[RE: เพื่อไทย นโยบาย 10000 บาท ไม่ต้องกู้!]
GNR พิมพ์ว่า:
timematoom พิมพ์ว่า:
GNR พิมพ์ว่า:
timematoom พิมพ์ว่า:
GNR พิมพ์ว่า:
ไม่ได้เก่งเศรษฐศาสตร์
แต่วิธีที่ใช้ นี้เค้าเรียก ว่า การใช้จ่ายแบบทวี ปะ ถ้าจำเชื่อไม่ผิด คือการที่ คนใช้เงิน ในระบบเศรษฐกิจ แล้วทำให้เกิดการใช้เงินซ้ำไปมา
ไปดูก่อน VAT เวลาเปลี่ยนมือเค้าจ่ายกันยังไง มาทวีอะไร
ประมาณแบบนี้ ครับ
สมมุติ ผมซื้อของ 5000 บาท กับ ร้านนึง ร้านนั้นก็ นำเงินนี้ไปใช้ต่อ เช่นไปซื้อวัตถุดิบเพื่อมาขายต่อ แล้ว ร้านที่เตรียมวัตถุดิบก็เอาไปใช้จ่ายต่อเป็นทอดๆ ไปเรื่อยๆ ประมาณแบบนี้
ประโยชน์คืออะไรครับ ได้หน้า GDP พุ่งมหาศาล เงินในระบบคือ + เท่าที่ทุ่ม ภาษีก็ไม่ได้เพิ่มอะไรนักหนา แล้วเงินก็ไหลกลับไปอยู่กับนายทุนใหญ่ อะไรแบบนี้เหรอ?
ผมไม่ได้มาให้ ความรู้ครับ แล้วก็ตามที่ออกตัว ไม่ได้เก่งเศรษฐศาสตร์ ถ้าใครมีความรู้ เรื่องนี้ก็อยากให้อธิบายสอนผม เพื่อเป็นความรู้ ไม่ใช่มาถามผมอีกทีเพราะผมก็ไม่รู้
แต่เหมือน ที่อ่านมา ผมอ่านหนังสือเกี่ยวกับ เรื่องท่องเที่ยว เค้าต้องการให้เกิดเรื่องนี้ผมอ่านไปก็ยังงงๆ คิดอยุ่ว่ามันหลักการเดียวกันเปล่า
ผมก็ไม่ได้เก่ง แต่คิดว่ามันเหมือนจับโยงมากกว่า ....
การที่เงินหมุน เศรษฐกิจเติบโต เพราะ GDP โต มันไม่ยากหรอกครับ
สมมุติ ผมจ้างคุณทำความสะอาดบ้าน 100 บาท ท่านจ้างผมให้ทำอาหารให้ 100 บาท ....--> GDP ที่เกิดคือ 200 นะครับ แต่เงินท่านกับผมเท่าเดิม
แต่สิ่งที่คนในโพสเค้าพยายามอธิบาย --> คือ รายจ่ายของคนๆหนึ่ง มันจะ = รายได้ของคนอีกคนหนึ่ง ใช่ไหมครับ และ มันจะวนไปเรื่อยๆด้วยเงินจำนวนนั้นแหละ
คราวนี้ รัฐที่จัดเก็บภาษีจะได้เงินก้อนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนรอบของการใช้จ่าย (ยิ่งรอบเยอะ รัฐก็ยิ่งจัดเก็บได้เยอะ)
คำถามคืออะไรทำให้คนๆนึงใช้จ่ายได้มากขึ้น ถ้าตอบในระยะสั้นๆก็คล้ายๆนโยบายแบบลักษณะนี้แหละครับ โยนเงินให้ไปใช้เลย
แต่ในระยะยาวมันไม่สามารถทำแบบนี้ได้ สิ่งที่จะทำให้คนใช้จ่ายได้มากขึ้นได้ มันต้องการจาก productivity ของคนๆนั้นครับ
ถ้าถามว่ากระตุ้นได้ไหม ผมว่าได้ (เหมือนบัตรรัฐให้ ชิมช้อปใช้ และ โครงการต่างๆของภาครัฐ) คือมันได้ภาษีมากขึ้นจากการใช้จ่ายด้วยโครงการพวกนี้อยู่แล้ว แต่สุดท้ายถ้าอยากให้คนในประเทศมันมีรายได้มากขึ้น มันก็ต้องพัฒนาคน สินค้า เพื่อให้ได้ productivity ที่มากขึ้นไปอยู่ดีครับ
ปล. ผมอ่านคร่าวๆนะ ไม่รู้ว่านโยบายนี้เค้ามีวิธีคิดจริงๆจังๆยังไง