กีณีนี่แม่น่าจะป่วยมากกว่าลูก วิธีคิดแปลก

กลับมาที่เรื่องเศรษฐกิจ
ถ้าทรงนี้ไปเข้าโรงเรียนรัฐหรือโรงเรียนวัด(สังกัด กทม.-อบจ.) ครูเค้าดูไม่ไหว เพราะเด็กน่าจะงอแงหนักเลย เมื่อขาดมือถือ/ไอแพด
ต้องไปโรงเรียนทางเลือกของเอกชน ที่พาเด็กทำกิจกรรมนักๆ ซึ่งเทอมละ5หมื่น++

สงสารเด็กอะ
ผิดตั้งแต่ให้เด็กวัยนี่มานั่งเล่นโทรศัพท์แล้วอะ

ให้เล่นเยอะเกินไปแล้ว การพัฒนาการ เข้าสังคม สมาธิ ประสาทตา ฯลฯ เสียหมด

สพฐ ไม่มีนโยบายให้เด็กซ้ำชั้น ต่อให้เด็กมาเรียนแค่วันสองวันในเทอม สุดท้าย รร ก็ดันให้เด็กเลื่อนชั้นอยู่ดี ถ้าไม่แก้ไข อนาคตเป็นภาระสังคมแน่ๆสมองไม่มีการพัฒนาการเรียนรู้เท่าที่ควร

พ่อแม่รังแกฉันชัดๆ

ผมเห็นเด็กเล็กเดี๋ยวนี้จับมือถือกันเป็นปกติเลย ขนาดเราเพิ่งมาเล่นตอนโตยังติดเลย นับประสาอะไรกับเด็ก

เห็นแล้วอนาถใจมากครับ แล้วเด็กวัยนี้ควรไปพัฒนาด้านอื่นด้วย

สงสารเด็กเลย

น่าสงสารเด็ก

ผมแก้ โดยวิธียาแรง

ย้ายจากเอกชน มาเรียนโรงเรียนวัด

สาเหตุ ลูกมีปัญหาไม่ไปโรงเรียน ยิ่งช่วงโควิดหยุดยาว ผมก็ไม่มีเวลาดู พอจบ อนุบาล

กลายมีปัญหาเรื่องการเขียน ผมเลยจับไปเรียนโรงเรียนรัฐ ยิ่งช่วงแรกๆ งอแง

ถ้าอยู่บ้านไม่ยอมไป ผมจะเก็บมือถือ ไอแพด ห้ามเล่นเด็ดขาด ซึ่งกว่าจะปรับตัวได้ 1 เทอม

พอเทอมสองไปเรียนปกติ เริ่มมีเพื่อน เริ่มเล่น เริ่มทำกิจกรรม

ซึ่งถ้าเรียนเอกชน ครูจะตามใจ ไม่กวดขันเหมือนครูรัฐ ลูกผมหัดเขียนน้ำตาอาบแก้มเลย

เคสนี้ เริ่มมีให้เห็นมากขึ้นแล้วนะ ลูกของพี่ที่ทำงานก็เปนแบบนี้ ไม่ไปโรงเรียน เข้ากับเด็กคนอื่นไม่ได้เพราะไม่คุยกับใคร
อาการชัดๆเลยคือสมาธิสั้้น ไม่พูดภาษาคน ไปพูดภาษาต่างดาว ตามเกมส์ ตามมือถือ
เริ่มเปนห่วงอนาคตหลังจากนี้

แม่ไม่พร้อมมีลูกนะดูทรง

พ่อ แม่ รังแกฉันของแท้เลย

ไม่รู้จะพูดยังไงเลยดันเลือกเวย์มักง่าย เด็กไม่อยากไปรร. ไม่บังคับ มันง่ายแค่ตอนนี้เท่านั้นแหล่ะ
หลังจากนี้ไปยากล้วนๆ พัฒนาการพังหมด ซ่อมแพงนะฮะ ต้องไปหาหมอจะรักษาก็ต้องใช้เงิน พ่อแม่ก็ต้องมาเสียเวลาดูแล แล้วก็จะพาลไปเรื่องอื่นๆของครอบครัวแบบพังระเนระนาดเลยได้ทั้งชีวิตเลย จากแค่ไม่อยากบังคับให้มันไปโรงเรียนตอนเริ่มแค่นี้แหล่ะ

ภาคบังคับต้องจบม.3 ได้เลี้ยงเฒ่าทารกยันตายแน่คุณแม๊