บางที ก็ควรดูอย่างรุ่นพี่แบบ เนติวิทย์ก็ได้นะ

คือก็เล่นตามกฏนะ แต่ก็ออกมาเรียกร้องด้วยวุติภาวะจริงๆ ค่อยๆคุยกัน แต่สมัยนั้นสังคมเรา มันไม่ได้กล้าที่จะออกมาถกเถียงเรื่องที่มันน่ากระอักกระอ่วน และผลก็คือ มันค่อยๆสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยได้จริงๆ สังคมเราก็เริ่มที่จะ กล้าที่จะถกเถียงกันมากขึ้น

อย่างเรื่องทรงผมอะไรแบบนี้ หรืออย่างเรื่อง จับใบดำ/แดง ทหาร

อย่างแก๊งน้อยหยก มันคือเบียวประชาธิปไตย์จัดๆเลย ทรงๆ Woke ด้วยซ้ำ มันไม่ได้เรียกร้องเชิงว่า ต้องการให้สังคมมีการเปลี่ยนแปลง แต่มันทรงแบบ ฉันอยากได้แบบนี้อะ ใครจะว่าอะไรไม่สน ใครจะพูดอะไรไม่ฟัง

การเรียกร้องแบบ Hardcore โดยไม่จำเป็นอะ แล้วใครมันจะไปอยากถกถามด้วยอะ?

ผมว่าเด็กสไตล์นี้ เผลอๆไม่ฟังใครเลย รวมทั้งพ่อแม่

คุณขอเหตุผลดีๆจากเด็กได้ แต่ก็ควรขอเหตุผลดีๆจากโรงเรียนด้วยว่าทำไมถึงไล่เขาออก ซึ่งโรงเรียนไม่ได้มีคำตอบให้นะครับว่าทำไม ก็ต้องชี้แจงจากทั้งสองฝ่ายถูกไหมครับ แต่ที่เราเห็นและวิจารณ์ได้ เพราะหยกเขาเคลื่อนไหวแค่นั้นเอง

เอาจริงๆ ผมก็สงสัยกับคนที่ให้ท้ายแบบสุดขั้วด้วยคำว่า"รัฐธรรมนูญคือกฎหมายสูงสุด"

เด็กมีสิทธิ์เลือกตั้งแต่แรก ว่ากฎเกณฑ์นี้ยอมรับได้หรือไม่ เด็กรู้ตั้งแต่แรก มีสิทธิ์เลือกตั้งแต่แรก ซึ่งคุณเลือกยอมรับให้เอาเชือกผูกตัวเอง...แต่กลับมา เรียกร้องสิทธิ์ซ้ำในสิ่งที่คุณยอมรับ มันตลกที่ยังจะอ้างสิทธิ์ อ้างรัฐธรรมนูญ

ยิ่งโดยเฉพาะตามลิงค์ที่คุณ Sminoff(ขออภัยถ้าสะกดผิด)แปะไว้ในกระทู้อื่น "ตามที่เจ้าตัวกล่าวอ้าง" นั่นคือโรงเรียนไม่มีประเด็นอะไร และยังเป็นด่านแรกที่จะปกป้องเจ้าตัว ไม่ให้เจ้าหน้าที่(ตามที่เจ้าตัวกล่าวอ้าง)ชาร์จไปถึงตัวด้วยซ้ำ

เช่นเดียวกันกับเคสนี้ "ตามที่เจ้าตัวกล่าวอ้างอีกเช่นกัน" ว่าเจ้าตัวเลื่อนการเรียกพบตั้งแต่แรก และต้องการจะนั่งเรียนให้ครบเวลา ซึ่งโรงเรียนทำตาม

ผมมองไม่ออกกับเคสของเด็กคนนี้ ว่าไม่ใช่เด็กเอาแต่ใจตรงไหน
และกลับกันคือ อยากให้มีการพิสูจน์การคุกคามให้เป็นหลักฐานว่าเกิดขึ้นจริง...มากกว่าเป็นการกล่าวอ้างลอยๆครับ เพราะส่วนอื่นในบทความ พูด/เขียนตามหลังให้สวยและมีสตอรี่ยังไงก็ไม่แปลก

นี่ถ้าไม่ได้ทำธุรกิจส่วนตัว บริษัทไหนรับเข้าทำงานนี่ต้องคิดหนักอะ รับเป็น สส ก็คิดหนักเพราะสุดโต่ง เผลอๆไม่ฟังมติพรรค

ใครเป็นครูก็คิดหนัก ให้ไปเรียนที่อื่นที่ทำได้ก็ไม่เอา จะเรียนที่นี่แต่ไม่ทำตามกฎนะ

แล้วเด็กที่พูดเรียกครูอีแก่น่ะ ยังอยากเรียนหนังสือจริงๆรึป่าววะ

ส่วนนึงคนให้ท้ายผิดๆด้วยแหละทำให้มีพฤติกรรมแบบนี้อ่ะครับ ปามๆหน่อยก็ดีครับ เดี๋ยวไปกันใหญ่กว่านี้

ตั้งใจมาเรียนจริงๆใช่มั้ย

ก็ไม่อยากเห็นแบบนั้นครับ แต่เราๆผู้ใหญ่ กำลังวิจารณ์เด็กอายุ 15 ปีที่ถูกกักในสถานเยาวชนมาร่วมเดือน เราต้องการให้เด็กเค้ามีวุฒิภาวะขนาดไหนครับ วัยตอนเรา 15 ปี เคยเชื่อฟังหรือโกรธพ่อแม่ที่เขาไม่เข้าใจเราตอนนั้นไหมครับ ตอนนี้เราก็กำลังทำแบบนั้นกับเขาอยู่ ใช้มุมมองผู้ใหญ่ไปตัดสิน ยิ่งห้าม ยิ่งไปเปรียบเทียบ ไม่ให้เหตุผลดีๆ ว่าเพราะอะไร เขาก็จะยิ่งเตลิด

จากเรื่องนี้เลยทำให้รู้เลยว่าสุดท้ายน้องก็เป็นแค่เด็กคนนึงนั่นแหล่ะ
และน้องกำลังจะหลงทางแล้ว ตอนนี้เหมือนเด็กที่กำลังฟาดงวงฟาดงาต่อต้านทุกอย่างอยู่
ใช่ น้องกำลังสู้กับสิ่งที่ไม่มีเหตุผลอยู่จริงๆ น้องกำลังสู้กับระบบและวัฒนธรรมเดิมๆ
แต่วิธีมันไม่ได้ มันเป็นการต่อต้านแบบเด็กๆ ที่กำลังจะไม่ฟังอะไรเลยสักอย่าง และต้องเอาชนะให้ได้
น้องกำลังชน เพื่อให้มีคนถูกและคนผิด ซึ่งมันไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นอะ

ที่น้องต้องการคือผู้ใหญ่ที่ต้องเข้าใจและมีเหตุผลมากๆ มากแบบที่ยอมเสียเวลามาพูดคุยค่อยๆโน้มน้าวและสอนถึงเรื่องราวหลายๆ อย่างบนโลก ซึ่งดูแล้วว่าไม่ใช่พ่อแม่ ครอบครัวน่าจะเอาไม่อยู่แล้ว
เสียดายเอเนอจี้ไปกับการชนอย่างไม่จำเป็น นับถือใจนะ เพราะในช่วงอายุที่เท่ากันก็ไม่กล้าทำอะไรอย่างนี้หรอก แต่ตอนนี้เป็นห่วงในฐานะผู้ใหญ่คนนึง

ตลกดี
ผู้ใหญ่วุฒิภาวะสูงๆ นั่งวิจารณ์เด็ก15ที่โดนจับเข้าสถานเยาวชน
และไอ้คนที่ทำให้น้องมันเป็นแบบนี้ ก็ไอ้พวกผู้ใหญ่ที่จับน้องมันเข้าสถานเยาวชนตั้งแต่แรกไม่ใช่หรอ

และอีกอย่าง โรงเรียนเอาสิทธิ์ที่ไหนไปไล่ออก
ในเมื่อระเบียบของกระทรวง ไม่ได้ระบุให้ลงโทษด้วยการไล่ออกได้

เคารพกฏหน่อย ก็จะดี

สาเหตุ ที่คนเราควรหัดเคารพกฏ เหนือ สิทธิ และ เสรีภาพ

เพราะ เวลาเราเสียหาย เราจะได้พึ่งพามัน
ถ้าไม่เคารพกฏ แล้วจะพึ่งอะไร

ผมว่า เป็นเด็กที่ตัดสินใจอะไรๆ ไม่ฉลาดอะ ขอโทษที่ขอนิยามตรงๆนะ

ถามว่าแล้วฉลาดเป็นยังไง ก็ไม่เห็นต้องอธิบายเลย ตัวอย่างคนที่ทำให้เห็นแล้วในยุคนี้ก้มีเยอะถึงเยอะมากๆ

แล้วถ้าอยากเรียกร้องอะไรจริงๆ รอพ้นสถานะในตอนนี้ที่เสียเปรียบก่อน แล้วทนไม่กี่ปีค่อยลงมือ ก้สามารถแก้ไขได้ ทำได้ง่ายกว่าด้วย

เลือกจะสู้โดย โอกาสชนะน้อย โอกาสเกิดผลเสียกับคนที่มีส่วนร่วมเยอะ แบบนี้ไม่เรียกว่า ไม่ฉลาดก้ไม่รู้จะว่าไง

ไม่เห็นด้วยและไม่ค่อยชอบวิธีการแบบนี้

เหมือนหลงอยู่ในอำนาจ
ที่ผ่านมามีคนคอยปกป้องช่วยเหลือ แต่ไม่ใช่ทุกเรื่องที่เค้าจะเห็นด้วยหมดนะครับ
ทุกที่มีกฏเกณฑ์ แม้กระทั่งสังคมนอกบ้านในบ้านมีหมด

ขออนุญาตเสนอความคิดเห็น 2 ข้อ

1. เพราะพวกผู้ใหญ่ที่จับน้องเข้สถานเยาวชนตั้งแต่แรก : เหมือนจะไม่ใช่ครับ จากบทความที่คุณ Sminoff แปะ เด็กจับกลุ่มทำกิจกรรม(?)ในส่วนของโรงเรียนอยู่แล้ว ซึ่งไม่มีระบุขอบเขตว่าแนวไหนยังไง จนเลย/ลามไปยัน ม.112 ที่เป็นข่าวดัง และเป็นที่มาของบทความ(เขียนย้อนหลังตามคำบอกเล่า)

2. ระเบียบกระทรวง ระบุการลงโทษไว้ไม่มีไล่ออกตามที่ท่านว่า แต่ก็ระบุไว้ชัดว่า"การลงโทษ" มีไว้เพื่อมุ่งหมายจะสั่งสอน(ระเบียบการลงโทษ 2548 ลงนามโดยคุณอดิศัยฯ) ซึ่งในข้อความที่เด็กระบุในเฟสบุ๊ค ก็ไม่ได้มีจุดไหนที่สื่อถึงความต้องการจะสั่งสอน และจะกลายเป็นเข้าเกณฑ์การยกเลิกธุรกรรม/สัญญา(การรับเข้าเรียน)มั๊ย...อีกเรื่องนึง จะหลุดไปเป็นตรงนั้นเอาง่ายๆเลยครับ

ซึ่งต่อเนื่องมาคือยังไม่มีการพิสูจน์อะไร ว่ายกเลิกสัญญา/ให้ออก/ไล่ออก แล้วไปปีนแบบนั้นก็เข้าทางครับ ว่าบุกรุกมั๊ย กลับกันคือควรแจ้งความ/ฟ้อง หรืออะไรตามขั้นตอนก่อนเพื่อพิสูจน์ให้เห็นชัด ว่าที่เด็กทำไม่ได้ผิด และฝ่ายครูเป็นฝ่ายผิด

ต่อให้ในบ้านนี้เมืองนี้ กฎหมายมันจะพิเรนท์หน่อย แต่เราก็ไม่สามารถยกเอาแค่บางข้อมาอ้างได้ ถ้าจะยกก็ต้องยกทั้งหมด แต่ถ้าจะไม่เอากฎฯ ก็ต้องไม่เอาทั้งหมดครับ