อันนี้ WBA vs LIV

แต่ปีนั้นหงส์ไม่ได้นำยาวๆ แบบน่อลปีนี้นะครับ

ปีนั้นมี 4 ทีม หงส์ เรือ เชลซี น่อล ผลัดกันนำผลัดกันตามมาตลอด
ช่วงครึ่งแรก น่อลนำมาตลอดด้วยซ้ำ
แล้วครึ่งหลังเชลซีแซง จนตอนท้ายๆ หงส์เพิ่งมาแซง ก่อนจะมาเสียแชมป์ให้เรือในโค้งสุดท้าย

ผมก็มองแบบนี้ เจอราดลื่นก็เรื่องนึงแต่ต้นเหตุจริงๆ มาจากแผนรอดเจอร์ที่ไปเร่งบุกแหลกใส่เชลซีทั้งที่แค่เสมอแล้วชนะนัดที่เหลือก็แชมป์แล้ว นัดนั้นเชลซีของมูพยายามเล่นถ่วงเวลาด้วยซ้ำผมโคตรจะงงที่เราไปบุกหลังลอยขนาดนั้นทำไม

จำไม่ผิดเหมือนมาพลาดปีใหม่ ตอนมกรา คล้ายๆว่า ทีมเสียสมดุล น่าจะเฮนโด้มั้ง บาดเจ็บ ช่วงกำลังพีค และก็ฟอร์มสะดุด และก็โดนใบแดง ช่วงท้ายๆ 3-5 นัด คุ้นๆ แต่ตอนบาดเจ็บไม่รู้ยังไง ใครจำได้บอกที นานและ แต่มีปีนึงแน่ๆ ที่นักเตะตัวหลัก ตัวเกมรับนี่หล่ะเจ็บมกรา เลยทำให้ทีมสะดุดและพลาดแชมป์เลย จะสังเกตุหงส์ ต่อให้ดีมาทั้งปี มกรามักแย่ตลอด ไม่รู้เป็นอะไร แล้วหลังๆหงส์กก็จะชนะตลอด แต่ก็ตามไม่ทัน เป็นแบบนี้จริงๆ คำถามยากเพราะนานมาแล้วลืม 5555

เกมลื่น มันเป็นความผิดพลาดนักเตะก็จริง แต่ถ้ามองภาพรวม ความผิดมันอยู่ที่ BR ซะส่วนใหญ่

เหมือน BR เองก็มีปมกับเชลซีอ่ะ แนวอยากพิสูจน์ตนเองว่าตอนนี้ตูเจ๋งแล้วนะ แล้วก็เจ๊งเลย ใครๆเขาก็บอกก่อนเกมว่านัดนี้สำคัญยันเสมอพอ แต่พี่แกบุกยับเลยครับ เจอร์ราดที่อยู่ช่วงใกล้รีไทร์แล้ว ดันใช้เป็นตัวตัดเกมให้วิ่งทั่วสนามคิดว่าเป็นก็องเต้หรือไง

แล้วแผน BR สมัยนั้นจะทิ้งพื้นที่ระหว่างกองกลางกับกองหลังไว้เยอะ แบบเยอะมากเอารถสิบล้อไปจอดได้หลายคันอ่ะ ยิงมายิงกลับไม่โกง แผนของ BR พร้อมแพ้ได้ทุกเมื่อ แต่ตอนนั้นซัวเรสมันเทพมาก

เกมกับเชลซีเสียหายก็จริง แต่พังของจริงหลังจากนั้นต่างหากเพราะจุดอ่อนโดนซ้ำอยู่เรื่อยๆ

สำหรับอาเซนอลนี่แทบไม่ต้องกังวลเรื่องแทคติกอ่ะ ไร้จุดอ่อนเชิงแทคติก แต่ต้องระวังนักเตะเจ็บมากกว่า ถ้าตัวหลักสำๆคัญเจ็บนี่จบแน่

กับเชลซี​เป็นจุดเริ่มต้น​ แต่ผมมองว่านัดเสียหายจริงๆคือเกมเจอพาเลซ​เพราะถ้าได้3แต้มซิตี้ยังต้องบังคับชนะเพื่อทำแต้มเท่าให้ได้​ พอเสมอทำให้ซิตี้ไม่กดดันเพราะถ้าเสมอก็ไม่เสียหาย

แต่เอาจริงๆลิเวอร์พูล​ควรโทษตัวเองเพราะปีนั้นระหว่างทางก็ทำแต้มหกเรี่ยราดไปเยอะ

วกกลับไปที่เกมกับเชลซี​ ที่เล่นบุกแบบบ้าคลั่งผมคิดว่าร็อดเจอร์คงอยากแก้มือเพราะนัดแรกนำไวแต่เจอยิงแซงแพ้ไป

ผมยัง back ฝั่ง BR นัดเจอเชลซีนะ..

เพราะเหลือ 3 นัดซึ่งก็ไม่แน่ไม่นอนทั้ง 3 นัด..สมัยก่อนคลอปป์มาคุม เราแพ้ทางพาเลซโคตรบ่อย ไอ้ ดไวท์ เกลย์นี่ตัวยิงหงส์เลย

ดังนั้นมันก็ควรต้องเน้นเก็บ 3 แต้มให้ได้ทุกนัดไม่ใช่มาขอแต้มเดียว (ถ้าได้แต้มเดียว อีก 2 นัดที่เหลือก็ต้องมากดดันตัวเองให้ชนะอยู่ดี)

แล้วนัดนั้นเชลซีส่งสำรองลงเกือบครึ่งทั้งทีม เพราะเก็บตัวเล่น UCL เจอแอต มาดริด กลางสัปดาห์..

เซนเตอร์ชื่อ Kalas ทั้งปีทั้งชาติไม่เคยลงสนามเลยด้วยมั๊ง..โม ซาลาห์ที่มูแทบไม่เคยให้โอกาส ยังได้เป็นตัวจริงอ่ะ

เล่นแอนฟิลด์ เจอทีมสำรองเชลซี แล้วจัดแผนป็อดๆขอแค่แต้มเดียว..จบเกมส์ก็โดนแฟนด่าอยู่ดี (รู้อะไรก็ไม่สู้รู้งี๊)

นัดนั้นคนพลาดว่ากันตรงๆก็กัปตันนั่นแหละ..คนเร่งจังหวะก็แกเอง (ตอนมูถ่วงเวลาแกก็เข้าไปบวกเอง) คนลื่นเสียบอลเสียประตูก็แกอีก

ซึ่งนั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมรักแกน้อยลงนะ ยังงัยก็ตำนาน..แต่พลาดก็คือพลาดอ่ะ ไม่เห็นจำเป็นต้องไปโอ๋ ไปโบ้ยความผิดให้คนอื่น

ผมดูอยู่อังกฤษช่วงนั้นพอดี เกมแพ้เชลซี แม้แต่แฟนบอลที่โน้นยังมองว่าโอกาสลุ้นแชมป์จบแล้ว เพราะแชมป์อยู่ในมือแมนซิตี้แล้ว ประตูได้เสียดีกว่ามาก เกมที่เหลือของแมนซิตี้ก็ไม่ยาก

ส่วนที่บอกกันว่าร็อดเจอร์สพลาดที่กะเอาชนะเชลซี ทั้งๆที่เสมอก็แชมป์แล้ว คิดผิดสุดๆ

ฤดูกาลนั้นลิเวอร์พูลชนะได้ก็จริงแต่ชนะแบบหวุดหวิดมาตลอด ยิ่งเกมเยือน ยิ่งไม่แน่นอนเอาซะเลย ก่อนเจอเชลซี บุกไปเยือนนอริช ชนะ 3-2 แบบเกือบตาย ถ้าร็อดเจอร์สเอาแค่เสมอเชลซี นัดไปเยือนพาเลซทีมที่เก่งกว่านอริชมาก เรามีสิทธิ์ไม่ชนะ

ดังนั้นเราจึงควรชนะเชลซีในบ้าน และ 2 นัดสุดท้ายเยือนพาเลซ เหย้านิวคาสเซิ่ลเรายังมีโอกาสเสมอได้นัดนึง

ตอนเกมเฉือนนอริช ร็อดเจอร์สยอมรับว่าลูกทีมกดดันกับบรรยากาศลุ้นแชมป์ นักวิเคราะห์บอกว่านัดนี้เชลซีจัดชุดสำรองลงเยอะ ลิเวอร์พูลต้องชนะนัดนี้ให้ได้ ถ้าในบ้านเล่นเพื่อเสมอ จะรับประกันได้ไงว่าจะไปชนะพาเลซ ในสภาพกดดันสุดๆได้

ถ้าวันนั้นร็อดเจอร์สเล่นแค่เอาเสมอเชลซีที่เอาสำรองลง รับรองโดนด่าเละกว่านี้แน่นอน

การมุ่งมั่นเอาชนะเชลซี คือการตัดสินใจที่ถูกต้อง แต่ทำไม่ได้เอง พอแพ้เชลซีการลุ้นแชมป์ก็จบเลย

ผมโทษรอดเจอร์ เสมอก็ได้นัดนั้น แต้มยังนำอยู่ดี ค่อยไปเก็บนัดอื่นทีหลัง
ดันห่วงอยากทำสถิติส่วนตัว อยากทำทีมชนะรวดสูงสุด

คิดเหมือนทั้ง 2 ท่านนี้ครับ ดีใจที่มีคนคิดเหมือนกัน

เมื่อก่อนผมก็เคยเสียดายนะ BR น่าจะเล่นแค่เอาเสมอพอ
แต่พอมาคิดดีๆ มันคือเก่งหลังเหตุการณ์อะ เสมอไปก็ไม่มีอะไรรับประกันว่านัดที่เหลือจะชนะรวด

สมมติเสมอเชลซี แล้วนัดที่เหลือหลุดเสมออีกนัด แฟนบอลก็จะมานั่งเสียดายอีกอยู่ดี
"นัดเชลซีทำไมไม่บุกเอาชนะไปเลยว้า ไม่งั้นก็แชมป์ไปแล้ว"

------

ยิ่งพอมาเจอสถานการณ์แบบเดิมอีกครั้ง ในปี 2018-19

ช่วงท้ายๆ เรานำแมนซิอยู่ 3 แต้ม แต่ประตูได้เสียแย่กว่า (คือหลุดเสมอได้นัดนึง แพ้ไม่ได้)
สถานการณ์เดียวกันกับปี 2013-14 เป๊ะๆ

นัดที่ไปเยือนแมนยู คล็อปป์ทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับ BR เลย คือเล่นเพลย์เซฟมากๆ
สุดท้ายจบเสมอ 0-0 (ยังนำแมนซิอยู่ 1 แต้ม)

ซึ่งแมนยูปีนั้นไม่ได้เก่งเลย ถ้าโหมบุกเอาชนะจริงๆ ผมว่าน่าจะชนะได้

แต่นัดที่เหลือเราดันมาหลุดเสมอเอฟอีกนัด เลยกลายเป็นตามหลังแมนซิ 1 แต้ม

เห็นมะ สุดท้ายมันก็มีคนมานั่งเสียดายอยู่ดีอะ "นัดแมนยูทำไมไม่บุกเอาชนะไปเลยว้า ไม่งั้นก็แชมป์ไปแล้ว"
คำถามประเภท "what if" มันก็คือเก่งหลังเหตุการณ์ทั้งนั้นแหละครับ