกเคยพูดอยู่เหมือนกันครับ เห็นว่าตรงกับชีวิตแก แต่ผมจำชื่อเรื่องไม่ได้แฮะ ไว้ว่างๆค่อยไปหา ฮ่าๆ  
 


อย่างที่ ทิม ดู เคยเห็นสัมภาษณ์​ว่าดูเรื่อง

Designated Survivor ครับผมชอบเหมือนกัน

ผมจะชอบดูแนวการเมือง ธุรกิจ หักเหลี่ยม เฉือนคมพวกนี้ครับ

2เรื่องที่ผมบอกไปแล้วก็พวก Madame Secretary, Suscession

และอีกหลายเรื่อง แล้วมีปรับ บริบท ให้เข้ากับสังคมในหลายสถานการณ์ครับ ซึ่งบางอย่างก็ตรงจนน่าประหลาด

แต่ที่ผมชอบสุดคือ Billions ครับ มันทำให้เห็นการใช้อำนาจ เลห์เหลี่ยม ทั้งจากฝ่ายนายทุน ฝ่ายถือกฎหมาย การเมือง
ในระดับที่ซับซ้อน

และที่สำคัญ ไม่มีใครขาวไปหมด ครับ เมื่อเข้ามาอยู่ใน อาถรรพ์อำนาจ

มันโดนกลืนไปได้หมด จะมากจะน้อย ขึ้นอยู่กับแต่ละคน


 
โอ้วใช่เลยครับ Designated Survivor เนี่ยว่าจะดู พอดีเพิ่งยกเลิกNetflixไปสักครึ่งปี แล้วสมัครDisneyนับแต่นั้น ซึ่งยังไม่ครบปีเลยกะว่าครบเมื่อไหร่จะกลับไปดูเหมือนกันครับ ส่วนเรื่องอื่นๆที่แนะนำเดี๋ยวว่างๆจะไปดูครับว่าตรงเทสมั้ย ฮ่าๆ

"และที่สำคัญ ไม่มีใครขาวไปหมด ครับ เมื่อเข้ามาอยู่ใน อาถรรพ์อำนาจ

มันโดนกลืนไปได้หมด จะมากจะน้อย ขึ้นอยู่กับแต่ละคน" - Fact ครับ คนที่หลักการจ๋า ผมว่าชอบพลาตรงนี้ไป หรือต่อให้คิดดีแล้วว่าตัวเองไม่เป็น แต่ตัวเองก็โตมาต่างกับคนอื่นอีก โดนยัดอะไรใส่หัวไม่เหมือนกัน เจอชีวิตวัยเด็กที่ต่างกัน ผมคิดว่าขนาดหลายๆคนที่มีความเฉลียวฉลาดยังติดหล่มตรงนี้เยอะมากจริงๆครับ  

ลองไปหาดู เลยท่านถ้าชอบแบบผม แล้วจะติด

แต่เรื่อง DS ที่ทิมดู มันยังไม่หนักและเข้มข้นเหมือน ที่ผมแนะนำ เสียดาย HoC โดนเปลี่ยนบทจนเลอะเทอะหลังๆ เพราะลุง Stacey โดนคดี

แต่ที่ผมแนะนำจริงๆ เลยคือ Billions เนี่ยหละครับ

อ่อผมลืมไป การวิเคราะห์ผม ยังมีอีกหลักสำคัญอีก 1 หลัก

ที่คนมักมองข้ามคือ

เรื่องจังหวะเวลา การแสดงออกแต่ละฝ่ายครับ สำคัญมาก

แสดงออกมาผิดจังหวะนิดเดียว ผลลัพท์มันเปลี่ยนได้เลย

โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status: FCB
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Jan 2011
ตอบ: 6248
ที่อยู่: Camp nou
โพสเมื่อ: Mon Jun 19, 2023 17:15
[RE: ความท้าทายของพรรคก้าวไกลในเส้นทางการเมือง]
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
Spoil
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
Spoil
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
ผมเคยเห็นผ่านๆช่วงที่มีการอบรม สส.ใหม่ ว่ามีการหยิบยก ประวัติทางการเมืองญี่ปุ่น ของ พรรค DJP ที่ทั้งรุ่งโรจน์จนตกต่ำ มาเป็น Case Study ในการอบรม สส.

ซึ่งบริบท ความรุ่งโรจน์ คล้าย ก้าวไกล สมควร ที่ชนะมาจากการรวมเสียงจากฐานทั้งสองฝั่ง เป็นทั้งความหวังการเมืองแบบใหม่ และมีความหลากหลาย ความต้องการ

จนเป็น 1 ในสาเหตุหลัก ของความตกต่ำ เพราะ บาลานซ์​ความต้องการ ของทั้ง2ฝั่งไม่ได้ จนไม่เคยได้รับเลือกอีกเลย

ผมเชื่อว่าพรรคมี Case Study ให้เรียนรู้พอสมควรว่าจะบริหาร และ ตระหนักถึงปัญหานี้ แบบไหน

แต่อนาคตก็ไม่แน่นอน ก็ถือเป็นเรื่องน่าคิดและท้าทายเหมือนที่ท่านตั้งครับ

 
เห็นด้วยครับ จริงๆพรรครู้อยู่แล้วแหละ และคงมีการวางแผนเตรียมการว่าฐานเสียงจะเป็นสองฝั่ง เพราะเขาสื่อสารเพื่อจับคนสองฝั่งตั้งแต่ต้น ที่ผมเขียนว่าเรื่องน้องหยกเป็นระฆังที่ดังก็เหมือนเป็นแค่เครื่องย้ำเตือน ว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆให้พรรครับรู้ อย่างที่เห็นกว่าพรรคจะแถลงการณ์ถึงเรื่องนี้ก็เล่นซะหลายวันทีเดียว คงลำบากใจและเลือกวิธีสื่อสารอยู่ไม่น้อย

สำหรับเรื่องว่ามีการยกcase studyนั้นผมไม่เคยรู้มาก่อน ถือว่าดีมากครับที่ได้ยินว่าพรรคดเตรียมการรับมือไว้ แต่นั่นแหละ สถานการณ์ใหม่ๆมันเกิดขึ้นเสมอ ปัจจัยเล็กๆก็ล้วนเปลี่ยนแปลงเรื่องใหญ่ๆได้ ไม่ใช่เพียงแต่การเมือง ในฐานะฐานเสียงคนนึงก็คาดหวังให้พรรคสามารถจัดการรับมือกับปัญหาพวกนั้นได้อย่างราบรื่นครับ

Edited: ผมว่าคุณทิมแกประเมินญี่ปุ่นไว้สูงมากนะ นี่แกเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ด้วย ซึ่งผมว่าน่าสนใจเลย เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศนึงที่contextซับซ้อนมาก อย่างเคยได้ยินว่าแอร์ไทยที่บริการคนญี่ปุ่น ต่อหน้าสุภาพมาก เหมือนพอใจในบริการ ลับหลังนี่คือด่ายับจริงๆ  

กว่าจะได้ชัยชนะมาว่ายากแล้ว แต่การรักษามันไว้ให้นานยิ่งยากกว่า แหละครับ

ผมเคยเขียนกระทู้ในนี้ไปครั้งนึงเดือน2เดือนก่อน ว่า การบริหารความต้องการยากจริงๆ

และไม่ได้แค่บริหารเสียงที่ได้มาอย่างเดียว แต่มันคือการบริหาร เสียงทั้งหมด60-70ล้านเสียง,ความต้องการ

คุณอยู่นิ่งๆ1วันเดี๋ยวปัญหาก็วิ่งมาหาเอง ฝ่ายนึงได้ประโยชน์ ก็ต้องมี อีกฝ่ายเสียประโยชน์

และปัจจุบัน มันเปราะบางที่สุด เพราะเป็นช่วงที่มีการตื่นรู้ทางการเมือง สมัยใหม่อย่างเข้มข้น และ มาจากคนGenใหม่

ที่ ความต้องการค่อนข้างรุนแรง เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านรุ่นสู่รุ่น และห่างกันมาก ระหว่าง กลุ่ม ผบห ประเทศ กับ ฝ่ายเรียกร้อง มันเลยมีเคสแบบน้องมา และมันสุดขั้ว

รบ.ก่อนมันเลือกทิ้งความต้องการ ของ ฝั่งหนึ่งชัดเจน มันเลยบอกว่า บริหารประเทศง่าย

แต่ รบ.ที่ดีมันทำแบบนั้นไม่ได้

ส่วนญี่ปุ่น ผมว่ายังว่าความซับซ้อนไม่เท่าประเทศเราครับ 55

ของเค้า รัฐบาล กับ ประชาชน โดยตรงชัดเจน

แต่ของเรา มันหลายเลเยอร์มากๆ รัฐบาล ประชาชน ทหาร สถาบัน ราชการ มันรวมอยู่ในการเมืองหมด

ซับซ้อนกว่ากันเยอะ และมันกระทบกันหมดด้วย

 
ก็จริงครับท่าน แม้ญี่ปุ่นซับซ้อนอย่างไร หรือซับซ้อนคนละมุมแล้วนั้น พี่ไทยเรานี่โคตรจะซับซ้อนจริงๆ บริหารยังไงวะนั่น เอาจริงๆทหารมันภายใต้สถาบันแหละครับ เป็นผมจะมองที่บริหารเรื่องสถาบันเป็นหลัก ถึงแม้ส่วนตัวอยากจะไม่ให้มีสถาบัน แต่ดูแล้วน่าจะยังไปขั้นนั้นไม่ได้ในอนาคตอันใกล้ คงต้องอยู่ร่วมกันแบบเสียไม่ได้ไปก่อน ประชาชนมุมมองก็โคตรจะต่าง เศรษฐกิจ การแข่งขันในเวทีโลก แค่คิดถึงคนเป็นนายกแล้วก็เหนื่อยแทน555  

เรื่องทหารกับสถาบัน ผมเห็นต่างกับท่านนิดนึงครับ

การอยู่ใต้ปีก มันกึ่งๆการบังคับ ให้อยู่ครับ โดยการใช้วาทกรรม จรภด และตลอดรุ่นก่อน ก็อยู่ในฐานะ น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ทำอะไรก็ต้องเกรงใจกัน

จนมารุ่นนี้ที่เอาคนของตัวเองที่ไว้ใจและพร้อมรับใช้ไปอยู่ในตำแหน่งคุมกำลังทั้งหมดครับ

และแน่นอน มันต้องมีฝ่ายไม่พอใจอยู่ในนั้นด้วยที่โดนข้ามหน้า เหยียบตำแหน่ง ขึ้นไป

เอาแค่พี่น้องกัน ยังกองกำลังสนับสนุน เป็นส่วนตัวคนละกลุ่มเลยครับ

แต่เอาจริงฝ่ายถืออาวุธ ยังไงก็อยากเป็นใหญ่สุดครับ ไม่ต้องการผ่านใคร โกยได้สะดวกไม่ต้องมาแบ่ง

ทั้งพม่า เขมรผู้นำเผด็จการ รวยกว่าไทยมากๆหลายเท่าเลยนะครับ เพราะโกยเข้าตัวเน้นๆ ไม่ต้องแบ่งมาส่ง

เห็นแค่หลานฮุนเซน นี่ใช้ชีวิตขนาดนั่ง Private jet ไปทั่วโลก ได้เกือบทุกอาทิตย์ มีทั้ง Bugatti Ferrari Koenigsegg
ครบ นี่แค่หลานนะ!

ทหารไทยก็อยากเอาตามบ้าง

โดยส่วนตัวผมบอกมาตลอดว่า ควรจะให้ยังคงไว้อยู่ เพื่อคานอำนาจ ของ ฝ่ายถืออาวุธ ไม่งั้นมันก็ไม่ต่างจากพม่า เขมร ครับ

แต่แก้กฎหมาย และ ตัดขาดจากอำนาจ การเมือง การทหาร ให้น้อยสุด

ให้เหลือแค่เป็น สัญลักษณ์​ ประเทศไปเหมือน อังกฤษ ญี่ปุ่น หรือ ประเทศแถบยุโรป

ถ้าจะไม่ให้มีเลยอย่างน้อยควรปฏิรูปทหารให้สำเร็จ แบบเด็ดขาดครับ ถึงจะลดความเสี่ยงตรงนี้ได้

 
เรื่องมีไว้คานอำนาจกับทหารเนี่ย ไม่เคยได้ยินจากที่อื่นเลยครับ ก็น่าสนใจนะไอเดียนี้ แต่ในอุดมคติของผมคือไม่ต้องมีมัน แล้วลดกำลังทหารลงคงจะดีที่สุด อาจจะด้วยอคติส่วนตัวรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ผมรู้สึกว่าอะไรที่มันมีไว้แล้วต้องมานั่งเสียงบประมาณแผ่นดินให้โดยที่ไม่เกิดประโยชน์อะไร(ถ้าไม่นับเรื่องคานอำนาจ) ตัดได้ควรจะตัดให้หมด  
 


ตรงกันกับประโยคสุดท้ายผมครับ

ถ้าต้องการแบบนั้น ก็ควรจะต้องปฎิรูปทหารให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ให้ทหาร เป็นทหารมืออาชีพจริงๆ

ถึงจะได้ผลครับ

 
MBTI ท่าน Typeอะไรครับเนี่ย ถือเป็นคนหนึ่งวิเคราะห์ได้ลึกซึ้งดีครับ(ไม่ใช่เพราะเราเห็นตรงกันนะ แต่รู้สึกได้เรียนรู้จากท่านเยอะพอควรเลย)  

เอาจริงๆ ผมไม่รู้ครับ ไม่เคยวัดหรือทำแบบทดสอบ

แต่ผมจะยึดหลักอย่างนึงคือ ความจริงในบริบท และ ความเป็นไปของสังคมจริงๆ ในช่วงนั้นๆครับ

ทั้งด้านมืด และ ด้านสว่าง ซึ่งมันมีจริง ในเลเยอร์ ของการใช้อำนาจในทางลับ และรวมถึง ความสัมพันธ์​การในด้านบุคคล
และเล่ห์เหลี่ยม

มาวิเคราะห์ด้วย

เหมือนเราดู Series ฝรั่งหนักๆจำพวก House of cards,Billions

พวกนี้ครับ การกระทำแสดงออกชวนให้คิดอย่างนึง แต่อาจจะหวังผลไปอีกแบบนึงก็ได้

บางอย่างอาจจะดูเลอะเทอะ ดู Conspiracy​ แต่มันมีจริงๆครับ

เลยต้องวิเคราะห์แบบ รอบด้านจริงๆ ไม่ได้เอาแค่ที่เราเห็นตามหน้าสื่อหรือตำรา

แต่พื้นฐานบนความถูกต้อง และ ปชต.ครับ

อย่างแบบผมมันหมิ่นเหม่ถ้าเป็นอีกฝั่งจะหลุดไปเหมือนพวก แป๊ะลิ้ม หรือ พวก Topnews ทั้งหลายอะครับ


ประมาณนี้ครับ ผมอธิบายไม่เก่งเท่าไหร่
 
อืมๆ โดยส่วนตัวผมHidden Agendaพวกนี้ผมเรียนรู้จากสามก๊กก่อน(เด็กๆชอบอ่านมาก โดยเฉพาะพาร์ทที่วางแผนตลบกันไปมา หลอกลวงกันต่างๆ) ตามมาด้วยหนังสือLaw of power แล้วก็หลายๆอย่างประปราย ส่วนซีรีย์ฝรั่งว่าจะดูเรื่องที่พิธาแกเคยพูดอยู่เหมือนกันครับ เห็นว่าตรงกับชีวิตแก แต่ผมจำชื่อเรื่องไม่ได้แฮะ ไว้ว่างๆค่อยไปหา ฮ่าๆ  
 


อย่างที่ ทิม ดู เคยเห็นสัมภาษณ์​ว่าดูเรื่อง

Designated Survivor ครับผมชอบเหมือนกัน

ผมจะชอบดูแนวการเมือง ธุรกิจ หักเหลี่ยม เฉือนคมพวกนี้ครับ

2เรื่องที่ผมบอกไปแล้วก็พวก Madame Secretary, Suscession

และอีกหลายเรื่อง แล้วมีปรับ บริบท ให้เข้ากับสังคมในหลายสถานการณ์ครับ ซึ่งบางอย่างก็ตรงจนน่าประหลาด

แต่ที่ผมชอบสุดคือ Billions ครับ มันทำให้เห็นการใช้อำนาจ เลห์เหลี่ยม ทั้งจากฝ่ายนายทุน ฝ่ายถือกฎหมาย การเมือง
ในระดับที่ซับซ้อน

และที่สำคัญ ไม่มีใครขาวไปหมด ครับ เมื่อเข้ามาอยู่ใน อาถรรพ์อำนาจ

มันโดนกลืนไปได้หมด จะมากจะน้อย ขึ้นอยู่กับแต่ละคน


 
โอ้วใช่เลยครับ Designated Survivor เนี่ยว่าจะดู พอดีเพิ่งยกเลิกNetflixไปสักครึ่งปี แล้วสมัครDisneyนับแต่นั้น ซึ่งยังไม่ครบปีเลยกะว่าครบเมื่อไหร่จะกลับไปดูเหมือนกันครับ ส่วนเรื่องอื่นๆที่แนะนำเดี๋ยวว่างๆจะไปดูครับว่าตรงเทสมั้ย ฮ่าๆ

"และที่สำคัญ ไม่มีใครขาวไปหมด ครับ เมื่อเข้ามาอยู่ใน อาถรรพ์อำนาจ

มันโดนกลืนไปได้หมด จะมากจะน้อย ขึ้นอยู่กับแต่ละคน" - Fact ครับ คนที่หลักการจ๋า ผมว่าชอบพลาตรงนี้ไป หรือต่อให้คิดดีแล้วว่าตัวเองไม่เป็น แต่ตัวเองก็โตมาต่างกับคนอื่นอีก โดนยัดอะไรใส่หัวไม่เหมือนกัน เจอชีวิตวัยเด็กที่ต่างกัน ผมคิดว่าขนาดหลายๆคนที่มีความเฉลียวฉลาดยังติดหล่มตรงนี้เยอะมากจริงๆครับ  

ลองไปหาดู เลยท่านถ้าชอบแบบผม แล้วจะติด

แต่เรื่อง DS ที่ทิมดู มันยังไม่หนักและเข้มข้นเหมือน ที่ผมแนะนำ เสียดาย HoC โดนเปลี่ยนบทจนเลอะเทอะหลังๆ เพราะลุง Stacey โดนคดี

แต่ที่ผมแนะนำจริงๆ เลยคือ Billions เนี่ยหละครับ

อ่อผมลืมไป การวิเคราะห์ผม ยังมีอีกหลักสำคัญอีก 1 หลัก

ที่คนมักมองข้ามคือ

เรื่องจังหวะเวลา การแสดงออกแต่ละฝ่ายครับ สำคัญมาก

แสดงออกมาผิดจังหวะนิดเดียว ผลลัพท์มันเปลี่ยนได้เลย

 
นิสัยไม่ดีเลย แอบสปอยDSผม ฮ่าๆ ล้อเล่นครับ ผมแอบไปดูTrailerแล้วแหละ เห็นฝรั่งด่ากันเยอะseason3มั้งบอกบทเปลี่ยนยังไงเนี่ยแหละ แต่ก็ดูผ่านๆนะ หลบสปอยอยู่ ฮ่าๆ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
แข้งเจลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 2324
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Jun 19, 2023 17:53
ความท้าทายของพรรคก้าวไกลในเส้นทางการเมือง
Spoil
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
Spoil
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
Spoil
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
ผมเคยเห็นผ่านๆช่วงที่มีการอบรม สส.ใหม่ ว่ามีการหยิบยก ประวัติทางการเมืองญี่ปุ่น ของ พรรค DJP ที่ทั้งรุ่งโรจน์จนตกต่ำ มาเป็น Case Study ในการอบรม สส.

ซึ่งบริบท ความรุ่งโรจน์ คล้าย ก้าวไกล สมควร ที่ชนะมาจากการรวมเสียงจากฐานทั้งสองฝั่ง เป็นทั้งความหวังการเมืองแบบใหม่ และมีความหลากหลาย ความต้องการ

จนเป็น 1 ในสาเหตุหลัก ของความตกต่ำ เพราะ บาลานซ์​ความต้องการ ของทั้ง2ฝั่งไม่ได้ จนไม่เคยได้รับเลือกอีกเลย

ผมเชื่อว่าพรรคมี Case Study ให้เรียนรู้พอสมควรว่าจะบริหาร และ ตระหนักถึงปัญหานี้ แบบไหน

แต่อนาคตก็ไม่แน่นอน ก็ถือเป็นเรื่องน่าคิดและท้าทายเหมือนที่ท่านตั้งครับ

 
เห็นด้วยครับ จริงๆพรรครู้อยู่แล้วแหละ และคงมีการวางแผนเตรียมการว่าฐานเสียงจะเป็นสองฝั่ง เพราะเขาสื่อสารเพื่อจับคนสองฝั่งตั้งแต่ต้น ที่ผมเขียนว่าเรื่องน้องหยกเป็นระฆังที่ดังก็เหมือนเป็นแค่เครื่องย้ำเตือน ว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆให้พรรครับรู้ อย่างที่เห็นกว่าพรรคจะแถลงการณ์ถึงเรื่องนี้ก็เล่นซะหลายวันทีเดียว คงลำบากใจและเลือกวิธีสื่อสารอยู่ไม่น้อย

สำหรับเรื่องว่ามีการยกcase studyนั้นผมไม่เคยรู้มาก่อน ถือว่าดีมากครับที่ได้ยินว่าพรรคดเตรียมการรับมือไว้ แต่นั่นแหละ สถานการณ์ใหม่ๆมันเกิดขึ้นเสมอ ปัจจัยเล็กๆก็ล้วนเปลี่ยนแปลงเรื่องใหญ่ๆได้ ไม่ใช่เพียงแต่การเมือง ในฐานะฐานเสียงคนนึงก็คาดหวังให้พรรคสามารถจัดการรับมือกับปัญหาพวกนั้นได้อย่างราบรื่นครับ

Edited: ผมว่าคุณทิมแกประเมินญี่ปุ่นไว้สูงมากนะ นี่แกเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ด้วย ซึ่งผมว่าน่าสนใจเลย เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศนึงที่contextซับซ้อนมาก อย่างเคยได้ยินว่าแอร์ไทยที่บริการคนญี่ปุ่น ต่อหน้าสุภาพมาก เหมือนพอใจในบริการ ลับหลังนี่คือด่ายับจริงๆ  

กว่าจะได้ชัยชนะมาว่ายากแล้ว แต่การรักษามันไว้ให้นานยิ่งยากกว่า แหละครับ

ผมเคยเขียนกระทู้ในนี้ไปครั้งนึงเดือน2เดือนก่อน ว่า การบริหารความต้องการยากจริงๆ

และไม่ได้แค่บริหารเสียงที่ได้มาอย่างเดียว แต่มันคือการบริหาร เสียงทั้งหมด60-70ล้านเสียง,ความต้องการ

คุณอยู่นิ่งๆ1วันเดี๋ยวปัญหาก็วิ่งมาหาเอง ฝ่ายนึงได้ประโยชน์ ก็ต้องมี อีกฝ่ายเสียประโยชน์

และปัจจุบัน มันเปราะบางที่สุด เพราะเป็นช่วงที่มีการตื่นรู้ทางการเมือง สมัยใหม่อย่างเข้มข้น และ มาจากคนGenใหม่

ที่ ความต้องการค่อนข้างรุนแรง เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านรุ่นสู่รุ่น และห่างกันมาก ระหว่าง กลุ่ม ผบห ประเทศ กับ ฝ่ายเรียกร้อง มันเลยมีเคสแบบน้องมา และมันสุดขั้ว

รบ.ก่อนมันเลือกทิ้งความต้องการ ของ ฝั่งหนึ่งชัดเจน มันเลยบอกว่า บริหารประเทศง่าย

แต่ รบ.ที่ดีมันทำแบบนั้นไม่ได้

ส่วนญี่ปุ่น ผมว่ายังว่าความซับซ้อนไม่เท่าประเทศเราครับ 55

ของเค้า รัฐบาล กับ ประชาชน โดยตรงชัดเจน

แต่ของเรา มันหลายเลเยอร์มากๆ รัฐบาล ประชาชน ทหาร สถาบัน ราชการ มันรวมอยู่ในการเมืองหมด

ซับซ้อนกว่ากันเยอะ และมันกระทบกันหมดด้วย

 
ก็จริงครับท่าน แม้ญี่ปุ่นซับซ้อนอย่างไร หรือซับซ้อนคนละมุมแล้วนั้น พี่ไทยเรานี่โคตรจะซับซ้อนจริงๆ บริหารยังไงวะนั่น เอาจริงๆทหารมันภายใต้สถาบันแหละครับ เป็นผมจะมองที่บริหารเรื่องสถาบันเป็นหลัก ถึงแม้ส่วนตัวอยากจะไม่ให้มีสถาบัน แต่ดูแล้วน่าจะยังไปขั้นนั้นไม่ได้ในอนาคตอันใกล้ คงต้องอยู่ร่วมกันแบบเสียไม่ได้ไปก่อน ประชาชนมุมมองก็โคตรจะต่าง เศรษฐกิจ การแข่งขันในเวทีโลก แค่คิดถึงคนเป็นนายกแล้วก็เหนื่อยแทน555  

เรื่องทหารกับสถาบัน ผมเห็นต่างกับท่านนิดนึงครับ

การอยู่ใต้ปีก มันกึ่งๆการบังคับ ให้อยู่ครับ โดยการใช้วาทกรรม จรภด และตลอดรุ่นก่อน ก็อยู่ในฐานะ น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ทำอะไรก็ต้องเกรงใจกัน

จนมารุ่นนี้ที่เอาคนของตัวเองที่ไว้ใจและพร้อมรับใช้ไปอยู่ในตำแหน่งคุมกำลังทั้งหมดครับ

และแน่นอน มันต้องมีฝ่ายไม่พอใจอยู่ในนั้นด้วยที่โดนข้ามหน้า เหยียบตำแหน่ง ขึ้นไป

เอาแค่พี่น้องกัน ยังกองกำลังสนับสนุน เป็นส่วนตัวคนละกลุ่มเลยครับ

แต่เอาจริงฝ่ายถืออาวุธ ยังไงก็อยากเป็นใหญ่สุดครับ ไม่ต้องการผ่านใคร โกยได้สะดวกไม่ต้องมาแบ่ง

ทั้งพม่า เขมรผู้นำเผด็จการ รวยกว่าไทยมากๆหลายเท่าเลยนะครับ เพราะโกยเข้าตัวเน้นๆ ไม่ต้องแบ่งมาส่ง

เห็นแค่หลานฮุนเซน นี่ใช้ชีวิตขนาดนั่ง Private jet ไปทั่วโลก ได้เกือบทุกอาทิตย์ มีทั้ง Bugatti Ferrari Koenigsegg
ครบ นี่แค่หลานนะ!

ทหารไทยก็อยากเอาตามบ้าง

โดยส่วนตัวผมบอกมาตลอดว่า ควรจะให้ยังคงไว้อยู่ เพื่อคานอำนาจ ของ ฝ่ายถืออาวุธ ไม่งั้นมันก็ไม่ต่างจากพม่า เขมร ครับ

แต่แก้กฎหมาย และ ตัดขาดจากอำนาจ การเมือง การทหาร ให้น้อยสุด

ให้เหลือแค่เป็น สัญลักษณ์​ ประเทศไปเหมือน อังกฤษ ญี่ปุ่น หรือ ประเทศแถบยุโรป

ถ้าจะไม่ให้มีเลยอย่างน้อยควรปฏิรูปทหารให้สำเร็จ แบบเด็ดขาดครับ ถึงจะลดความเสี่ยงตรงนี้ได้

 
เรื่องมีไว้คานอำนาจกับทหารเนี่ย ไม่เคยได้ยินจากที่อื่นเลยครับ ก็น่าสนใจนะไอเดียนี้ แต่ในอุดมคติของผมคือไม่ต้องมีมัน แล้วลดกำลังทหารลงคงจะดีที่สุด อาจจะด้วยอคติส่วนตัวรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ผมรู้สึกว่าอะไรที่มันมีไว้แล้วต้องมานั่งเสียงบประมาณแผ่นดินให้โดยที่ไม่เกิดประโยชน์อะไร(ถ้าไม่นับเรื่องคานอำนาจ) ตัดได้ควรจะตัดให้หมด  
 


ตรงกันกับประโยคสุดท้ายผมครับ

ถ้าต้องการแบบนั้น ก็ควรจะต้องปฎิรูปทหารให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ให้ทหาร เป็นทหารมืออาชีพจริงๆ

ถึงจะได้ผลครับ

 
MBTI ท่าน Typeอะไรครับเนี่ย ถือเป็นคนหนึ่งวิเคราะห์ได้ลึกซึ้งดีครับ(ไม่ใช่เพราะเราเห็นตรงกันนะ แต่รู้สึกได้เรียนรู้จากท่านเยอะพอควรเลย)  

เอาจริงๆ ผมไม่รู้ครับ ไม่เคยวัดหรือทำแบบทดสอบ

แต่ผมจะยึดหลักอย่างนึงคือ ความจริงในบริบท และ ความเป็นไปของสังคมจริงๆ ในช่วงนั้นๆครับ

ทั้งด้านมืด และ ด้านสว่าง ซึ่งมันมีจริง ในเลเยอร์ ของการใช้อำนาจในทางลับ และรวมถึง ความสัมพันธ์​การในด้านบุคคล
และเล่ห์เหลี่ยม

มาวิเคราะห์ด้วย

เหมือนเราดู Series ฝรั่งหนักๆจำพวก House of cards,Billions

พวกนี้ครับ การกระทำแสดงออกชวนให้คิดอย่างนึง แต่อาจจะหวังผลไปอีกแบบนึงก็ได้

บางอย่างอาจจะดูเลอะเทอะ ดู Conspiracy​ แต่มันมีจริงๆครับ

เลยต้องวิเคราะห์แบบ รอบด้านจริงๆ ไม่ได้เอาแค่ที่เราเห็นตามหน้าสื่อหรือตำรา

แต่พื้นฐานบนความถูกต้อง และ ปชต.ครับ

อย่างแบบผมมันหมิ่นเหม่ถ้าเป็นอีกฝั่งจะหลุดไปเหมือนพวก แป๊ะลิ้ม หรือ พวก Topnews ทั้งหลายอะครับ


ประมาณนี้ครับ ผมอธิบายไม่เก่งเท่าไหร่
 
อืมๆ โดยส่วนตัวผมHidden Agendaพวกนี้ผมเรียนรู้จากสามก๊กก่อน(เด็กๆชอบอ่านมาก โดยเฉพาะพาร์ทที่วางแผนตลบกันไปมา หลอกลวงกันต่างๆ) ตามมาด้วยหนังสือLaw of power แล้วก็หลายๆอย่างประปราย ส่วนซีรีย์ฝรั่งว่าจะดูเรื่องที่พิธาแกเคยพูดอยู่เหมือนกันครับ เห็นว่าตรงกับชีวิตแก แต่ผมจำชื่อเรื่องไม่ได้แฮะ ไว้ว่างๆค่อยไปหา ฮ่าๆ  
 


อย่างที่ ทิม ดู เคยเห็นสัมภาษณ์​ว่าดูเรื่อง

Designated Survivor ครับผมชอบเหมือนกัน

ผมจะชอบดูแนวการเมือง ธุรกิจ หักเหลี่ยม เฉือนคมพวกนี้ครับ

2เรื่องที่ผมบอกไปแล้วก็พวก Madame Secretary, Suscession

และอีกหลายเรื่อง แล้วมีปรับ บริบท ให้เข้ากับสังคมในหลายสถานการณ์ครับ ซึ่งบางอย่างก็ตรงจนน่าประหลาด

แต่ที่ผมชอบสุดคือ Billions ครับ มันทำให้เห็นการใช้อำนาจ เลห์เหลี่ยม ทั้งจากฝ่ายนายทุน ฝ่ายถือกฎหมาย การเมือง
ในระดับที่ซับซ้อน

และที่สำคัญ ไม่มีใครขาวไปหมด ครับ เมื่อเข้ามาอยู่ใน อาถรรพ์อำนาจ

มันโดนกลืนไปได้หมด จะมากจะน้อย ขึ้นอยู่กับแต่ละคน


 
โอ้วใช่เลยครับ Designated Survivor เนี่ยว่าจะดู พอดีเพิ่งยกเลิกNetflixไปสักครึ่งปี แล้วสมัครDisneyนับแต่นั้น ซึ่งยังไม่ครบปีเลยกะว่าครบเมื่อไหร่จะกลับไปดูเหมือนกันครับ ส่วนเรื่องอื่นๆที่แนะนำเดี๋ยวว่างๆจะไปดูครับว่าตรงเทสมั้ย ฮ่าๆ

"และที่สำคัญ ไม่มีใครขาวไปหมด ครับ เมื่อเข้ามาอยู่ใน อาถรรพ์อำนาจ

มันโดนกลืนไปได้หมด จะมากจะน้อย ขึ้นอยู่กับแต่ละคน" - Fact ครับ คนที่หลักการจ๋า ผมว่าชอบพลาตรงนี้ไป หรือต่อให้คิดดีแล้วว่าตัวเองไม่เป็น แต่ตัวเองก็โตมาต่างกับคนอื่นอีก โดนยัดอะไรใส่หัวไม่เหมือนกัน เจอชีวิตวัยเด็กที่ต่างกัน ผมคิดว่าขนาดหลายๆคนที่มีความเฉลียวฉลาดยังติดหล่มตรงนี้เยอะมากจริงๆครับ  

ลองไปหาดู เลยท่านถ้าชอบแบบผม แล้วจะติด

แต่เรื่อง DS ที่ทิมดู มันยังไม่หนักและเข้มข้นเหมือน ที่ผมแนะนำ เสียดาย HoC โดนเปลี่ยนบทจนเลอะเทอะหลังๆ เพราะลุง Stacey โดนคดี

แต่ที่ผมแนะนำจริงๆ เลยคือ Billions เนี่ยหละครับ

อ่อผมลืมไป การวิเคราะห์ผม ยังมีอีกหลักสำคัญอีก 1 หลัก

ที่คนมักมองข้ามคือ

เรื่องจังหวะเวลา การแสดงออกแต่ละฝ่ายครับ สำคัญมาก

แสดงออกมาผิดจังหวะนิดเดียว ผลลัพท์มันเปลี่ยนได้เลย

 
นิสัยไม่ดีเลย แอบสปอยDSผม ฮ่าๆ ล้อเล่นครับ ผมแอบไปดูTrailerแล้วแหละ เห็นฝรั่งด่ากันเยอะseason3มั้งบอกบทเปลี่ยนยังไงเนี่ยแหละ แต่ก็ดูผ่านๆนะ หลบสปอยอยู่ ฮ่าๆ  
 

พอดีเห็นท่านถามเรื่อง MTBI ผมก็ไม่เคยทำ เลยสนใจไปลองทำดู 80 ข้อ

ผลคือผมเป็นแบบ ENTJ อะครับ

ไม่รู้ดีมั้ย แต่ส่วนตัวค่อนข้างตรงอยู่
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status: FCB
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Jan 2011
ตอบ: 6248
ที่อยู่: Camp nou
โพสเมื่อ: Mon Jun 19, 2023 17:59
[RE: ความท้าทายของพรรคก้าวไกลในเส้นทางการเมือง]
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
Spoil
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
Spoil
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
Spoil
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
st_barc พิมพ์ว่า:
FreezE[v] พิมพ์ว่า:
ผมเคยเห็นผ่านๆช่วงที่มีการอบรม สส.ใหม่ ว่ามีการหยิบยก ประวัติทางการเมืองญี่ปุ่น ของ พรรค DJP ที่ทั้งรุ่งโรจน์จนตกต่ำ มาเป็น Case Study ในการอบรม สส.

ซึ่งบริบท ความรุ่งโรจน์ คล้าย ก้าวไกล สมควร ที่ชนะมาจากการรวมเสียงจากฐานทั้งสองฝั่ง เป็นทั้งความหวังการเมืองแบบใหม่ และมีความหลากหลาย ความต้องการ

จนเป็น 1 ในสาเหตุหลัก ของความตกต่ำ เพราะ บาลานซ์​ความต้องการ ของทั้ง2ฝั่งไม่ได้ จนไม่เคยได้รับเลือกอีกเลย

ผมเชื่อว่าพรรคมี Case Study ให้เรียนรู้พอสมควรว่าจะบริหาร และ ตระหนักถึงปัญหานี้ แบบไหน

แต่อนาคตก็ไม่แน่นอน ก็ถือเป็นเรื่องน่าคิดและท้าทายเหมือนที่ท่านตั้งครับ

 
เห็นด้วยครับ จริงๆพรรครู้อยู่แล้วแหละ และคงมีการวางแผนเตรียมการว่าฐานเสียงจะเป็นสองฝั่ง เพราะเขาสื่อสารเพื่อจับคนสองฝั่งตั้งแต่ต้น ที่ผมเขียนว่าเรื่องน้องหยกเป็นระฆังที่ดังก็เหมือนเป็นแค่เครื่องย้ำเตือน ว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆให้พรรครับรู้ อย่างที่เห็นกว่าพรรคจะแถลงการณ์ถึงเรื่องนี้ก็เล่นซะหลายวันทีเดียว คงลำบากใจและเลือกวิธีสื่อสารอยู่ไม่น้อย

สำหรับเรื่องว่ามีการยกcase studyนั้นผมไม่เคยรู้มาก่อน ถือว่าดีมากครับที่ได้ยินว่าพรรคดเตรียมการรับมือไว้ แต่นั่นแหละ สถานการณ์ใหม่ๆมันเกิดขึ้นเสมอ ปัจจัยเล็กๆก็ล้วนเปลี่ยนแปลงเรื่องใหญ่ๆได้ ไม่ใช่เพียงแต่การเมือง ในฐานะฐานเสียงคนนึงก็คาดหวังให้พรรคสามารถจัดการรับมือกับปัญหาพวกนั้นได้อย่างราบรื่นครับ

Edited: ผมว่าคุณทิมแกประเมินญี่ปุ่นไว้สูงมากนะ นี่แกเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ด้วย ซึ่งผมว่าน่าสนใจเลย เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศนึงที่contextซับซ้อนมาก อย่างเคยได้ยินว่าแอร์ไทยที่บริการคนญี่ปุ่น ต่อหน้าสุภาพมาก เหมือนพอใจในบริการ ลับหลังนี่คือด่ายับจริงๆ  

กว่าจะได้ชัยชนะมาว่ายากแล้ว แต่การรักษามันไว้ให้นานยิ่งยากกว่า แหละครับ

ผมเคยเขียนกระทู้ในนี้ไปครั้งนึงเดือน2เดือนก่อน ว่า การบริหารความต้องการยากจริงๆ

และไม่ได้แค่บริหารเสียงที่ได้มาอย่างเดียว แต่มันคือการบริหาร เสียงทั้งหมด60-70ล้านเสียง,ความต้องการ

คุณอยู่นิ่งๆ1วันเดี๋ยวปัญหาก็วิ่งมาหาเอง ฝ่ายนึงได้ประโยชน์ ก็ต้องมี อีกฝ่ายเสียประโยชน์

และปัจจุบัน มันเปราะบางที่สุด เพราะเป็นช่วงที่มีการตื่นรู้ทางการเมือง สมัยใหม่อย่างเข้มข้น และ มาจากคนGenใหม่

ที่ ความต้องการค่อนข้างรุนแรง เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านรุ่นสู่รุ่น และห่างกันมาก ระหว่าง กลุ่ม ผบห ประเทศ กับ ฝ่ายเรียกร้อง มันเลยมีเคสแบบน้องมา และมันสุดขั้ว

รบ.ก่อนมันเลือกทิ้งความต้องการ ของ ฝั่งหนึ่งชัดเจน มันเลยบอกว่า บริหารประเทศง่าย

แต่ รบ.ที่ดีมันทำแบบนั้นไม่ได้

ส่วนญี่ปุ่น ผมว่ายังว่าความซับซ้อนไม่เท่าประเทศเราครับ 55

ของเค้า รัฐบาล กับ ประชาชน โดยตรงชัดเจน

แต่ของเรา มันหลายเลเยอร์มากๆ รัฐบาล ประชาชน ทหาร สถาบัน ราชการ มันรวมอยู่ในการเมืองหมด

ซับซ้อนกว่ากันเยอะ และมันกระทบกันหมดด้วย

 
ก็จริงครับท่าน แม้ญี่ปุ่นซับซ้อนอย่างไร หรือซับซ้อนคนละมุมแล้วนั้น พี่ไทยเรานี่โคตรจะซับซ้อนจริงๆ บริหารยังไงวะนั่น เอาจริงๆทหารมันภายใต้สถาบันแหละครับ เป็นผมจะมองที่บริหารเรื่องสถาบันเป็นหลัก ถึงแม้ส่วนตัวอยากจะไม่ให้มีสถาบัน แต่ดูแล้วน่าจะยังไปขั้นนั้นไม่ได้ในอนาคตอันใกล้ คงต้องอยู่ร่วมกันแบบเสียไม่ได้ไปก่อน ประชาชนมุมมองก็โคตรจะต่าง เศรษฐกิจ การแข่งขันในเวทีโลก แค่คิดถึงคนเป็นนายกแล้วก็เหนื่อยแทน555  

เรื่องทหารกับสถาบัน ผมเห็นต่างกับท่านนิดนึงครับ

การอยู่ใต้ปีก มันกึ่งๆการบังคับ ให้อยู่ครับ โดยการใช้วาทกรรม จรภด และตลอดรุ่นก่อน ก็อยู่ในฐานะ น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ทำอะไรก็ต้องเกรงใจกัน

จนมารุ่นนี้ที่เอาคนของตัวเองที่ไว้ใจและพร้อมรับใช้ไปอยู่ในตำแหน่งคุมกำลังทั้งหมดครับ

และแน่นอน มันต้องมีฝ่ายไม่พอใจอยู่ในนั้นด้วยที่โดนข้ามหน้า เหยียบตำแหน่ง ขึ้นไป

เอาแค่พี่น้องกัน ยังกองกำลังสนับสนุน เป็นส่วนตัวคนละกลุ่มเลยครับ

แต่เอาจริงฝ่ายถืออาวุธ ยังไงก็อยากเป็นใหญ่สุดครับ ไม่ต้องการผ่านใคร โกยได้สะดวกไม่ต้องมาแบ่ง

ทั้งพม่า เขมรผู้นำเผด็จการ รวยกว่าไทยมากๆหลายเท่าเลยนะครับ เพราะโกยเข้าตัวเน้นๆ ไม่ต้องแบ่งมาส่ง

เห็นแค่หลานฮุนเซน นี่ใช้ชีวิตขนาดนั่ง Private jet ไปทั่วโลก ได้เกือบทุกอาทิตย์ มีทั้ง Bugatti Ferrari Koenigsegg
ครบ นี่แค่หลานนะ!

ทหารไทยก็อยากเอาตามบ้าง

โดยส่วนตัวผมบอกมาตลอดว่า ควรจะให้ยังคงไว้อยู่ เพื่อคานอำนาจ ของ ฝ่ายถืออาวุธ ไม่งั้นมันก็ไม่ต่างจากพม่า เขมร ครับ

แต่แก้กฎหมาย และ ตัดขาดจากอำนาจ การเมือง การทหาร ให้น้อยสุด

ให้เหลือแค่เป็น สัญลักษณ์​ ประเทศไปเหมือน อังกฤษ ญี่ปุ่น หรือ ประเทศแถบยุโรป

ถ้าจะไม่ให้มีเลยอย่างน้อยควรปฏิรูปทหารให้สำเร็จ แบบเด็ดขาดครับ ถึงจะลดความเสี่ยงตรงนี้ได้

 
เรื่องมีไว้คานอำนาจกับทหารเนี่ย ไม่เคยได้ยินจากที่อื่นเลยครับ ก็น่าสนใจนะไอเดียนี้ แต่ในอุดมคติของผมคือไม่ต้องมีมัน แล้วลดกำลังทหารลงคงจะดีที่สุด อาจจะด้วยอคติส่วนตัวรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ผมรู้สึกว่าอะไรที่มันมีไว้แล้วต้องมานั่งเสียงบประมาณแผ่นดินให้โดยที่ไม่เกิดประโยชน์อะไร(ถ้าไม่นับเรื่องคานอำนาจ) ตัดได้ควรจะตัดให้หมด  
 


ตรงกันกับประโยคสุดท้ายผมครับ

ถ้าต้องการแบบนั้น ก็ควรจะต้องปฎิรูปทหารให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ให้ทหาร เป็นทหารมืออาชีพจริงๆ

ถึงจะได้ผลครับ

 
MBTI ท่าน Typeอะไรครับเนี่ย ถือเป็นคนหนึ่งวิเคราะห์ได้ลึกซึ้งดีครับ(ไม่ใช่เพราะเราเห็นตรงกันนะ แต่รู้สึกได้เรียนรู้จากท่านเยอะพอควรเลย)  

เอาจริงๆ ผมไม่รู้ครับ ไม่เคยวัดหรือทำแบบทดสอบ

แต่ผมจะยึดหลักอย่างนึงคือ ความจริงในบริบท และ ความเป็นไปของสังคมจริงๆ ในช่วงนั้นๆครับ

ทั้งด้านมืด และ ด้านสว่าง ซึ่งมันมีจริง ในเลเยอร์ ของการใช้อำนาจในทางลับ และรวมถึง ความสัมพันธ์​การในด้านบุคคล
และเล่ห์เหลี่ยม

มาวิเคราะห์ด้วย

เหมือนเราดู Series ฝรั่งหนักๆจำพวก House of cards,Billions

พวกนี้ครับ การกระทำแสดงออกชวนให้คิดอย่างนึง แต่อาจจะหวังผลไปอีกแบบนึงก็ได้

บางอย่างอาจจะดูเลอะเทอะ ดู Conspiracy​ แต่มันมีจริงๆครับ

เลยต้องวิเคราะห์แบบ รอบด้านจริงๆ ไม่ได้เอาแค่ที่เราเห็นตามหน้าสื่อหรือตำรา

แต่พื้นฐานบนความถูกต้อง และ ปชต.ครับ

อย่างแบบผมมันหมิ่นเหม่ถ้าเป็นอีกฝั่งจะหลุดไปเหมือนพวก แป๊ะลิ้ม หรือ พวก Topnews ทั้งหลายอะครับ


ประมาณนี้ครับ ผมอธิบายไม่เก่งเท่าไหร่
 
อืมๆ โดยส่วนตัวผมHidden Agendaพวกนี้ผมเรียนรู้จากสามก๊กก่อน(เด็กๆชอบอ่านมาก โดยเฉพาะพาร์ทที่วางแผนตลบกันไปมา หลอกลวงกันต่างๆ) ตามมาด้วยหนังสือLaw of power แล้วก็หลายๆอย่างประปราย ส่วนซีรีย์ฝรั่งว่าจะดูเรื่องที่พิธาแกเคยพูดอยู่เหมือนกันครับ เห็นว่าตรงกับชีวิตแก แต่ผมจำชื่อเรื่องไม่ได้แฮะ ไว้ว่างๆค่อยไปหา ฮ่าๆ  
 


อย่างที่ ทิม ดู เคยเห็นสัมภาษณ์​ว่าดูเรื่อง

Designated Survivor ครับผมชอบเหมือนกัน

ผมจะชอบดูแนวการเมือง ธุรกิจ หักเหลี่ยม เฉือนคมพวกนี้ครับ

2เรื่องที่ผมบอกไปแล้วก็พวก Madame Secretary, Suscession

และอีกหลายเรื่อง แล้วมีปรับ บริบท ให้เข้ากับสังคมในหลายสถานการณ์ครับ ซึ่งบางอย่างก็ตรงจนน่าประหลาด

แต่ที่ผมชอบสุดคือ Billions ครับ มันทำให้เห็นการใช้อำนาจ เลห์เหลี่ยม ทั้งจากฝ่ายนายทุน ฝ่ายถือกฎหมาย การเมือง
ในระดับที่ซับซ้อน

และที่สำคัญ ไม่มีใครขาวไปหมด ครับ เมื่อเข้ามาอยู่ใน อาถรรพ์อำนาจ

มันโดนกลืนไปได้หมด จะมากจะน้อย ขึ้นอยู่กับแต่ละคน


 
โอ้วใช่เลยครับ Designated Survivor เนี่ยว่าจะดู พอดีเพิ่งยกเลิกNetflixไปสักครึ่งปี แล้วสมัครDisneyนับแต่นั้น ซึ่งยังไม่ครบปีเลยกะว่าครบเมื่อไหร่จะกลับไปดูเหมือนกันครับ ส่วนเรื่องอื่นๆที่แนะนำเดี๋ยวว่างๆจะไปดูครับว่าตรงเทสมั้ย ฮ่าๆ

"และที่สำคัญ ไม่มีใครขาวไปหมด ครับ เมื่อเข้ามาอยู่ใน อาถรรพ์อำนาจ

มันโดนกลืนไปได้หมด จะมากจะน้อย ขึ้นอยู่กับแต่ละคน" - Fact ครับ คนที่หลักการจ๋า ผมว่าชอบพลาตรงนี้ไป หรือต่อให้คิดดีแล้วว่าตัวเองไม่เป็น แต่ตัวเองก็โตมาต่างกับคนอื่นอีก โดนยัดอะไรใส่หัวไม่เหมือนกัน เจอชีวิตวัยเด็กที่ต่างกัน ผมคิดว่าขนาดหลายๆคนที่มีความเฉลียวฉลาดยังติดหล่มตรงนี้เยอะมากจริงๆครับ  

ลองไปหาดู เลยท่านถ้าชอบแบบผม แล้วจะติด

แต่เรื่อง DS ที่ทิมดู มันยังไม่หนักและเข้มข้นเหมือน ที่ผมแนะนำ เสียดาย HoC โดนเปลี่ยนบทจนเลอะเทอะหลังๆ เพราะลุง Stacey โดนคดี

แต่ที่ผมแนะนำจริงๆ เลยคือ Billions เนี่ยหละครับ

อ่อผมลืมไป การวิเคราะห์ผม ยังมีอีกหลักสำคัญอีก 1 หลัก

ที่คนมักมองข้ามคือ

เรื่องจังหวะเวลา การแสดงออกแต่ละฝ่ายครับ สำคัญมาก

แสดงออกมาผิดจังหวะนิดเดียว ผลลัพท์มันเปลี่ยนได้เลย

 
นิสัยไม่ดีเลย แอบสปอยDSผม ฮ่าๆ ล้อเล่นครับ ผมแอบไปดูTrailerแล้วแหละ เห็นฝรั่งด่ากันเยอะseason3มั้งบอกบทเปลี่ยนยังไงเนี่ยแหละ แต่ก็ดูผ่านๆนะ หลบสปอยอยู่ ฮ่าๆ  
 

พอดีเห็นท่านถามเรื่อง MTBI ผมก็ไม่เคยทำ เลยสนใจไปลองทำดู 80 ข้อ

ผลคือผมเป็นแบบ ENTJ อะครับ

ไม่รู้ดีมั้ย แต่ส่วนตัวค่อนข้างตรงอยู่
 
Wow ดีมั้ย ก็ MBTI ของโจโฉเวอร์ชั่นนิยายครับ ส่วนกับคนไทยที่ดังๆก็ประกอบไปด้วย ทิม พิธา และ ทักษิณ ชินวัตร ถ้าเอาที่ดังๆนะครับ (ผมคาดเดาเอง แต่เสียงโหวตMBTIหลายๆแหล่งก็เห็นตรงกัน ฮ่าๆ)

ทุกไทป์มีทั้งดีไม่ดีครับ ข้อดีข้อเสียต่างกัน แต่ด้วยconcept -NT- มักจะชอบDiscussกันเพื่อพัฒนาครับ (ผมINTJ)

แต่ถ้าสนใจศาสตร์นี้จริงๆ อาจต้องศึกษาลึกหน่อยครับ หาแหล่งทำเทสดีๆ ผมเคยเข้าใจไทป์ตัวเองผิดเมื่อนานมาแล้วด้วยเหมือนกัน

Spoil
ปล.ผมชอบเทสตัวนี้ครับ เผื่อสนใจ https://www.michaelcaloz.com/personality/  
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2, 3
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel